การใช้คอมพิวเตอร์กับการเรียนการสอน
การนำไปใช้โดยทั่วไป
การใช้คอมพิวเตอร์กับการเรียนการสอน
สามารถแบ่งออกได้หลายลักษณะ
1. สอนเนื้อหาวิชาคอมพิวเตอร์ (Computer Literacy)
ซึ่งอาจแบ่งเป็นรายวิชาต่างๆ
กันตามลักษณะของผู้เรียนที่จะนำไปใช้งาน
2. ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน :CAI
(Computer-Assisted Instruction)
มีลักษณะเป็นโปรแกรมการเรียนการสอนสำเร็จรูป
เนื้อหาเรื่องราวเป็นการเรียนโดยตรง และเป็นการเรียนแบบปฏิสัมพันธ์
(Interactive) ระหว่างนักเรียนกับคอมพิวเตอร์
โดยเน้นการเรียนเป็นรายบุคคลศึกษาด้วยตนเอง
3. ใช้จัดระบบการเรียนการสอน (Computer-Managed Instruction : CMI)
เป็นการนำคอมพิวเตอร์เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับลักษณะและพฤติกรรมของนักเรียน
ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความแตกต่างระหว่างบุคคลได้
โดยจัดโปรแกรมให้สอดคล้องกับผู้เรียน
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถและความถนัดของตน
การใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอน
มีประโยชน์สำคัญ ๆ หลายประการ
คือ
1. ทำให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนมากขึ้น
ทำให้มีความสนใจและกระตือรือร้นมากขึ้นดังจะเห็นได้จากการมีมักจะมีนักศึกษาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่จนมืดค่ำ
ในสถานศึกษาต่างๆ
2. ทำให้นักศึกษาสามารถเลือกบทเรียนและวิธีการเรียนได้หลายแบบ
ทำให้ไม่เบื่อหน่าย เช่น
ถ้าเบื่ออ่านหรือฟังคำบรรยายก็เปลี่ยนเป็นเล่นเกมส์
หรือเล่นโปรแกรมอย่างอื่นได้
3. ทำให้ไม่เหลืองสมองในการสท่องจำสิ่งที่ไม่ควรจะต้องท่องจำ
4.
ทำให้สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนได้เหมาะสมกับความต้องการของนักศึกษาแต่ละคน
5.
ทำให้นักศึกษามีอิสระในการที่จะเรียนไม่ต้องคอยเวียนแวะแนะนัดกับเพื่อนร่วมชั้นและครูอาจารย์จะเรียนกับคอมพิวเตอร์เมื่อไรก็ทำได้อย่างอิสระ
6. ทำให้นักศึกษาสามารถสรุปหลักการ
เพื่อหาสาระของบทเรียนแต่ละบทได้สะดวกเร็วขึ้น
7. ทำให้นักศึกษาได้ฝึกความรับผิดชอบต่อตนเองในการเรียนรู้
8. ทำให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น จากการวิจัยของบริษัท
IBM ที่กระทำกับผู้เข้าฝึกอบรมด้วยบทเรียนช่วยสอนด้วยคอมพิวเตอร์
เมื่อเปรียบเทียบกับโปรแกรมการฝึกอบรมแบบปกติ เมื่อปี พ.ศ. 2503
ในสหรัฐอเมริกา
พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของกลุ่มที่ใช้บทเรียนช่วยสอนด้วยคอมพิวเตอร์สูงกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง
10%
ความหมายของ
CAI
(COMPUTER-ASSISTED INSTRUCTION)
สื่อมัลติเดียที่ถูกสร้างขี้นจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์นำมาใช้การเรียนการสอน
CAI (CAI,Computer-Assisted
Indtruction) แต่ปัจจุบันมีผู้นิยมคำว่า CBT (Computer Based Teaching
หรือComputer Based Training) มากกว่า
