ช่วงนี้สำหรับพวกครอบครัววังศรี ไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำบุญ ทำสมาธิ
ดูแลจิตใจของคนในครอบครัว
หลังจากใกล้ครบรอบเดือนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
วันที่ 25 กันยายน 2552
ผู้เขียนนี้มีนัดกับครอบครัวไปทำบุญจากพระ 9 วัดที่วัดโพธิสว่าง
บ้านตูม อ.กมภวาปี จ.อุดรธานี เตรียมอาหารถวายและนำสังฆทานไปด้วย
จัดเตรียมกันเอง และแจ้งหลวงพ่อร่วมทำโรงทานเป็นไอศครีม (ไอติม)
2 ถังใหญ่ เมื่อกลับมาแล้วบอกว่า
จะมาเล่าต่อและนำภาพมาให้ชม
วันนั้น
ผู้เขียนอยู่ช่วงลาพักร้อนเป็นวันที่สาม พ่อเสร็จภารกิจเรื่องตรวจสุขภาพ
แม่ไม่มีภาวะฉุกเฉิน
แม่ใจจดจ่อจะไปร่วมงานให้ได้ พวกเราออกเดินทางเกือบแปดโมงเช้า
ไปด้วยกัน 6 คน มี อารีเป็นโชว์เฟอร์ขับรถ มีพ่อ แม่ 2 หลานสาว
(น้องฝน น้องงาม) และผู้เขียน ฝนตกตลอดการเดินทาง
บางช่วงมองไม่เห้นถนน ต้องเปิดไฟหน้ารถ ขับอย่างระมัดระวัง
เพราะฝนตกถนนลื่น แวะซื้อไก่ย่นทางเขาสวนกวางไปถวายเพลด้วย 6
ตัวค่ะ
และซื้อเพิ่มอีกส่วนหนึ่งทานบนรถเป็นอาหารเช้ากันค่ะ สายแล้ว
ทุกคนคงหิว บอกไก่ย่าง ข้าวเหนียว แจ่ว อร่อย ๆมาก
พวกเราเดินทางถึงวัดสิบโมงเช้าพอดี ฝนยังตกปรอย ๆ
พื้นเปียกเฉอะแฉะ ผู้คนมาที่วัดจำนวนมาก
มีโรงทานหลายรายการ 2 แถว ๆ 10 เต็นท์ได้
มีเจ้าอาวาสจาก 9
วัดในอำเภอมาร่วมงาน สวดมนต์ในภาษาบาลี นานกว่า ชั่วโมง
ก่อนถวายภัตตาหารเพลค่ะ
ประชาชนมาร่วมงานมาก ทั้งในและนอกศาลา
พวกเราได้ทำบุญ ฟังเทศน์ ฟังธรรม
ถวายจตุปัจจัย ภัตตาหาร ดอกไม้ ธูป เทียน ชุดสังฆทาน
แด่พระภิกษุสงฆ์
นอกจากได้ฟังสวดมนต์
พวกเราได้รับน้ำมนต์จากหลวงพ่อ
โดนไม้เคาะศีรษะปัดเป่าทุกข์ให้กับทุกคน
และได้ฝ้ายเหลืองปลุกเสกผูกข้อมือกันด้วยค่ะ
และที่โรงทาน
พวกเราได้ร่วมบริจาคทานไอติม 2 ถังใหญ่
ปล่อยปลาดุก ปลาหมอ ปลาไหล
และโปรยขนมปังเลี้ยงปลาที่สระน้ำในวัดด้วยค่ะ
จากนั้นก็กลับ พวกเราก็ แวะส่งพ่อแม่กลับบ้านที่บ้านโนนรังษี
ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี แม่มีนัดช่วยงาน 100
วันผู้มีอุปการคุณ วันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2552 และอยู่พักผ่อนที่บ้าน
และจะกลับขอนแก่นในวันจันทร์
เนื่องจากทั้งสองท่านยังมีนัดตรวจที่โรงพยาบาลกันอยู่ต่อเนื่อง
