ผมฝันที่จะไปเยือนน้ำบากมานานหลายปี ตั้งใจจะไปชมสวนส้มเกลี้ยงอันลือนาม เพราะในเมืองลาวแล้ว หากเอ่ยถึงส้มเกลี้ยงก็ต้องมาจากเมืองนี้เท่านั้น เหมือนกับที่บ้านเราหากนึกถึงส้มเกลี้ยง ก็ต้องนึกถึงเมืองเถินจังหวัดลำปางนั่นเอง ส้มเกลี้ยงพื้นเมืองที่ปลูกโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ไม่ต้องมีระบบชลประทานนั้น เป็นพืชที่ผมเล็งเอาไว้นานแล้วที่จะนำมาส่งเสริมเผยแพร่สู่พี่น้องเกษตรกรชาวเมืองหงสาของผม
บ่าย ๔ โมงของวันที่ ๑๕ กันยา ผมรีบวิ่งออกจากห้องประชุมที่สำนักนายกฯเวียงจันทน์ ไปเช็คอินน์เที่ยวบินที่สนามบินวัตไตได้อย่างหวุดหวิด ชนิดที่ต้องวานให้หน้าห้องท่านเจ้ากรมฯโทรแจ้งล่วงหน้า (สายการบินเมืองลาวต้องเช็คอินน์ก่อนเวลาบินสองชั่วโมง โดยเฉพาะเที่ยวบินเวียงจันทน์-หลวงพระบางที่มีนักเดินทางมาเข้าคิวรอตั๋วว่างเช่นนี้) เครื่องออก ๖ โมงเย็นใช้เวลาบินลัดฟ้า ๓๕ นาทีก็พาผมมายืนอยู่ที่สนามบินหลวงพระบาง วันนี้ได้บินด้วยเครื่องเอทีอาร์๗๒ ลำใหม่เอี่ยมอ่องเห็นว่าสายการบินลาวเพิ่งได้รับมาฝูงใหม่จำนวน ๕ ลำ จึงขอเพิ่มเติมข้อมูลจากบันทึกที่แล้วมา ณ ที่นี้ จากสนามบินนั่งรถตู้เข้าเมืองอ้ายคนขับบอกว่า “คนลาวสูงเหมือนกันคิดแค่ ๕๐พันกีบหรือ ๒๐๐บาท” “เออลาวสูงก็ลาวสูงยืมแซ่นายบ้านดอนใหม่บอกเขาไปว่า เฮาซิงเล่า (แซ่เล่า)” เขาพามาส่งที่เรือนพักภูสีใกล้ๆตลาดมืดจ่ายค่าห้องพักไปอีก ๒๐ ยูเอส เดินออกไปกินกาแฟเย็นกับชีสเค้กที่ร้านโจมาหมดไป ๔๓พันกีบก่อนกลับมานอน
๗ โมงเช้าวันที่ ๑๖ กันยา สหายลาวสูงรถตู้คนเดิมมาจอดรถรอตามนัดที่ให้มารับไปส่งคิวรถสายเหนือ พร้อมทั้งโน้มน้าวชักชวนให้เช่ารถของตนเองบอกว่าลดราคาให้เหลือ ๘๐ ยูเอส ผมบอกว่าเอาไว้โอกาสหน้างวดนี้ขอผจญภัยไปรถโดยสารก่อน ตกลงจ่ายค่ารถจากตัวเมืองมาคิวรถสายเหนืออีก ๕๐พันกีบ รถโดยสารสายหลวงพระบางไปน้ำบากเป็นรถสองแถวขนาดกลางนั่งได้ข้างละสิบคน พอไปถึงเขาบอกให้ไปซื้อปี้(ตั๋วรถ)ราคา ๓๐พันกีบ กลับมาที่รถเห็นอ้ายคนขับใจดีขนเอากระเป๋าเราขึ้นไปเรียงบนหลังคารถเรียบร้อย เห็นสายฝนตกอย่างฟ้ารั่วแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อเอกสารและหนังสือในกระเป๋าแน่ๆ เลยเดินไปกระซิบขอช่วยเอามาเก็บข้างล่างพร้อมบอกว่าจะต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไรก็ยอม พี่อ้ายบอกว่า “ของเจ้านายของพรรคของรัฐ”บ่เก็บเพิ่มดอกแถมกุลีกุจอเอาลงมาไว้หน้ารถ (เมื่อวานได้เป็นลาวสูงเป็นม้ง วันนี้ได้เป็นสมาชิกพรรค...ดีเหมือนกัน) ก่อนรถออกภรรยาคนขับ (เจ้าของรถตัวจริง) เดินมาเก็บปี้จากคนโดยสารทุกคนเอาไปให้นายท่าตรวจสักพักก็ถือกลับมายื่นให้ผมบอกว่า “พ่ออาวช่วยแจกปี้คืนหน่อย” ต้องใช้วิธีแกะลายมือคนขายปี้อ่านออกเสียงว่าปี้นี้ของใครให้ยกมือขึ้น “นางทา ท้าวพอน ท้าวเล่ายิ้ง นางไก่แก้ว...” สนุกสนานกันใหญ่
รถออกเวลา ๙ โมงท่ามกลางสายฝน แม้ว่าจะมีผ้าใบคลุมทั้งสองข้างแต่ก็ไม่วายเปียกปอนกันไปหมด ใช้เส้นทางจากหลวงพระบางไปทางเหนือเส้นทางเดียวกับที่จะไปอุดมไช หลวงน้ำทา ถึงชายแดนจีน สภาพถนนลาดยางเรียบร้อย ทิวทัศน์สองข้างทางที่คดโค้งเต็มไปด้วยป่าเขา ความมาแตกเอาเมื่อผมพยายามยื่นกล้องออกไปถ่ายรูป คนโดยสารอื่นเลยจับได้ว่า “เจ้าเป็นคนไทยบ่” ภรรยาเจ้าของรถชาวไทเหนือ (ยวน) หัวเราะอย่างขบขันที่เมื่อสักครู่ได้ให้ผมอ่านรายชื่อภาษาลาว คนโดยสารเที่ยวนี้นอกจากผมแล้วมีแม่ค้าชาวขมุสามคน ผู้สาวลาวลุ่มสามคน ช่างไฟฟ้าคนหนึ่ง สามเณรโข่งพร้อมเพื่อน นักศึกษาที่กลับมาเยี่ยมบ้านและสาวลาวสูงที่ชื่ออากิโกะ ตามรายทางจอดรับพี่น้องชาวลาวเทิงที่มานอนค้างแรมทำไร่อีกสามสี่จุด แต่ละจุดมีคนหอบข้าวของหม้อกะทะ บางคนก็พาหมาพรานขึ้นรถมาด้วย ที่รู้รายละเอียดก็เพราะในรถทุกคนเป็นกันเองพูดคุยทักทายกันเหมือนคนคุ้นเคย หนุ่มๆและเณรจีบสาว สาวแซวหนุ่ม แม่ค้าคุยกัน เมื่อถึงที่ลงหากใครหลับก็ปลุกกัน หากมีตู้ตั่งขนาดใหญ่ก็ช่วยกันยกลง เมื่อมาถึงสามแยกปากมองรถเราเลี้ยวซ้าย(ไปทางหนองเขียว เมืองงอย เชียงขวาง) วิ่งไปอีก ๙กม. ก็มาจอดส่งผมที่หน้าตลาดเมืองน้ำบาก
“เมืองข้าวสารขาว สาวดุหมั่น วีรกรรมนักรบกล้า ถิ่นส้มเกลี้ยงลือชา” เป็นคำขวัญประจำเมืองน้ำบากที่ผมจำได้เลาๆ บั้นรบที่เมืองน้ำบากในสมัยสงครามปลดปล่อย เป็นการรบที่ดุเดือดที่ฝ่ายราชอาณาจักรหรือระบอบเก่าปราชัยอย่างย่อยยับ ฝ่ายลาวอิสระได้ชัยชนะอย่างงดงามจนปัจจุบันมีการแต่งเพลงปฏิวัติ “ชมเชยนักรบน้ำบาก” บรรดาทหารระบอบเก่าถูกจับกุมหลายพันนายผมเคยเจอพ่อลุงคนหงสาทหารที่เคยแตกทัพจากน้ำบาก ท่านเล่าว่าต้องรอนแรมเกือบสองสัปดาห์กว่าจะเดินมาถึงหลวงพระบาง ถัดจากเมืองน้ำบากไปอีก ๒๐กม ถึงหนองเขียวเมืองอูที่มีถ้ำท่านผู้นำสมัยปลดปล่อยอยู่
พรรคพวกที่ผมสั่งให้เปลี่ยนเส้นทางมารับผมกลับหลวงพระบาง-หงสา ให้พวกเขาอ้อมมาทางเมืองเงิน-ปากแบง-เมืองฮุน-เมืองไซ-น้ำบาก ตามมาสมทบเวลาบ่ายๆพวกเราพากันไปพูดคุยกับห้องการกสิกรรมเมืองได้ข้อมูลว่า พื้นที่ปลูกส้มเกลี้ยงของเมืองมีประมาณ ๘๐๐ เฮกตาร์ ปลูกกันมานานตั้งแต่สมัยระบอบเก่า(๕๐ปีมาแล้ว) ต้นตอนำมาโดยชาวเวียดนาม ปัจจุบันประสบปัญหาต้นส้มอายุสั้นมีหนอนเจาะลำต้น ได้แก้ไขโดยการใช้ส้มโอเป็นต้นตอแล้วค่อยใช้ตาของส้มเกลี้ยงมาติด ส่วนการเลี้ยงครั่งเคยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมีทั้งการเลี้ยงบนต้นถั่วมะแฮะ และการเลี้ยงบนไม้ป่าเช่น สะแก เป้า แต่มาปีนี้พวกพ่อค้าจีนไม่มารับซื้อทำให้ราคาลดลงเหลือ ๓พันกีบต่อกิโล ปัจจุบันมีพืชตัวใหม่ที่กำลังนิยมคือ การปลูกข่าเก็บเมล็ดขายเห็นว่าได้ราคาดีถึง ๑๑พันกีบต่อกิโล (แต่ก็นั่นแหละหากพ่อค้าจีนไม่มาซื้อเหมือนกรณีครั่งอีกแล้วจะทำอย่างไร) ได้พากันไปชมสวนส้มเกลี้ยงของพ่อสำลิดตามที่เมืองแนะนำ ส้มกำลังติดผลเต็มต้น พ่อสำลิดเป็นชาวลาวเทิง (ขมุ) มีสวนส้มหลายพันต้นส่วนใหญ่ปลูกบนต้นตอของส้มโอ ได้ ผลผลิตเฉลี่ย ๕ ตันต่อเฮกตาร์ขายราคาส่งที่สวน ๑๐๐๐-๑๕๐๐กีบต่อกิโล มีรายได้ ๖-๘ล้านกีบต่อเฮกตาร์ นับว่าสูงพอสมควรเพราะการทำสวนของท่านไม่ได้ใส่ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยคอก หรือสารเคมีใดๆทั้งสิ้น กลับจากสวนพ่อลิดแวะหาบ้านพักแรมในเมืองนี้มีอยู่สองแห่งเราเลือกพักที่เรือนพักจันพอนราคา ๕๐พันกีบต่อคืน ยามเย็นออกเดินเลาะชมวัดชมเมือง
๑๗ กันยา ตื่นแต่เช้าเดินฝ่าสายฝนออกไปเป็นพระยาน้อยชมตลาดเช้าเมืองน้ำบาก เห็นแม่บ้านชาวไทดำสะพายกระเป๋าไม้ไผ่มาจ่ายตลาด เห็นชาวลาวลุ่มมาขายผัก ขายยาสูบ เห็นชาวลาวเทิงมาขายหน่อหวาย หน่อบุ่น ปูห้วย รวงข้าวแก่(สำหรับแทะเล่นเป็นของขบเคี้ยว) ก่อนไปกินเฝอที่เป็นร้านอาหารเช้าที่มีอยู่เจ้าเดียวในเมือง แล้วอำลาน้ำบากเดินทางต่อไปหลวงน้ำทา จะไปดูยางพาราครับ
สวัสดีครับ ลุงเปลี่ยน
ตามลุงมาเที่ยวเมืองลาวด้วยครับ
ฝนตกทุกวัน ที่สุพรรณ
ลุงสบายดีไหมครับ รักษาสุขภาพนะครับ
คิดถึงลุงหลายๆเด้อครับ
สวัสดีครับคุณเกษตรฯจังหวัดปรีดา
รวงข้าวเป็นมัดอยู่ข้างๆกองพริกครับ ขายมัดละ ๕๐๐ (กีบ)
มาชิมข้าวฮางเปียกบวบสุดยอดอาหารหวานลาวเหนือกันไหมครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีหลานโย่
มาเที่ยวจริงๆเลยดีมั้ย
สวัสดีครับครูคิม
เอาหนอนไม้ไผ่มาฝากครับ ชาวบ้านเอามาขายข้างทางไปหลวงน้ำทาง วิธีหาเขาจะเอาหูไปแนบต้นไผ่หากลำไหนมีจะได้ยินเสียง ตัดมาก็เจออย่างนี้ครับ เขาว่าอร่อยกว่ารถด่วนตัวไหมบ้านเรา แต่ผมกินเจช่วงเข้าพรรษาเลยไม่ได้ชิมครับ
ขอบคุณที่มาเยือนบันทึกครับผม
ตามลุงเปลี่ยนมาเที่ยวเมืองลาว ค่ะ ตามมาจากบันทึกอาจารย์สิงห์ ป่าสักค่ะ เมืองลาวสวยค่ะ มีโอกาสจะไปเที่ยวสักวัน
กำลังมี plan จะไปเดือน พ.ย. 52 นี้ค่ะ เเต่คงจะไมทำงานทีมวางเเผนจะไปจัด work shop การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้โรงพยาบาลที่ประเทศลาวค่ะ