คำใหม่นี้ถ้าแปลตามตัวก็คงหมายถึง การสอนหรือการฝึกอบรมโดย
ใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลักนอกจากนี้ในอเมริกาก็ยังมีคำนิยมใช้กันอีกคำหนึ่ง
คือCMI (Compuyter Managed Instruction)
หมายถึงการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการให้
ส่วนในยุโรปมักจะใช้คำแตกต่างจากในอเมริกันในยุโรปในปัจจุบันคือ CBE
(Computer Based Education)
หมายถึงการศึกษาโดยอาศัยคอมพิวเตอร์เป็นหลักนอกจากนี้ก็มีอีกสองคำที่แพร่หลายเช่นกัน
คือ CAL (Computer assisted Learning) และ CML (Computer Manager
Learlming) เป็นการเรียน (Learning) สำหรับในประเทศไทยนั้น
ผู้ที่เกี่ยวข้องมักนิยมใช้คำว่า CAI มากกว่า CBT หรือคำอื่น ๆ
ส่วนในภาษาไทยนั้นจะใช้แตกต่างกันไป เช่น ใช้คำว่าบทเรียน CAI ตรงตัว
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย
สอน บทเรียนช่วยสอนด้วยคอมพิวเตอร์ บทเรียนสำเร็จรูปด้วยคอมพิวเตอร์
โปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์
คุณสมบัติของ CAI (COMPUTER-ASSISTED INSTRUCTION)
การใช้งานของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนส่วนใหญ่จะหนักไปทางการเรียนด้วยตนเองมากกว่า
แม้ว่าจะชื่อบทเรียนช่วยสอนก็ตาม กล่าวคือผู้เรียนจะเป็นผู้ใช้บทเรียน
CAI หรือผู้เข้าฝึกอบรมจะใช้เป็นบทเรียน CBT แนวคิดของ CAI
เกิดขึ้นจากนักเทคโนโลยีทางการศึกษาที่ประยุกต์เข้ากับการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาโดยแท้จริงแล้วพื้นฐานของ
CAI ก็คือ เครื่องช่วยสอน (Teaching Machine)
การมีเครื่องช่วยสอนทำให้ต้องมีโปรแกรมที่เป็นเนื้อหาแบบฝึกหัด
และข้อทดสอบ ที่จะใช้กับเครื่องช่วยสอน
ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์ ก็มีการใช้บทเรียนสำเร็จรูปต่างๆ เช่น บทเรียนโปรแกรม
(Program Instruction) บทเรียนโมดูล (Module Instruction)
ชุดการเรียนการสอนสำเร็จรูป(IMP lnstruction package) เป็นต้น
โดยเป็นความพยายามที่จะหาวิธีที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วนตนเอง
ตามความสามารถของตน
จะใช้เวลามากน้อยต่างกันอย่างไรไม่ว่าจึงเกิดการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปเหล่านี้ขึ้นโดยแทนที่จะใช้เครื่องช่วยสอนเป็นตัวเสนอเนื้อหา
ก็ใช้หนังสือ (Programmed Text)
เป็นตัวเสนอเนื้อหาโดยออกแบบวิธีการเสนอเนื้อหาให้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เรียน
ใช้เทคนิคของการเสริมแรงและหลักการทางจิตวิทยาการเรียนรู้หลาย ๆ
อย่างมาประกอบกันอย่างเป็นระบบอย่างไรก็ตามจุดอ่อนของบทเรียนสำเร็จรูปเหล่านี้ก็คือ
ความน่าเบื่อหน่ายซึ่งเกิดจากความจำกัดของกิจกรรมความจำกัดของสื่อที่นำมาใช้
ความจำเจ
อันเกิดจากการอ่านเพียงอย่างเดียวการต้องเปิดหน้าหนังสือกับไปกลับมา
ความจำเจที่สุดได้แก่
ความยากในการสร้างที่จะทำให้เกิดบทเรียนสำเร็จรูปที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะต้องใช้เวลาในการพัฒนา
