จารุวัจน์ شافعى
ผศ.ดร. จารุวัจน์ ชาฟีอีย์ สองเมือง

เส้นทางใหม่สู่วันอีด


วันเสาร์ที่ผ่านมา ผมและครอบครัวออกเดินทางเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิน (สงสัยจะเป็นของผมคนเดียวกระมังครับ เพราะคนอื่นๆ เกิดปัตตานีและยะลา) แต่ก่อนเดินทางตรงไปยังสตูล ก็แวะเข้าตัวเมืองยะลาก่อนครับ ซื้อของโปรดไปฝากคุณปู่ (ของลูก) หน่อย ฮิฮิ ส้มโชกุนเบตงครับ ฮือ ราคาก็ปรับขึ้นได้ใจจริงๆ ครับ แต่ยังงัยก็ต้องซื้อ เพราะนานๆ กลับบ้านที กลับมือสิบนิ้วได้ยังงัย ฮิฮิ 

ออกจากตัวเมืองยะลาได้นิดเดียวครับ กำลังจะขับตรงไปยังเส้นทางเดิม เพื่อไปหาดใหญ่ ปรากฏสังเ้กตเห็นว่า ทางขึ้นสะพานซึ่งจะเชื่อมไปยังเส้นทางใหม่ ทางลัดไปหาดใหญ่ มันไม่มีอะไรขวางทางไว้เหมือนก่อนๆ ฮือ เลยตัดสินใจว่า สงสัยเขาจะเปิดใช้แล้ว ฮือ น่าลองครับ เพราะว่ามีคนเคยบอกผมว่า ถ้าเส้นทางนี้เสร็จเราจะไปยังดอนยางโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบห้านาที ผมเลยลองไปเส้นทางใหม่ ซึ่งก็กังวลใจเล็กน้อยครับ เพราะกลัวว่าสุดท้ายต้องย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ยะลา เพราะปลายทางอาจจะปิดก็ได้

แต่แล้ว ต้องเรียกว่า 80 เปอร์เซนต์เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ มีที่ยังขรุขระอยู่บ้้าง ใช้ทางเบี่ยงบ้างนิดหน่อยเองครับ ถนนยังไม่ค่อยมีรถเลยครับ เป็นสี่เลนด้วย แต่ผมไม่กล้าขับเร็วครับ เพราะพอเร่งมากๆ เจอถนนส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จจะเบรกไม่ทัน ซึ่งปรากฏว่าจากยะลาถึงสี่แยกดอนยางใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที (ขับแค่ 90 กม.ต่อ ชม.) และเส้นทางสวยมากครับ แยกเส้นทางหลักออกจากเส้นทางในหมู่บ้านได้เหมือนทางด่วนในประเทศมาเลย์เลย ถนนก็สวยด้วยครับ ยกนิ้วให้คนออกแบบจริงๆ แต่กว่าจะเสร็จช้าจริง (อันเนื่องจากเหตุการณ์ด้วยครับ) ออ. ขับไปลุ้นไปครับ เพราะไม่่มีป้ายบอกทางเลย มีเอาก็ตอนแยกสุดท้ายระหว่างไปปัตตานีกับหาดใหญ่เท่านั้นเอง

เส้นทางใหม่ ไม่ต้องเข้าไปในนาประดู่ และอีกๆ หลายๆ ตลาดครับ ทำให้ทำเวลาได้ดีมากจริงๆ 

(นั่งตักบีร รอเวลาละหมาดครับ)

เช้าวันอาทิตย์ เป็นวันอีดครับ ที่มัสยิดเริ่มละหมาดตอนเก้าโมง เราไปถึงกันก็ประมาณแปดโมงกว่าๆ ครับ และเป็นครั้งแรกของผมที่พากล้องถ่ายรูปไปด้วย เลยเก็บภาพมานำเสนอครับ (ไม่กล้าถ่ายมาก กลัวเป็นการรบกวนคนจะละหมาด)

ละหมาดอีดิลฟิตรี จะละหมาดช้าครับ เพราะชุมชนต้องการให้ทุกคนได้จัดการเรื่องซากาตให้ครบถ้วนก่อน และที่สำคัญคนในชนบท ไม่ต้องกังวลเรื่องงานอะไรๆ เลยในวันอีด ออ. รอบนี้ครอบครัวผมไปมัสยิดกันหมดทุกคนครับ 

(ไม่ได้นั่งหลับนะครับ แต่บังเอิญจังหวะถ่ายท่านหลับตาพอดี)

