เขียนถึงความรัก.. อีกสักครั้ง ( 2 )


น้องสาวที่ข้าพเจ้ารู้จักอีกคนหนึ่ง มีทุกข์จากความรักเพราะการพลัดพราก และเป็นการพลัดพรากที่ไม่อาจจะกลับมาพบกันได้อีก   คนที่เธอรักเป็นมะเร็ง  และเธอได้พยายามอย่างที่สุดในการดูแล และรักษาเขาอย่างดี ด้วยเพราะว่าเธอเป็นหมอเช่นกัน   เรื่องราวของเธอนั้นยิ่งกว่านวนิยายน้ำเน่าทั้งหลาย  เพราะนี่ืคือความทุกข์โดยแท้จริง และนี่คือโลกแห่งความจริง  

เธอเล่าว่าตอนที่พบกันครั้งแรก  เขาอยู่ในฐานะคนไข้ และเธอคือผู้รักษา  ด้วยความที่เขาอายุยังน้อยและเป็นมะเร็ง  แม้จะเรียนจบมีอาชีพการงานที่ดี แต่ความเจ็บป่วย ทำให้เขาหมดหวังกับชีวิต  แถมพ่อแม่นั้นก็จากเขาไปนานแล้ว เขาจึงดูเหมือนไม่เหลือใครเลย   ตอนนั้นเขาบอกแพทย์ผู้รักษาว่า  เขาไม่ต้องการเปลี่ยนไขกระดูก ไม่ต้องการรักษาใดๆอีก และต้องการที่จะตาย   แต่เธอก็พยายามพูดคุยเกลี่ยกล่อมให้เขารับการรักษา  และด้วยความเมตตาสงสาร และการเกื้อหนุนให้กำลังใจ   คนทั้งคู่ก็กลับกลายเป็นคู่รักกัน

เธอยอมรับที่จะใช้ชีวิตที่เหลือกับใครคนหนึ่งที่เป็นมะเร็ง  และรู้อยู่เต็มอกว่าเขาอาจจะจากไปในวันหนึ่ง  เป็นการตัดสินใจที่ใครหลายๆคน ไม่อาจทำเช่นนั้นได้การที่เราบอกว่ารักใครสักคนหนึ่งอย่างมากมาย  แต่ในที่สุดเราหลายๆคน ก็มักจะรู้สึกรักตนเองเกินกว่าที่จะยอมเจ็บปวด  และไม่คิดที่จะยินยอมสูญเสียเวลาในช่วงหนึ่งของชีวิต ไปกับใครสักคนที่กำลังจะตายได้  แต่น้องสาวที่ข้าพเจ้ารู้จักคนนี้ ได้กระทำเช่นนั้น

 ช่วงเวลาที่เขาป่วยหนักและกำลังจะจากไป  นั่นคือเวลาแห่งความทุกข์อันมหาศาล  เธอทำทุกอย่างที่จะยื้อชีวิตเขาไว้   แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจอยู่กับเธอต่อไปในโลกนี้ได้

 

ในห้วงเวลานั้น คนรักของเธอก็เรียนรู้ถึงความทุกข์จากการเจ็บป่วย ความทุกข์จากกายสังขารที่กำลังแตกสลาย  และเธอก็เรียนรู้ ไปพร้อมๆ กับเขา   นานทีเดียวกว่าที่ความทุกข์ความเศร้าจะจางหาย  และในเวลานั้นเธอไม่มีใครที่จะปลอบใจดูแลแม้แต่คนเดียว 

เธอบอกว่า  บางทีเธอกับเขาคงมีเหตุให้มาได้พบกันและเป็นเช่นนี้ และอาจจะเป็นเวรกรรมแต่หนก่อน  จึงทำให้เธอต้องมาดูแลเขาในชาติภพนี้  ข้าพเจ้าเลยบอกเธอว่ามีสองสิ่งที่เป็นไปได้

1. ถ้าเขากับเราไม่มีเวรกรรมอะไรต่อกันมาก่อน แต่การที่เราได้ดูแลเขาอย่างดี ได้มอบความรักให้เขาอย่างดี และร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเขาด้วยใจที่แท้จริง  เราก็ได้สร้างบุญกุศลอันใหญ่หลวงแล้วสำหรับชีวิตคนคนหนึ่งที่กำลังทุกข์หนักและกำลังจะตาย  

2.ถ้าเรามีเวรและกรรมกับเขามาก่อน  เราก็ได้ชดใช้เขาแล้วอย่างเต็มที่ เพราะเราได้ชดใช้เขาด้วยหัวใจ ด้วยความรัก ด้วยความเมตตา  และด้วยความเต็มใจ 

ปัจจุบันน้องสาวคนนี้เรียนรู้ที่จะอยู่ และเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าแข็ง เธอเริ่มสนใจในการภาวนา  เธอบอกว่า ช่วงที่ชายคนรักกำลังเจ็บป่วย เขาอ่านหนังสือธรรมะและนั่งสมาธิ เธอก็ต้องนั่งภาวนาเป็นเพื่อนเขาด้วย   เขาคือผู้น้อมนำใจเธอให้มาสนใจด้านนี้ ..

 การแยกจากใครสักคนที่เรารัก ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย  สุดท้ายก็คือความเศร้าความทุกข์  แต่ช่วงหลังๆข้าพเจ้าพบว่า  บททดสอบที่ยากกว่าคือบททดสอบเรื่องการจากกันของพ่อ แม่ ลูก  เราอาจจะตัดขาดจากใครสักคน เช่นสามี หรือภรรยา ได้ แต่การตัดขาดจากสายเลือด  จากเลือดเนื้อเชื้อไข มันออกจะยากอยู่

ข้าพเจ้ารับทราบเรื่องราวโดยคร่าวๆ ของน้องพยาบาลที่รู้จักกัน  เมื่อหลายวันก่อน เธอต้องพบเจอกับสภาวะที่ต้องหย่าร้าง และลูกก็เป็นเหตุแห่งความทุกข์อันใหญ่หลวง  เพราะผู้เป็นพ่อกีดกันไม่ให้เธอพบลูก   เธอบอกว่าเป็นห่วงลูกมากเพราะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก แต่น้อย 

ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่า สาเหตุของการหย่าร้างคืออะไร แต่ที่แน่ๆ  กับสามีหรือคนรัก  มันอาจจะตัดขาดกันได้ง่ายๆอยู่ แต่กับลูกที่ฟูมฟักอยู่ในร่างกายเธอมาถึง เก้าเดือนนั้น  มันไม่ธรรมดาแน่  สายสัมพันธ์นี้มันไม่อาจตัดขาดได้ และไม่อาจปล่อยและวางลงได้ง่ายๆ     แม่ๆ ทั้งหลายย่อมเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นดี

ข้าพเจ้าเลยบอกน้องหมอที่สนิทกันว่า  ความทุกข์นี้หนักกว่าเรื่องของ สาีมีเมียน้อย  มีกิ๊ก  หรือภรรยามีชู้  และหนักยิ่งกว่าการที่คนรักมาตายจาก กัน เพราะความสืบเนื่องเกี่ยวพันกันมันชัดเจนมาก  ลูกคือสิ่งสืบเนื่องไปจากเรา  ครึ่งหนึ่งของร่างกายเขามีเราอยู่ด้วย การที่จะให้ปล่อยให้วางลง มันยากมาก  น้องพยาบาลคนนี้เธอกำลังเจอบททดสอบที่สาหัสและหนักหนาจนไม่อาจประมาณการได้

แล้วข้าพเจ้าก็ย้อนกลับมามองเห็นว่า   ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน  ตอนที่น้องชายข้าพเจ้าป่วยเป็นมะเร็ง  เขาต้องฉีดเคมีบำบัด  เขาต้องฉายแสง เขาทานอะไรไม่ได้เลย  และอาเจียนอยู่ตลอดเวลา   เขามีแต่ความเจ็บปวด  เขาเล่าว่าวันหนึ่งเขามองเห็นสายตาของแม่ที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง  วันนั้นสายตาของแม่เหมือนจะบอกว่า  ถ้าเจ็บแทนได้ แม่จะขอเจ็บแทน   หรือบางทีอาจจะขอตายแทน ถ้าเป็นไปได้    ข้าพเจ้าว่าวันนั้นคงทำให้เขาประจักษ์แจ้งแก่ใจ ในความรักของแม่ และรู้ว่ามันยิ่งใหญ่มากจริงๆ   

ด้วยเพราะความรักมันมีความทุกข์เจือปน   ใครบางคนจึงกลัวความรัก และกลัวการถูกรัก หลายคนปฎิเสธที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของความรัก  และไม่ยอมมีความรักกับใคร และไม่ยอมที่จะรักใครจริงๆจัง ๆ  เพราะกลัวความเจ็บปวด  กลัวผิดหวัง  ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องราวที่เคยอ่านเจอนานมาแล้วว่า   บางสิ่งบางอย่างนั้นมีทั้งคุณและโทษ   ยาบางอย่างอาจจะรักษาโรคร้ายได้ แต่ก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน   มีดที่ใช้ในครัว เพื่อทำอาหาร ใช้หั่นผักผลไม้  ถ้าใช้ไม่ระวังเราก็จะโดนมีดบาด และถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดและไม่ระวัง มีดทำครัวก็สามารถทำให้คนเลือดตกยางออกและถึงตายได้

ความรักก็เป็นเช่นนั้น   เมื่อมันทำให้คนที่มีความรักเป็นสุขได้  มันก็จะทำให้เกิดความทุกข์ใจได้เช่นกัน  เพราะนี่คือสิ่งธรรมดาของโลก

การที่เราปฎิเสธความรัก หรือปฎิเสธการมีความรัก เพราะกลัวความทุกข์ ก็เหมือนเราปฎิเสธที่จะกินยารักษาโรค เพราะกลัวผลข้างเคียงอะไรสักอย่าง

เราปฎิเสธจะใช้มีดทำครัวเพราะกลัวมีดจะบาด ปฎิเสธการข้ามถนนเพราะกลัวรถจะชน เราต้องการทุกอย่างที่ดีมากๆ และสมบูรณ์แบบและไม่อยากให้มีผลข้างเคียงอะไรเลย  เราต้องการมีความรักที่ไม่ต้องมีความทุกข์  ต้องการเกิดโดยที่ต้องไม่มีการตาย  ต้องการการพบกันโดยที่ต้องไม่มีการจากกันอีก   เราต้องการสิ่งเดียวและด้านเดียว  และเป็นสิ่งที่ตรงใจและถูกใจเรา เท่านั้น นั่นคือความต้องการที่หลายๆคนเป็นอยู่

ความสุขและความทุกข์นั้น มันมักจะอยู่คนละด้านของเหรียญ เหรียญหนึ่ง  การคาดหวังให้เหรียญออกหัวตลอดเวลาโดยไม่ออกก้อย  ดูจะเป็นการยากอยู่

สุดท้ายเราต้องยอมรับทั้งสองสิ่งที่จะเกิดขึ้น  เมื่อเรามีความรัก เราจึงต้องตระหนักรู้ว่า ความสุขที่มีอยู่ตอนนี้ขณะนี้  อาจจะแปรเปลี่ยนได้ทุกเวลา  ดังนั้น เวลานี้  ที่นี่ เดี๋ยวนี้  ในปัจจุบันขณะ  จงใช้เวลาอย่างดีที่สุดและมีคุณค่าอย่างที่สุดกับคนที่เรารัก การอยู่ที่นี่ตรงนี้กับใครสักคนทั้งกายและใจอย่างแท้จริง จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง  เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่เป็นจริงได้ และสัมผัสได้

 ดังนั้นในปัจจุบันขณะเราสามารถรักใครสักคนได้อย่างเต็มหัวใจ  แต่ไม่ควรยึดไม่ควรหวัง  ไม่ควรย้ำคิดไปถึงเรื่องของอดีต  และไม่ควรกังวลไปในอนาคต  และควรมีสติที่จะเรียนรู้และเตรียมใจว่า ทุกๆสิ่งแปรเปลี่ยนไปได้เสมอ ไม่ว่าจิตใจของเขาหรือแม้กระทั่งจิตใจของเราเอง

  ความรักที่แท้คือการให้โดยปราศจากเงื่อนให้  ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ และอาจจะมีความหวังเพียงประการเดียวเท่านั้นว่า  ขอให้คนที่เรารักมีความสุข  รักที่แท้ย่อมต้องมีความเมตตาต่อกัน  มีความเข้าใจกัน  เห็นคุณค่าในกันและกัน  และไม่สร้างทุกข์ให้แก่กัน ทั้งกาย วาจา ใจ

เมื่อใดก็ตามถ้าเราพบเจอความรักที่มีแต่ความทุกข์ และทั้งเราและเขาต่างขาดความเมตตาต่อกันและกันเสียแล้ว   นั่นคือเวลาที่เราควรจะปล่อยความรักนั้นไปเสีย เพราะมันไม่ใช่รักที่แท้จริง

 

 

จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งรัก

ละขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทร

อันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง

จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน

จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน

จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง

แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว

ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว  

แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน  

จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง  

เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้นที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้  

และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก  

เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน  

และต้นโพธิ์ ต้นไทรก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้  

                                            ..คาลิล ยิบราน...

 

คำสำคัญ (Tags): #ความรัก
หมายเลขบันทึก: 302258เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2009 22:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

คุณ Sunny บางทีความรักเป็นเรื่องของคน 2 สองคน (และคนรอบข้าง) ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคน 2 คน ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งสองหรอกค่ะ ..บางครั้งเราก็พูดได้ว่ามันควรเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่บางที..มันก็ทำไม่ได้เหมือนกันค่ะ..

สวัสดีค่ะคุณkaniya

จริงดังว่าค่ะ  เรื่องแบบนี้มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่รู้จริง  คนภายนอกที่พบเห็น ไม่อาจเข้าใจอะไรได้  และไม่อาจตัดสินอะไรได้  ทั้งในความถูกหรือความผิดโดยเฉพาะเรื่องของความรัก     มีหลายครั้งที่เราพบเจอเหตุการณ์บางอย่างด้วยตัวเอง .. ที่เคยคิดว่าควรจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้  ควรจะทำอย่างนั้นอย่างนี้  .. มันก็ทำไม่ได้ เหมือนกัน   แต่สติ และการรักษากายใจ ด้วยการภาวนา  จะช่วยหยุดยั้งการกระทำใดๆ ที่อาจจะไปทำร้ายคนอื่น   และทำให้เราเข้าใจใครก็ตามที่ทำให้เราทุกข์  และบางทีอาจจะให้อภัยกันได้ง่ายขึ้นด้วย

ขอบคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกันค่ะ 

 

 

เข้ามาอ่านแล้วทำให้มองย้อนกลับมาหาตัวเอง และเห็นตัวเองมากขึ้นเนื่องด้วยบางครั้งก็สับสนกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่พออ่านแล้วก็เกิดกำลังใจ เกิดความรู้สึกตื่นขึ้นมาค่ะ โดยเฉพาะที่คุณsunny บอกว่า

