กิจกรรมเพื่อสังคม บรรษัทบริบาล ที่ปัจจุบันจะนิยมเรียกกันว่า “ความรับผิดชอบต่อสังคม” หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) เป็นแนวคิดที่กระตุ้นให้องค์กรภาคธุรกิจใส่ใจกับสังคมมากขึ้น ไม่มุ่งแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากสังคมเพียงอย่างเดียว เนื่องจากในบางองค์กรได้สร้างความเสียหายทั้งในด้าน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ สังคม และสิทธิ ซึ่งเป็นวิธีการทำธุรกิจที่ไม่ยั่งยืนโดยสิ่งเหล่านั้นได้ย้อนมาทำร้ายลูกค้าทางตรงและทางอ้อมของตนเอง หรือได้สร้างความขัดแย้งกับชุมชนโดยรอบองค์กร ที่ต้องมีตัวประสานและสร้างความเข้าใจให้กับองค์กรธุรกิจให้มาสนใจ“ความรับผิดชอบต่อสังคม”
กระแสตื่นตัวในแนวคิดด้าน “ความรับผิดชอบต่อสังคม” หรือ CSR ในปัจจุบัน ทำให้เราได้เห็นถึงรูปแบบกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กรธุรกิจต่างๆทั้งในกิจกรรม ด้านสงเคราะห์ เช่น การบริจาคทุน หรือสิ่งของให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ด้านรณณรงค์ เช่น จัดกิจกรรมลดภาวะโลกร้อน เพื่อสร้างความตระหนักให้ลูกค้าบริษัท หรือบุคคลทั่วไป ด้านพัฒนาศักยภาพชุมชน เช่น นำองค์ความรู้ที่องค์กรมีไปถ่ายทอดให้กับชุมชนได้พัฒนาอย่างยั่งยืน หรือองค์กรจะเป็นพันธมิตรร่วมพัฒนาสังคมกับองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มีความสามารถในการทำงานเข้าถึงปัญหาและความต้องการของสังคมโดยตรง ปัจจุบันเริ่มเกิดกลุ่มอาสาสมัครพนักงานในแต่ละองค์กรมากขึ้น
กิจกรรมด้าน CSR ก็ไม่ได้หมายถึง เพียงการทำกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อสังคมเท่านั้น แต่รวมถึงความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า สังคม และพนักงานในองค์กร เช่น สินค้ามีคุณภาพ ไม่สร้างผลด้านลบแก่สังคม พนักงานได้รับผลตอบแทนและสวัสดิการอย่างเหมาะสม สิ่งนี้ก็เรียกว่า CSR เช่นกัน ซึ่งในหลายองค์กรอาจใช้จุดนี้เป็นการเริ่มต้นกิจกรรม ด้าน CSR ในวงกว้างได้ในอนาคต
กิจกรรมเพื่อสังคมไม่จำเป็นต้องใช้ทุนจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องสร้างสัญลักษณ์ใหญ่โตให้คนทั่วไปเห็น องค์กรควรเริ่มต้นกิจกรรมเพื่อสังคมจากภายในสู่ภายนอก สร้างความเข้าใจกับผู้บริหารจนถึงพนักงานต่อการทำกิจกรรมเพื่อสังคม สร้างกิจกรรมอาสาสมัครเล็กๆภายในองค์กร เช่น การพัฒนาสถานที่ทำงานร่วมกัน จัดบรรยากาศใหม่ๆในสำนักงาน เป็นต้น แล้วแสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จและผลดีที่ได้รับจากกิจกรรมนั้นเพื่อเป็นการสร้างความตื่นตัวในกิจกรรมเพื่อสังคม และขยายขนาดกิจกรรมไปสู่ชุมชนหรือสังคมต่อไป
ทุกสิ่งในโลกมีด้านดีและก็ด้านลบอยู่ในตัวมัน แนวคิดการทำกิจกรรมด้าน “ความรับผิดชอบต่อสังคม” หรือ CSR ก็เช่นเดียวกัน ที่อาจเป็นจุดเริ่มสร้างปัญหาให้กับสังคมในอนาคต เพราะถ้าองค์กรธุรกิจทำกิจกรรมเพื่อสังคมตามความต้องการตนเองเป็นที่ตั้ง มองปัญหาในมุมที่ตนเห็นแล้วช่วยเหลือตามที่ตนเองสะดวกเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ได้สร้างภาพลักษณ์แก่องค์กรเท่านั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับการกอบโกยผลประโยชน์แล้วสร้างปัญหาทางสังคมทิ้งไว้
การทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่ดีต้องเข้าใจถึงปัญหาหรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้กิจกรรมที่เราไปทำนั้นประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริง ซึ่งกิจกรรมที่สำเร็จอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาอาจจะไม่ได้มารวดเร็วอย่างกิจกรรมที่ฉาบฉวย ที่มุ่งเน้นเป้าหมายทางการโฆษณามากกว่าเป้าหมายของสังคม
ผลประโยชน์จาก CSR ที่องค์กรภาคธุรกิจจะได้รับทางตรงและทางอ้อม ทั้งในด้านชื่อเสียงที่ดีของบริษัท ด้านความเชื่อมั่นของลูกค้าที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด และด้านทรัพยากรบุคคลในองค์กร เช่นบางองค์กรจัดกิจกรรมอาสามัคร พนักงานที่มีแนวคิดว่า “สังคมพัฒนา พนักงานมีสุข ผลงานออกมาดี ลูกค้ามีความสุข และผลประโยชน์ก็คืนสู่องค์กร” นี้คือ วิสัยทัศน์ขององค์กรที่มีก้าวหน้าอย่างยั่งยืน คือการพัฒนาพนักงาน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าต่อความก้าวหน้าขององค์กร
ไม่มีความเห็น