แนวโน้มการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา
สังกัดกรมสามัญศึกษา
ในเขตกรุงเทพมหานคร ในระหว่างปี พ.ศ.2541-2546
วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต. ศึกษาศาสตร์
(เทคโนโลยีการศึกษา)
ลัดดาวัลย์ สุขะวัลลิ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาแนวโน้มการใช้คอมพิวเตอร์
เพื่อการศึกษา
ในระดับมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา ในเขตกรุงเทพมหานคร
ในระหว่างปี พ.ศ.
2541-2546 โดยใช้เทคนิคเดลฟาย
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา
เทคโนโลยีการศึกษา
ที่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ จำนวน 18 คน
ข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามจะวิเคราะห์
หาค่ามัธยฐานและพิสัยระหว่างควอไทล์
ผลการวิจัยพบว่า แนวโน้มการใช้คอมพิวเตอร์
เพื่อการศึกษาด้านการพัฒนาและ
ออกแบบระบบการเรียนการสอน
เน้นการออกแบบการสอนที่ยึดหลักการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
เครื่องมือกับผู้เรียน ด้านการบริการสนเทศ
เน้นการพัฒนาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ครอบคลุมสถานศึกษาทุกแห่ง และใช้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
ระบบเครือข่ายและระบบบริการรวม
ด้านการผลิตสื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
เน้นการพัฒนาสื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
ในการเรียนการสอนให้อยู่ในวงจำกัดตามกำหนดและมาตรฐานด้านการจัดการและการ
บริหารการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอน
เน้นความรู้ความสามารถของครู
ผู้สอนและเจ้าหน้าที่ในการผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากขึ้นและความเพียงพอของงบประมาณ
ในการจัดหาคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
ด้านการพัฒนาการคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
เน้นคอมพิวเตอร์จะเป็นสื่อใหม่ที่ทุกคนควรศึกษา
ด้านการออกแบบและพัฒนาคอมพิวเตอร์
ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน จะเป็นระบบการเรียนการสอนแบบเปิด
และเข้ามามี
อิทธิพลมากขึ้น
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะช่วยพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ผู้เรียนมีความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในสถานจริง
ด้านระบบการเรียนการสอน โดยใช้
สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เน้นการให้ห้องสมุดของสถานศึกษาเปลี่ยนรูปแบบจากห้องสมุด
ที่มีหนังสือไว้บริการเปลี่ยนมาเป็นให้บริการหนังสือที่อยู่
ในรูปของสื่อคอมพิวเตอร์
ช่วยสอนมากขึ้น ด้านการประเมินคุณภาพ
ประสิทธิภาพหรือผลที่เกิดจากคอมพิวเตอร์
ช่วยสอน เน้นให้ผู้เรียนแก้ปัญหาได้อย่างมีระบบ
ผู้เรียนมีความคิดสร้างสรรค์ และด้าน
ความคิดเห็น เจตคติของผู้เรียนต่อการเรียนการสอน
เน้นให้นักเรียนสามารถนำไป
ประกอบอาชีพได้ในอนาคต
.............................................................................................................................
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำจากคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ที่มีการสรุป 2 แบบในวิชาสุขศึกษา
วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต. ศึกษาศาสตร์ (เทคโนโลยีการศึกษา)
สุวารี เชิงพนม
การวิจัยครั้งนี้
มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทน
ในการจำจากคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ที่มีการสรุประหว่างบทเรียนและการสรุปท้ายบทเรียน
ในวิชาสุขศึกษา
กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ของโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว
จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 50 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย
แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง
2 กลุ่ม ๆ ละ 25 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่มีการสรุป 2
แบบ
และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ
0.78
เมื่อนักเรียนเรียนจบแล้ว
ให้ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทันที
หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ให้นักเรียนทำแบบทดสอบชุดเดิมอีกครั้ง
เพื่อวัดความคงทนในการจำ
และนำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้สถิติ t-test
ผลการศึกษาพบว่า
1.
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่มีการสรุประหว่างบทเรียน
มีประสิทธิภาพเท่ากับ
79.6/79 และคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่มีการสรุปท้ายบทเรียน
มีประสิทธิภาพเท่ากับ
78.6/78.2
2.
นักเรียนที่เรียนจากคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่มีการสรุประหว่างบทเรียน
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำสูงกว่านักเรียนที่เรียนจากคอมพิวเตอร์
ช่วยสอนที่มีการสรุปท้ายบทเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05