โดยใจจริงผู้เขียนอยากให้ท่านมาอยู่ที่ขอนแก่นด้วยกันมากกว่าจะอยู่ตามลำพัง
เกรงท่านจะคิดถึงลูกสาว และเศร้านานเกินไป
ซึ่งจะไม่ดีต่อสุขภาพ
ที่บ้าน
อารี พขร. ของีบพักผ่อนเล็กน้อย ก่อนเดินทางต่อเพื่อกลับขอนแก่น
ระหว่างนั้น
แม่เอาเสื้อชุดผ้าไหมมาอวด
เลยถือโอกาสถ่ายภาพเป็นที่ระลึกให้กันหน่อยนะคะ
และไม่ให้เสียเปล่า
งานนี้ผู้เขียนกับหลานสาวใส่เสื้อยืดเป็น Presenter ให้งาน EMS
ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ด้วยค่ะ แบบว่า
"เจ็บเมื่อไหร่ก็โทรมา 1669" ซึ่งได้จากคุณต๋อย เพ็ญรุ่งให้ไว้
ตอนเป็นวิทยากรฝึกอบรมครู ก หลักสูตรการจัดการสาธารณภัยทางการแพทย์
หรือ พพภ. เมื่อเกือนกรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา
เนื่องจากผู้เขียนมีภาระดูแลการจัดอาหารค็อกเทลยามเย็นให้กับน้องธุรการภาควิชาศัลย์
ต้องแวะไปดูแลความเรียบร้อย เพราะเป็นคนติดต่อร้านให้
และต้องมาให้ทัน 16.00 น. ดังนั้นนั้น พวกเรา 4 คน
จึงลาพ่อแม่กลับขอนแก่นค่ะ
มาทันพอดี
ผู้เขียนได้แวะพูดคุยกับน้อง ๆ ธุรการ บอกเอาบุญมาฝาก
ได้ฝ้ายผูกข้อมือปลุกเสกจากหลวงพ่อ ผู้เขียนได้มาหลายเส้น
ผู้เขียนก็มอบต่อให้กับน้อง ๆ อวยพรให้ว่า
"ขอให้ทำงานทุกอย่างสำเร็จ เสร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอุปสรรค
ไม่ถูกบ่น ไม่ถูกว่า"
พูดจบดูทุกคนถูกใจ พอใจ ขอถ่ายภาพร่วมกัน อวดข้อมือกัน
มีแบบแอ็บแบ๊วด้วย
ท่านอาจารย์สุชาติ
เห็นขอเข้ามาถ่ายภาพกับพวกเราด้วย ดูเป็นกันเองดี
อาจารย์ไม่ถือตัว เด็ก ๆ ใจมาเป็นกอง "งานทุกอย่างต้องสู้
ๆ ถึงไหนถึงกันค่ะ อาจารย์"
ทุกอย่างเรียบร้อย ผู้เขียนจึงขอลา
เพื่อกลับไปเตรียมตัวไปอีกงานคืองานมุทิตาจิตบุคลากรเกษียณของงานบริการพยาบาล
โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ช่วงค่ำวันเดียวกัน ที่โรงแรม พลูแมน ราชา
ออร์คิด ค่ะ
สรุปว่าวันนี้ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
ทุกคนได้รับการตอบสนองที่ต้องการได้ในระดับหนึ่ง
ที่สำคัญที่ตนเองอยากเห็นก็คือ
ความสงบสุขของพ่อแม่และคนในครอบครัว ไม่อยากให้เครียด
ไม่อยากให้โศกเศร้านานกับความรู้สึกสูญเสียบุคคลอันเป้นที่รัก
สิ่งใดทำแล้วสบายใจ ถ้ามีโอกาสต้องรีบกระทำให้
กัญญา