"1. ถ้าเขากับเราไม่มีเวรกรรมอะไรต่อกันมาก่อน แต่การที่เราได้ดูแลเขาอย่างดี ได้มอบความรักให้เขาอย่างดี และร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเขาด้วยใจที่แท้จริง เราก็ได้สร้างบุญกุศลอันใหญ่หลวงแล้วสำหรับชีวิตคนคนหนึ่งที่กำลังทุกข์หนัก และกำลังจะตาย

2.ถ้าเรามีเวรและกรรมกับเขามาก่อน เราก็ได้ชดใช้เขาแล้วอย่างเต็มที่ เพราะเราได้ชดใช้เขาด้วยหัวใจ ด้วยความรัก ด้วยความเมตตา และด้วยความเต็มใจ "

"ความรักที่แท้คือการให้โดยปราศจากเงื่อนให้  ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ และอาจจะมีความหวังเพียงประการเดียวเท่านั้นว่า  ขอให้คนที่เรารักมีความสุข  รักที่แท้ย่อมต้องมีความเมตตาต่อกัน  มีความเข้าใจกัน  เห็นคุณค่าในกันและกัน  และไม่สร้างทุกข์ให้แก่กัน ทั้งกาย วาจา ใจ"

นั่นสินะคะ บางครั้งความมืดในจิตใจก็ทำให้เราลืมความสวยงามที่เป็นแก่นของความรักไปซะสนิท

ขอบคุณมากค่ะ


...ไม่ใช่..เวรกรรมนะครับ...ผมว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ช่วงเวลาที่ดีด้วย..เพราะเราขณะนั้น ตัดสินใจอย่างนั้น ..มันก็เป็นไปตามเหตุที่เราตัดสินใจ...ไม่มีดี ไม่มีเลว ไม่มีผิด ไม่มีถูก และ ไม่ใช่เรื่องของคน 2 คน เป็นเรื่องของคน คน แต่ละคน

...เพราะเรา.เกิด...และ ตาย อยู่ตลอดเวลา....เพราะฉนั้น เราเมื่อวันนั้น..กับสิ่งที่เกิด ณ วันนั้น ได้ตายไปแล้ว และ เรา ณ วันนี้ กับสิ่ง ณ วันนี้ คือ ก็คือวันนี้ (ปัจจุบันขณะที่คุณ sunny ว่า)

...ถ้าเราจำ...คิดถึงอดีต...เราก็ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันขณะ...ไม่ได้รับรู้ ไม่ไ้ด้สัมผัส กับความงดงามของสายลมเย็น ท้องฟ้าสดใน ณ ปัจจุบัน...

...ถ้าเราิคิดถึงอนาคต.....เราก็ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันขณะ...ไม่ได้รับรู้ ไม่ไ้ด้สัมผัส กับความงดงามของดอกไม้สีสดใส...รอยยิ้มของมิตรสหาย....ณ ปัจจุบัน...

...นิยามความรัก...ของคาลิล ยิบราน...สวยงามจริงๆๆ

...ขอให้ทุกคนมีความรัก...ที่สวยงาม...ในหัวใจ..และ...จงเป็นอิสระ

    

     การจากคนที่รักโดยไม่มีวันได้พบกันอีกในชั่วชีวิตหนึ่ง   คือความเจ็บปวด

ของชีวิต ทุกครั้งที่นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เขาเคยแบ่งปันให้เรา ยิ่งสะเทือนใจจนแอบ

รินน้ำตาทุกที ฉันไม่เคยเสียคนรัก แต่เคยสูญเสียคนที่รักฉันมากที่สุด

คือ..............พ่อ...................

บุคคลที่ไม่สามารถมีใครมาแทนที่ในความรู้สึกได้

สวัสดีค่ะ pui

รักที่แท้ มีความสวยงามอยู่ในนั้นค่ะ  ความเมตตา และความเข้าใจกัน เป็นหนทางที่นำพาความรักไปได้ค่ะ  ในขณะเดียวกันก็ควรจะปล่อยความยึดมั่นถือมั่นและความคาดหวังต่างๆ ไปเสีย  ^ - ^

 

สวัสดีค่ะ No name

ขอบคุณที่มาแบ่งปัน และแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ด้วยกันค่ะ

ทุกขณะเวลานาที  ที่เราดำรงอยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้กับใครสักคน จึงมีความสำคัญใช่ไหม๊คะ และมีคุณค่ามากๆ ด้วย  ถ้าเราอยู่ที่นั่นกับเขาอย่างแท้จริงในปัจจุบันขณะ  อยากให้คนต้นเรื่อง คือน้องสาวที่ตนเองรู้จัก  ได้มาอ่านที่คุณ No name กล่าวไว้ตรงนี้จัง  เธอคงรู้สึกดีมากๆ และเข้าใจชัดเจนขึ้น 

วันนี้ ..เป็นวันแต่งงานของเธอด้วยค่ะ  หลังจากความทุกข์ความเศร้าผ่านพ้นไป เธอก็ได้พบใครคนหนึ่งที่เป็นคู่ชีิวิตอย่างแท้จริง  น่าแปลกใจมากที่ว่า   เขาทั้งสองเคยรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว   รู้จักแบบห่างๆ  ไม่คิดว่าจะมาพบเจอกันด้วยซ้ำ  แถมต่างคนต่างมีทางเดินชีวิตของตนเอง  แต่สุดท้ายก็เดินทางมาพบเจอกันอีกครั้ง   เรื่องบางเรื่องก็น่าแปลกใจดีเหมือนกันนะคะ

 

สวัสดีค่ะปีตานามาจิตต์

คุณพ่อ ไม่ได้จากไปไหนหรอกค่ะ  ท่านอยู่ที่นี่ตรงนี้เสมอ อยู่ในใจของเรา  ความรักของท่านยังอยู่  สิ่งดีๆ ที่ท่านแบ่งปันให้เราก็ยังคงอยู่  ท่านอาจจะจากเราไปอยู่ในรูปแบบอื่นที่เราสัมผัสจับต้องไม่ได้   แต่ท่านอยู่ในใจเราเสมอ  และเราคือความสืบเนื่องมาจากท่าน   ท่านดำรงอยู่ในตัวเราเช่นกันค่ะ

 

 

น้องสาวพยาบาลคนนั้น

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อเขียนที่ให้กำลังใจนี้ วันนี้ท้อแท้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจึงนึกถึงคุณ sunny และข้อเขียนดี ๆ ไม่คิดว่าจะได้อ่านเรื่องของตัวเอง ใช่ค่ะ เศร้า ทุกข์ กำลังหาทางออกอยู่ทุกขณะ พยายามจะปล่อยวาง แต่เพราะความเป็นแม่ ก็ทำให้ปล่อยได้ไม่นานไม่มั่นคงเพราะไม่อยากให้ลูกบาดเจ็บด้วย เรียนรู้จากธรรมะหลายอย่างแต่ก็ยังไม่เข้มแข็งพอ จะพยายามต่อไปเพื่อผ่านพ้นบททดสอบที่แสนสาหัสนี้ คิดอยู่เสมอว่า....เมื่อมี...เหตุ....ตั้งอยู่...ดับไป..ทุกเวลามีการเปลี่ยนแปลง ...ใกล้ถึงการดับไปแล้ว หวังทุกอย่างคงเป็นในทางที่ดี หวังว่าเป็นอย่างงั้น

ไม่รู้อีกกี่ชั่วโมงข้างหน้านี้เราก็ใกล้จะสูญเสียคนรักคนพิเศษไปเหมือนกันคบกันมาสิบปีพอดี ยังไม่รู้ถึงเวลานั้นจะรับมือกับความรู้สึก

ที่ไม่เหมือนเดิมได้อย่างไร พยายามทำใจมาตลอดหลายเดือน แต่ก็อ่อนแอเสมอกับบททดสอบนี้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท