ครั้งแรกที่ฟังชี่อ ก็เกิดคำถามครับ ว่าจะจริงหรือ เพราะในมุมมองของผม การจัดการความรู้นั้น ควรใช้ทั้ง ความรู้ที่อยู่ในองค์กร และความรู้ที่อยู่นอกองค์กรครับ ซึ่งบางส่วนก็อาจมาจาก ที่ปรึกษาที่อยู่ภายนอกองค์กร ก็ได้
แต่จริงๆแล้ว ที่ทางผู้เขียนพยายามจะบอกก็คือ ให้กลับมาสนใจความรู้ที่อยู่ในคน ภายในองค์กรของตนเองก่อน รวมทั้งพยายามใช้ ผู้ที่อยู่ภายในองค์กรของตนให้เต็มที่ก่อน นั่นเอง
ดังนั้นจึงเป็นการตั้งชื่อเพื่อชวนให้ย้อนกลับมาดูที่ การให้คุณค่าของความรู้ความสามารถของคนในองค์กรก่อน แล้วจึงค่อยพึงพา หรือ ต่อยอดโดยผู้ที่อยู่ภายนอกองค์กร
หนังสือเล่มใหม่นี้จึงเป็นการอธิบายวิธีการในการค้นหา ระบุตัว ผู้ที่มีความรู้ในองค์กร เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผ่านเครื่องมือที่ชื่อว่า “River Diagram” หรือที่ทาง สคส. เรียกว่า “ธารปัญญา” นั่นเอง
หนังสือเล่มนี้คาดว่า (เพราะอ่านได้แค่ตัวอย่างบทที่ 1-ตัวอย่างหนังสือครับ) จะมีการนำเสนอตัวอย่างของการใช้เครื่องมือนี้ในหลายๆหน่วยงานที่ผู้เขียนได้ไปลองใช้มา เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์จริงมาสู่หนังสือ
ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ยังมีเรื่องของ Organic Rice Framing in Thailand ซึ่งเป็นเรื่องราวการนำ การจัดการความรู้ไปใช้ในการสอนชาวนาให้ปลูกข้าวโดยวิถีธรรมาติ โดยไม่ใช้สารเคมี ของมูลนิธิข้างขวัญ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ในประเทศไทยของเรานี้เอง
หนังสือเล่มนี้คาดว่าจะออกเดือน พฤศจิกายน 2552 ครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมของหนังสืออ่านได้จาก http://nomoreconsultants.ning.com
อาจารย์ครับ ผมมองว่าอย่างไรก้ต้องสองทางนะครับ ถึงแม้จะบอกว่าใช้ปัญญาจากภายในก่อน แต่จากที่หนังสือได้กล่าว กระบวนการ หรือ วิธีการ ก็เป็นปัญญาจากภายนอกอยู่ดี
..
ผมคิดว่าเราควรจะมองข้ามประเด็นนี้ไป แล้วไปมองความเหมาะสมของชุดความรู้ที่จะนำมาใช้ดีกว่าครับ จะนอกจะใจ หากใช้ดี ดีทั้งนั้น
...
อาจารย์สบายดีนะครับ