ปรากฏใกล้ๆ จะเสร็จละหมาดก็ได้ยินเสียงเด็กร้องครับ แฮะแฮะ มารู้ทีหลังว่า เป็นเสียงเตาฟิกนั่นเอง แต่ก็ถือว่าเก่งทั้งเตาฟิกและฟัจญรีนครับ เพราะร้องน้อยมาก ส่วนอิลฮามไม่เป็นไรแล้วครับโตแล้ว ไม่ค่อยกลัวคนเยอะๆ แล้ว

(หลังละหมาดก็จับมือ และกอดกันเพื่อขออภัยระหว่างกัน นี่ืคือวิถีมุสลิมครับ)

คุตบะห์ปีนี้เน้นเรื่องปัญหาเยาวชนเป็นหลักครับ ต้องการให้ทุกคนช่วยกันดูแลบุตรหลานให้อยู่ในกรอบของศาสนา 

เสร็จจากละหมาด เรา (ทั้งครอบครัวผมและพี่ๆ หลานๆ) ยังไม่กลับบ้านก่อนครับ เราไปเยี่ยมน้องของปู่ครับ พากันไปทั้่งหมดบ้าน เลยทำหน้าน้องปูตื้นตันใจจนหลั่งน้ำตาแห่งความปิติเลยครับ

(พี่สาวผมก็พากันไปกอดน้องสะไภ้ของปู่ครับ ฮือเรียกตำแหน่งนี้ในภาษาไทยว่าอะไรครับ)

วันอีดไปบ้านไหนก็มีแต่ทานขนมครับ บ้านน้องปู่เป็นบ้านแรกเลยลงไม้ลงมือกันเต็มแรงเลยครับ ดูภาพเป็นหลักฐานได้ครับ

(ภาพนี้ถ่ายจากมุมบนครับ แต่ยังเก็บสมาชิกบ้านผมไม่หมดครับ ฮิฮิ)

จากภาพบนจะเห็นว่าคนอยู่วงในสุดคือ ฟัจญรีนครับ ทั้งซนทั้งกิน ไม่ไหวจะจับเลยจริงๆ

(ฟัจญรีนสนุกกับการกินจริงๆ ครับ)

เสร็จจากบ้านหลังนี้ก็ไปต่ออีกหลายบ้านครับ แต่กิจกรรมหลักที่อิลฮาม เตาฟิกและหลานๆ เรียกร้องคือ ไปเล่นน้ำทะเลครับ อันนี้ใช้เวลานานกว่ากิจกรรมอื่นๆ ครับ

ผมตามไปที่ทะเลทีหลังครับ ลูกๆ รอไม่ไหวเลยไปกลับป้ากับอาก่อน ไปถึงก็เห็นเตาฟิกลงไปอยู่ในน้ำเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปกติเวลาผมพาไปทะเล เตาฟิกจะไม่เคยยอมลงไปเล่นน้ำเลยครับ เจอจิเยาะเป็นคนอุ้มลงไปเล่น เตาฟิกไม่ปฏิเสธอยู่แล้วครับ 

สนุกสนานเต็มที่เลยครับสำหรับเตาฟิก แฮะแฮะ โดนพี่ๆ แกล้่งด้วย ส่วนฟัจญรีนมามีส่วนร่วมทีหลังครับ โดยการเกาะฉูตุ๊ก (น้องชายผมเอง)

(อาของลูก มาพร้อมกับผมทรงใหม่ครับ)

ฟัจญรีนไม่เคยยอมให้ใครอุ้มเฉยๆ ครับ เธอจะต้องซบไหล่ด้วย ส่วนผมและภรรยาไม่ได้ลงไปที่ชายหาดด้วยครับ เนื่องจากให้เขื่อนหินที่เขาทำไว้เพื่อกันทะเลเซาะชายฝั่งแล้ว ทำให้ขี้เกียจจะไต่ลงไปที่ชายหาด เลยนั่งกินลมอยู่ริ่มถนนด้านบนครับ

(ภาพนี้ถ่ายตอนไปถึงใหม่ๆ ซึ่งฟัจญรีนยังหลับอยู่ครับ)

ช่วงเย็นสมาชิกในบ้านก็เตรียมอาหารสำหรับการเลี้ยงทำบุญที่บ้านปู่ครับ ปู่เสียชีวิตไปนานแล้วครับ แต่บ้านยังเ้ป็นจุดศูนย์รวบของลูกหลานอยู่ครับ ปรากฏได้รู้ว่าน้องชายลูกพี่ลูกน้องลงสมัครสมาชิก อบต.ด้วย แต่ไม่ได้ครับ ฮิฮิ ก็เลยลองนั่งนับญาตินามสกุลสองเมืองกันดูเล่นๆ ว่าทำไมแพ้เลือกตั้งอีก ฮือ ข้อสรุปคือ ส่วนใหญ่พี่น้องสองเืมืองโดยเฉพาะลูกหลานปู่ เราย้ายออกไปอยู่ที่อื่นกันเกือบหมดแล้วครับ ในหมู่บ้านสมาิชิกสองเมืองเลยดูเหมือนจะน้อยลงไปเยอะเลย 

ปีนี้เป็นปีที่พร้อมหน้าพร้อมตากันจริงๆ ครับ ก่อนแขกจะมารับประทานอาหาร เราก็เลยถ่ายรูปร่วมกัน แฮะแฮะ แต่จะเข้ากล้องให้ครบกันทุกคนๆ ยากครับ ฮิฮิ รุ่นคุณปู่ ก็มีน้องชายคุณปู่ ต่อมาก็เป็นรุ่นพ่อ แล้วก็รุ่นผม สุดท้ายก็รุ่นลูกๆ ฮือ สี่รุ่นรวมกันค่อนข้างจะครบทีเดียวครับ อัลฮัมดุลิลลาห์ (อันนี้เสียดาย ผมไม่ได้หยิบกล้องถ่ายรูปไปด้วย)

ผมเดินทางกลับมาปัตตานีวันนี้ครับ ก็ลองใ้ช้เส้นทางใหม่เหมือนกันจากดอนยางไปปัตตานี ซึ่งที่สี่แยกดอนยาง เส้นทางใหม่ยังปิดอยู่ครับ แต่ความจริงมันเปิดช่องให้เข้าด้านข้างครับ ผมเลยใช้เส้นทางนั้น ก็ไม่ต้องเข้าหนองจิกครับ (ซึ่งเส้นทางนี้จราจรคับคั้ง) ใช้เวลาสิบกว่านาทีก็ถึงปัตตานี ทำให้ถึงบ้านเร็วขึ้นจริงๆ 

กลับถึงบ้าน ก็โทรหาพ่อครับ ปรากฏว่า ไม่รับสาย ฮือ สงสัยเหมือนกันว่าไปไหน สุดท้่ายท่านก็โทรมาครับ ท่านถามประโยคแรกว่า "บ่าวลืมโทรศัพท์ไว้หรือเปล่า เมื่อกี้ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือใครที่เสียบปลั๊กไว้ ปะ (พ่อ) ไม่รู้ว่ามันกดรับตรงไหน เลยไม่ได้รับให้" ผมตอบว่า "ไม่ครับ ผมใช้โทรศัพท์ผมโทรหาอยู่นี่งัย" แล้วผมก็นึกออกว่า นั่นไม่ใช่โทรศัพท์มือถือของใคร แต่เป็นโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายที่พี่สาวซื้อไปให้สำหรับพ่อได้ใช้โทรสะดวกๆ ขึ้น ฮือ นึกได้ว่า ติดตั้งเสร็จยังไม่มีใครบอกพ่อเลยว่า อะไร ใช้ยังงัย ผมเลยถามกลับไปว่า ไอ้โทรศัพท์มือถือนั่น เอาสายโทรศัพท์บ้านไปต่อเข้าด้วยหรือเปล่า พ่อก็ตอบว่า ใช่ ผมจึงอธิบายให้ แล้วก็บอกพ่อว่า ให้ต่อสายกลับเหมือนเดิม แล้วผมจะโทรเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ให้พ่อลองกดปุ่มอะไรก็ได้ที่พ่อคิดว่าใช้สำหรับรับสาย แล้วคุยกับผมดู ฮิฮิ แล้วพ่อก็ถึงบางอ้อ เอาของใหม่มาให้ก็ไม่ยอมบอกกันเลย แล้วพ่อก็ชอบใจกับโทรศัพท์นี้ครับ โดยเฉพาะเมื่ออิลฮามขอคุยด้วย เนื่องจากถ้าปู่รับ อิลฮามก็มักจะขอคุยกับย่า ซึ่งปู่ก็ต้องตะโกนเรียกย่าให้มาคุย และถ้าย่ารับสาย อิลฮามก็จะขอคุยกับปู่ แล้วทั้งคู่ก็ต้องเดินไปเดินมาเพื่อคุยโทรศัพท์กับอิลฮาม แต่คราวนี้ไม่มีปัญหาต้องเดินไปเดินมาแล้วครับ เพราะพาโทรศัพท์ไปให้และนั่งคุยพร้อมกันได้เลย

เสร็จจากคุยกับพ่อ พี่สาว (ที่เป็นเจ้าของไอเดียเปลี่ยนโทรศัพท์ให้พ่อ) ก็โทรมาถามว่า มีใครอธิบายการใช้โทรศัพท์ให้พ่อแล้วยัง ฮิฮิ 

คำสำคัญ (Tags): #วันอีด
หมายเลขบันทึก: 299959เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2009 23:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท