บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการพัฒนาห้องสมุดตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา
โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ
ผู้ประเมิน
ไพฑูรย์ พวงยอด
ปีที่พิมพ์
2552
การประเมินครั้งนี้เป็นการประเมินโครงการพัฒนาห้องสมุดตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะของการประเมิน คือ 1) เพื่อประเมินบริบทของโครงการเกี่ยวกับความต้องการจำเป็น และความเหมาะสมของวัตถุประสงค์โครงการ 2) เพื่อประเมินปัจจัยนำเข้าของโครงการเกี่ยวกับบุคลากรและทรัพยากรในการดำเนินโครงการ 3) เพื่อประเมินกระบวนการดำเนินโครงการพัฒนาห้องสมุดตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา 4)เพื่อประเมินผลผลิตของโครงการเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง และ 5) เพื่อประเมินผลกระทบจากการดำเนินโครงการพัฒนาห้องสมุด ตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) มีจำนวนทั้งสิ้น 370 คน ประกอบด้วย ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 53 คน ซึ่งเป็น คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการสถานศึกษา และคณะกรรมการห้องสมุดด้วย นักเรียน จำนวน 302 คน จากตารางจำนวนประชากรและกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพทั่วไป ของห้องสมุด และสภาพโครงการพัฒนาห้องสมุดตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา เป็นแบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการ และ 2) แบบสอบถามเกี่ยวกับการประเมินโครงการพัฒนาห้องสมุดตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพเครื่องมือ ได้แก่ ค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบสอบถาม ค่าอำนาจจำแนกของแบบสอบถามค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานได้แก่การใช้เทคนิคการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว F-test (One-way ANOVA) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05
การประเมินโครงการพัฒนาห้องสมุดตามแนวทางปฏิรูปการศึกษาพบว่า การประเมินโครงการโดยรวม อยู่ในระดับมาก ( = 3.87) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้าน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมาก ไปน้อยดังนี้ ด้านบริบทของโครงการ ( = 3.90) ด้านกระบวนการ ( = 3.88) ด้านผลผลิต ( = 3.88) ด้านปัจจัยนำเข้า ( = 3.86) และด้านผลกระทบ ( = 3.81) การประเมินด้านปัจจัยนำเข้าพบว่าโดยรวม อยู่ในระดับมาก โดยมีข้อที่ค่าเฉลี่ยสูงสุด และรองลงมา 3 อันดับ คือ คุณสมบัติของครู และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโครงการมีความเหมาะสม ( = 4.02) วัสดุ อุปกรณ์ที่จัดหาให้ เพียงพอในการดำเนินการโครงการ ( = 4.01) และอาคารห้องสมุด มีสภาพของอาคารเหมาะสมมีพื้นที่เพียงพอต่อการดำเนินการโครงการ ( = 3.95) การประเมินด้านกระบวนการโดยรวม อยู่ในระดับมาก โดยมีข้อที่ค่าเฉลี่ยสูงสุดและรองลงมา 3 อันดับ คือ มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม การดำเนินการโครงการอย่างสม่ำเสมอ ( = 4.02) การเสนอโครงการ ได้รับความเห็นชอบดำเนินการจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง( = 3.97) และมีการปรับปรุงและพัฒนาโครงการเหมาะสม ( = 3.92) การประเมินด้านผลผลิตโดยรวม อยู่ในระดับมาก โดยมีข้อที่ค่าเฉลี่ยสูงสุดและรองลงมา 3 อันดับ คือ โครงการทำให้นักเรียนรักการอ่านมากขึ้น ( = 4.12) ห้องสมุดมีการบริการที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น ( = 3.94) และโครงการทำให้เกิดแหล่งสารสนเทศได้อย่างดี( = 3.93) การประเมินด้านผลกระทบโดยรวม อยู่ในระดับมาก โดยมีข้อที่ค่าเฉลี่ยสูงสุดและรองลงมา 3 อันดับ คือ การจัดกิจกรรมโครงการพัฒนาห้องสมุด ทำให้มีสถิติผู้มาใช้ห้องสมุดเพิ่มสูงขึ้น ( = 4.01) โครงการทำให้พึงพอใจในคุณภาพการศึกษา ( = 3.98) และโครงการตอบสนองต่อความต้องการทางด้านการศึกษาให้กับนักเรียน บุคลากร และชุมชน ( = 3.88) โดยด้านที่มีระดับความคิดเห็นปานกลางเพียงรายการเดียว คือ ด้านการจัดกิจกรรมตามโครงการส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ( = 3.49)
ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการประเมินโครงการห้องสมุดของกลุ่มตัวอย่างพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีสถานภาพการประเมินต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินโครงการพัฒนาห้องสมุดตามแนวปฏิรูปการศึกษา โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม โดยรวมด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ ไม่แตกต่างกัน สำหรับรายด้านอีก 3 ด้าน คือ ด้านบริบทของโครงการ ด้านปัจจัยนำเข้า และด้านกระบวนการ มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินโครงการ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลวิเคราะห์ปัญหาและข้อเสนอแนะในการดำเนินโครงการ พัฒนาห้องสมุดตามแนวปฏิรูปการศึกษา โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม พบว่าปัญหาและข้อเสนอแนะในการดำเนินโครงการ มากไปน้อย คือ เงินงบประมาณที่สนับสนุนโครงการไม่เพียงพอ การดำเนินการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ เท่าที่ควร เจ้าหน้าที่ห้องสมุดมีภาระงานการสอนมาก ขาดสื่อประชาสัมพันธ์โครงการในชุมชนเขตบริการ ขาดเทคโนโลยีสารสนเทศที่เชื่อมโยงเครือข่าย ผู้เกี่ยวข้องบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือ และขาดความสนใจในการดำเนินการโครงการ และควรมีการส่งเสริมความรู้ในชุมชนเขตบริการอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
ไม่มีความเห็น