คุณภาพ คำนี้คงไม่ต้องอธิบาย มีคนให้นิยามต่างๆนาๆ แต่ในความรู้สึกก็คงพอเข้าใจกัน วันนี้อยากมาพูดถึงอีกมุมมองในการให้ได้มาซึ่ง “คุณภาพในการดูแลผู้ป่วย” แบบสูงสุดสู่สามัญ
ในสภาพปัจจุบันเราแสวงหาคุณภาพด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น HNQA , HA , ISO , HPH และอื่นๆอีกมากมาย แต่ในทุกค่ายคุณภาพก็มีรูปแบบของตัวเองที่กำหนดให้ต้องเรียนรู้ เช่น HA ก็มีเครื่องมือต่างๆออกมาอยู่เรื่อยๆ แค่เรียนรู้เครื่องมือก็ใช้เวลามากกว่าครึ่งแล้ว ถ้าเปรียบเหมือนการออกรบก็ต้องบอกว่า “ กว่าจะแต่งตัวครบ สงครามก็จบพอดี” หมายถึงว่าเราทำกันมาตั้งนานทำไมยังไม่รู้สึกว่าคุณภาพในการดูแลเพิ่มขึ้นเท่าไร อุบัติการณ์ต่างๆก็ยังมีคล้ายๆเดิม อาจเป็นเพราะเรามัวแต่แต่งตัวกันใช่หรือไม่ ( ความเห็นส่วนตัว) ก็เลยลองคิดขึ้นมาว่า แล้วถ้าคนจบใหม่ๆ ที่ยังไม่รู้รูปแบบของงานคุณภาพแต่ละค่ายล่ะ แล้วจะทำงานให้เกิดคุณภาพอย่างไร เอาแบบใช้สามัญสำนึก ไม่ต้องมีรูปแบบมาก เพราะเดี๋ยวสงครามจะจบเสียก่อน
ขอเสนอที่ว่าก็คือ “คุณภาพมาจากความรู้คู่ความใส่ใจ” พื้นๆมากเลย แต่อยากขยายความตามประสบการณ์ที่ได้ลองทำมา( My tacit knowledge) ดังนี้
ความรู้ ส่วนใหญ่ก็อ่านหนังสือ ( วารสารคลินิก , internet ) , ถามพี่แพทย์ , ถามเพื่อนแพทย์, ถามน้องแพทย์ (ทำบ่อย), ถามพยาบาล , อบรม แต่ที่สำคัญคือต้องพยายามหาความรู้ที่เป็น case รับผิดชอบก่อน (รู้เรื่องตัวเองก่อนรู้เรื่องชาวบ้าน) เพราะนี่คือสนามรบจริง ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มด้วยการตั้งคำถามกับตัวเองในประเด็นต่างๆในตัวผู้ป่วย และถ้าขาดความรู้ก็เริ่มไปหาเริ่มไปหาความรู้ตามรูปแบบข้างบน ซึ่งเร็วที่สุดก็คือการถามผู้รู้ โดยสรุปก็ต้องมีความรู้เป็นพื้นฐานและต้องรู้วิธีหาความรู้ ถ้าไม่มีความรู้ มีแต่ความขยันหรือใส่ใจอย่างเดียว “เขาเรียกโง่แล้วขยัน” ฮิตเล่อร์บอกต้องเอาไปฆ่าก่อน อย่าลืม “ ทำทุกเรื่องให้กระจ่างก่อนลงมือ”
ความใส่ใจ เคยได้ยินมาบ่อยๆเวลาเกิดอุบัติการณ์ “ ทุกคนก็รู้ ว่าทำยังไง แต่มันไม่ยอมทำกัน มันก็เลยเกิดเรื่อง ” แสดงว่าข้อความรู้ผ่านแล้ว เพราะเราวางระบบ วางกรอบ วางมาตรฐานแล้ว แต่ตกม้าตายเรื่องความใส่ใจที่จะทำตาม คุณภาพก็ไม่เกิด เรื่องความใส่ใจอาจเริ่มด้วยลองจินตนาการว่าวันนี้ผู้ป่วยควรได้อะไรบ้าง พรุ่งนี้และอนาคตไกลๆ ควรได้อะไรบ้าง ถึงจะหายเร็วๆ, ปลอดภัย,ไม่ป่วยซ้ำ แล้วก็จัดให้อย่างรอบคอบ อย่ารีบ ให้ถือว่า “ช้าดีกว่าผิด” ถ้าเกินความสามารถรีบหาตัวช่วยด่วนไม่ต้องอาย “ เรามีหน้าที่รักษาคนไข้ ไม่ใช่รักษาหน้าตัวเอง” (คำพูดจากภาพยนตร์เรื่อง หมอเจ็บ) อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเราใส่ใจ เรื่องของพฤติกรรมบริการที่เหมาะสมก็ย่อมตามมาเอง
เรื่องพื้นๆ แบบ common sense ที่เสนอให้ลองทำดูสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจระบบซับซ้อนของงานคุณภาพค่ายต่างๆนี้ น่าจะช่วยลดอุบัติการณ์ต่างๆได้ ผมว่าถ้าทุกคนร่วมกันทำแค่นี้ คุณภาพก็เกิดแล้ว ส่วนงานคุณภาพที่ซับซ้อนต่างๆ ก็ทำกันไปตามระบบเพื่อเป็นการพัฒนาขั้นสูงขึ้นไปอีกครับ / Boss
สวัสดีครับคุณ มโนรมย์ ขอบคุณที่จุดประกาย อุบัติการณื ที่คนทำงานมักละเลย ไม่เคนชิน เพราะไม่อยากเขียน ผลที่มีปัยหานึกไม่ได้ทำอะไรไป (ขอบคุณที่ช่วยกันครับ)
มีหลายครั้งที่เกิดอุบัติการณ์โดยไม่รู้ตัว คือเราว่าเรารอบครอบแล้วขึ้นเวรวันนี้ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดขนาดลงเวรไปขณะขับรถกลับบ้านก็นึกไปตลอดทางว่าเราลืมทำอะไร ลืมส่งเวรเรื่องอะไร ถ้านึกได้ก็ยังโทรมาบอกคนที่ขึ้นเวรต่อเรา เช้ามาดันเจออุบัติการณ์ที่ผิดพลาดในเวรเราเสียนี่ ....โห! เครียดเลย
Nurse Ward 2nd
ให้คะแนนความใส่ใจเต็มเลยครับ ขนาดขับรถกลับ ยังโทรมาบอกอีก แต่ผลมันออกมาอย่างนี้ ก็ต้องพยายามต่อครับ / boss
ได้ข้อคิดดีๆครับ
ขอนำเอาไปใช้เพื่อพัฒนาครับ
อนุเทพ
“คุณภาพมาจากความรู้คู่ความใส่ใจ” “ ทำทุกเรื่องให้กระจ่างก่อนลงมือ”
ชอบมากค่ะ
ใส่ใจ นี่แหละ สุดยอดของงานบริการ และพฤติกรรมบริการ...By Jan
ชอบจังเลย" ช้าดีกว่าผิด " และ "เรามีหน้าที่รักษาคนไข้ ไม่ใช่รักษาหน้าตัวเอง" อ่านกันแล้วก็ลองคิดกันเยอะนะคะ
หนุกดีได้แง่คิดดีๆเพียบเอาอีกๆๆๆ
งานคุณภาพให้แก้ที่ระบบ แก้แล้วแก้อีก คิดว่าระบบดีแล้วก็เกิดอุบัติการณ์อีกจนได้ สาเหตุมักจะมาจากผู้ปฏิบัตินี่แหละ นั่นก็คือความใส่ใจ ถ้าทุกคนได้ตั้งเป้าหมายร่วมกัน รู้ระบบทีวางไว้และทำอย่างใส่ใจจริงๆ..น่าจะดี(ลืมน้อยลง)...และมีคุณภาพมากขึ้นค่ะ...
...nurse ward
อ่านแล้วตรงใจค่ะ..เขียนสิ่งดีๆอย่างนี้มาอีกนะคะ..ชอบมาก..
ค่ะ จะขอนำไปใช้พัฒนาค่ะ...สู้ๆๆ สู้ตาย ค่ะ../ by นฤมล
“ เรามีหน้าที่รักษาคนไข้ ไม่ใช่รักษาหน้าตัวเอง” & “ช้าดีกว่าผิด”
ชอบและใช้กะคนไข้มาตลอดเลยค่ะ
ได้มีโอกาสนั่งดูหมอเจ็บเหมือนกันค่ะ ชอบ “ เรามีหน้าที่รักษาคนไข้ ไม่ใช่รักษาหน้าตัวเอง”
ก้อใช้กะคนไข้ตลอดนะคะ ไม่เคยรักษาหน้าตัวเองซะที ดูสิหน้ายังหักอยู่เลย แฮ่ๆๆๆๆ
เด็กหญิงดั้งนิดเดียว