ในด้านของการควบคุมผู้เรียน
ขณะใช้งานก็เป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งทั้งนี้เนื่องจากผู้เรียนจะต้องมีความรับผิดชอบที่ดีจึงจะใช้บทเรียนสำเร็จรูปดังกล่าวได้ผลเมื่อเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาขึ้น
ทำให้นักการศึกษาหันไปมอง
หาวิธีการขจัดปัญหาต่างๆ
ดังกล่าวโดยการใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวนำเสนอเนื้อหาแทนบทเรียนสำเร็จรูปซึ่งการใช้คอมพิวเตอร์
เป็นตัวเสนอเนื้อหาทำให้ได้เปรียบบทเรียนสำเร็จรูปในด้านต่าง ๆ
เหล่านี้
1. เสนอเนื้อหาได้รวดเร็วฉับไว
แทนที่ผู้เรียนจะต้องเปิดหนังสือบทเรียนสำเร็จรูปทีละหน้าหรือทีละหลาย
ๆ หน้า
ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ก็เพียงแต่กดแป้นพิมพ์ครั้งเดียวเท่านั้น
2. คอมพิวเตอร์สามารถเสนอรูปภาพที่เคลื่อนไหวได้
ซึ่งมีประโยชน์มากในการเรียนสังกัป (Concept)
ที่สลับซับซ้อนหรือเหตุการณ์ต่างๆ
3. มีเสียงประกอบได้ ทำให้เกิดความน่าสนใจ
และเพิ่มศักยภาพทางด้านการเรียนภาษาได้อีกมาก
4. สามารถเก็บข้อมูลเนื้อหาได้มากว่าหนังสือหลายเท่า
5. ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนอย่างแท้จริง
กล่าวคือมีการโต้ตอบระหว่างบทเรียนกับผู้เรียนได้ สิ่งนี้ทำให้ CAI
สามารถควบคุมผู้เรียนหรือช่วยเหลือผู้เรียนได้มากในขณะที่บทเรียนโปรแกรม
(Program Instruction) ไปได้ แต่ CAI ผู้เรียนจะทำอย่างนั้นไม่ได้6.
CAI สามารถบันทึกผลการเรียน ประเมินผลการเรียน
และประเมินผลผู้เรียนได้ ในขณะที่บทเรียนโปรแกรมทำไม่ได้
ผู้เรียนต้องเป็นผู้ประเมินผลตัวเอง
7. สามารถนำติดตัวไปเรียนในสถานที่ต่าง ๆ
ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่8.
เหมาะสำหรับการเรียนการสอนผ่านการสื่อสาร เช่น การจัดการศึกษาทางไกล
(Distance Leaming) ผ่านทางดาวเทียม หรือ
การสื่อสารอย่างอื่น
CAI
ไม่ใช่บทเรียนโปรแกรมที่นำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์จึงไม่ใช่บทเรียนสำเร็จรูปหรือบทเรียนโปรแกรมใดๆ
ที่นำเสนอเนื้อหาออกจอภาพทีละหน้า ๆ จนครบบทเรียน
โดยที่ผู้เรียนทำหน้าที่แต่เพียงกดแป้นพิมพ์เพื่อเปลี่ยนเนื้อหาไปที่ละหน้าเท่านั้น
แม้ว่าบทเรียน CAI จะได้แนวความคิดมาจาก บทเรียนโปรแกรม (Program
Instruction) ก็ตามแต่ CAI
สามารถทำในสิ่งที่บทเรียนโปรแกรมทำไม่ได้ในหลาย ๆ ประการ
ดังนั้นการออกแบบการเรียนการสอนของบทเรียน CAI
จึงแตกต่างกับบทเรียนโปรแกรมหรือบทเรียนสำเร็จรูปต่างๆ
โดยการออกการเรียนการสอนของ CAI จะพยายามใช้คุณสมบัติพิเศษ
(Attribute)
ของคอมพิวเตอร์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อลักษณะเนื้อหาวิชาต่าง ๆ
ส่วนหนึ่งได้แก่ การเสนอภาพที่เคลื่อนไหวได้ การสร้างเสียงประกอบ
และส่วนที่สำคัญได้แก่การโต้ตอบได้ระหว่างผู้เรียนกับบทเรียน
แบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive)