ตอนที่ 35
ประหยัดเพื่อลูก
ลูกสาวคนโตลืมตาดูโลกเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2530 ช่วงบ่าย ๆ ที่โรงพยาบาลพญาไท แรก ๆ ที่หมอกำหนดว่าประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าน่าจะเกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก แทบไม่น่าเชื่อว่าวันที่ 12 กุมภา ยังพาแฟนและญาติไปเที่ยวที่บางแสน พอกลับบ้านตอนกลางคืนแฟนเริ่มมีอาการบ่น ๆ ว่าสงสัยจะใกล้คลอดแน่ ๆ เลย ผมบอกว่าคงยังหรอกอาจจะเป็นเพราะว่าเราไปเที่ยวกันมันเลยปวดเมื้อยเป็นธรรมดา แต่พอใกล้สว่างแฟนเรียกอีกว่าน่าจะใกล้แล้วล่ะไปโรงพยาบาลเถอะ แฟนเค้าคงอ่านหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวก่อนคลอดจึงรู้ว่าก่อนที่จะไปโรงพยาบาลต้องอาบน้ำสระผมทำความสะอาดร่างกายให้พร้อม
เวลาบ่ายโมงกว่า ๆ พยาบาลแจ้งให้ทราบว่าภรรยาคลอดแล้วเรียบร้อยได้ลูกสาว ครั้งแรกที่เห็นหน้าลูกสาวลูกอยู่ห้องรวม เด็ก ๆ ผมขอให้นางพยาบาลพาลูกมาชิดตรงกระจกเพื่อดูลูก (เพราะตอนนั้นทางโรงพยาบาลยังไม่อนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมในห้องได้เพราะกลัวเด็กติดเชื้อ) ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อเช้านี้ยังอยู่ในท้องอยู่เลย คลอดมาหนักตั้งสามโลกว่า หน้ากลมเหมือนแม่ไม่มีผิด
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วแม่ผมมาช่วยภรรยาอยู่หลายวันเหมือนกัน แต่ก็อยู่ได้ไม่นานตามประสาคนแก่ ที่คิดถึงบ้าน (เป็นคนต่างจังหวัด) จึงกลับบ้านไปก่อน และเมื่อแฟนใกล้จะหมดวันลา จากการทำงานจึงต้องหาคนที่จะรับเลี้ยงลูก เป็นอะไรที่ที่จะต้องตัดสินใจเพราะต้องนำลูกไปอยู่กับเขาเลย ทั้งสงสารลูกและห่วงลูก แต่ทำอย่างไรได้เพราะทั้งผมและภรรยาต้องทำงานด้วยกันทั้งคู่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำลูกไปให้เพื่อนบ้านของพี่สาวแฟนเลี้ยง ไกลก็ไกลแต่ต้องตัดสินใจ เพราะไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่จะมาดูให้จึงฝากพี่สาวแฟนช่วยดูแลให้ด้วย วันอาทิตย์เย็นผมจะนำลูกไปส่งคนเลี้ยง และวันศุกร์เย็นจะไปรับ ทำเช่นนี้ตลอด 1 ปี ครึ่ง ระหว่าง แคราย ถึง ตรอกจันทร์ ยานนาวาพระราม 3 จนลูกพอจะเข้าสถานที่รับเลี้ยงเด็กเล็กได้จึงนำกลับมาอยู่บ้าน
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2532 ผมได้ลูกชายอีกหนึ่งคน เช่นเคยครับทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เพิ่มคนไปรับไปส่งน้องอีกหนึ่งคนคือลูกสาว อย่างที่ผมเขียนไว้เมื่อตอนที่ 32 ว่าเพื่อลูกเพื่อเมียต้องมีรถยนต์ แต่ตอนนั้นรถยนต์ที่นำไปรับไปส่งเริ่มจะมีปัญหาเพราะเก่าเกินไป (เป็นรถ Fiat 1100) บางครั้งไปเสียบนทางด่วนเล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน จึงตัดสินใจซื้อรถใหม่ เป็นรถมาสด้าแฟมิเลีย รถเล็ก ๆ มาต่อเติมข้างหลังทำทะลุถึงกันได้ ก็คิดว่าซื้อแบบประหยัดที่สุดในตอนนั้นเพราะเงินเราน้อยต้องกู้ ไม่ต้องการเป็นหนี้มาก
ตอนนี้เองเริ่มที่จะใช้เงินมากขึ้นเรื่อย ๆ ดีที่ทั้งผมและภรรยาทำงานด้วยกันทั้งคู่ ผมเองและภรรยาต้องประหยัดกันสุด ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะซื้อเพื่อตัวเองคิดแล้วคิดอีก แต่ถ้าหากว่าซื้อให้ลูกแล้วสบาย ซื้อโดยไม่ต้องคิด ให้ลูกสบายไว้ก่อน พ่อแม่จะเป็นอย่างไรจะลำบากไม่เป็นไรอดทนเพื่อลูก จริง ๆ แล้วเราทั้งคู่ไม่ถึงกับลำบากอะไรมากมายเพราะมีเงินเดือนทั้งคู่ แต่หากว่าขาดเหลืออย่างไรอาศัยว่าพี่สาวแฟนคอยช่วยเหลือค้ำจุนอยู่ ทีท่านก็ให้ถือว่าให้หลาน
ผมและแฟนตอนนั้นเคยพูดกันเล่น ๆ ว่าดูซิขนาดเรามีลูกแค่สองคนน่ะเนี้ย ยังต้องประหยัดอดออมกันขนาดนี้ ทำไมพ่อแม่ของเราถึงเลี้ยงเรามาได้ (ครอบครัวของพี่น้อง 9 คน ทางแฟนผม 11 คน) ในตอนนั้นผมคิดเสมอว่าผมและแฟนต้องเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถึงตอนนี้แล้วอดที่จะคิดถึงพ่อแม่ไม่ได้จากใจจริง
ไม่มีความเห็น