ปัจจุบันเราสามารถใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง การเรียนรู้ผ่าน ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ จึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเรียนการสอนปัจจุบัน เป็นการพัฒนาการเรียนการสอนให้ทันกับความก้าวหน้าในอนาคต จึงได้มีการพัฒนาโปรแกรมและโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้ในการเรียนการสอนมากขึ้น บทบาทของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาแล้วได้ 3 ลักษณะ คือ
1. นำมาใช้เพื่อสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ซึ่งการนำมาใช้ในลักษณะนี้ จะจัดคอมพิวเตอร์ในลักษณะของห้องเรียน แล้วก็สอนให้รู้จักคอมพิวเตอร์ ทั้ง Hardware และ Software แล้วก็สอนการใช้โปรแกรม, โปรแกรมประยุกต์ เพื่อสร้างพื้นฐานการเป็นนักคอมพิวเตอร์
2. นำมาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการข้อมูล ทั้งการประกอบธุรกิจเป็นแหล่งติดต่อซื้อขายสินค้า ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรมสำเร็จรูปต่าง ๆ จนกระทั่งการใช้บริการโปรแกรมเฉพาะทางในการวิเคราะห์ คำนวณเป็นครั้ง ๆ โดยจ่ายค่าบริการตามที่ผู้ให้บริการกำหนด ในส่วนการเรียนการสอน ช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของผู้เรียน เช่นใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางเปิดสื่อมัลติมีเดีย ใช้สืบค้นข้อมูลทาง อินเตอร์เน็ต ใช้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด
3.
นำมาใช้เพื่อเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนการวิจัย
เช่นนำมาเป็นส่วนประกอบของความทันสมัยแต่ไม่พัฒนา
เช่นใช้เป็นเครื่องพิมพ์ดีดราคาแพง
หรือใช้เพื่อความบันเทิงอย่างเดียว
แนวคิดในการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเรียนรู้ของมนุษย์
ได้เริ่มขึ้นโดยสถาบัน MIT
ได้ดำเนินการทดลองภายใต้โครงการ Lighthouse
และพัฒนาแนวคิดนี้ขึ้นโดยกรมการศึกษานอกโรงเรียน และ
หน่วยงานอื่น ๆ ในกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยี
นอกเหนือจากเครื่องมือ ทางเทคโนโลยีอื่น ๆ
ก่อนอื่นควรทำความเข้าใจกันก่อนว่าในปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาท
ในการจัด การศึกษาอย่างไรบ้าง
จึงจะเชื่อมโยงความคิดไปสู่การจัดคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาได้อย่างชัดเจน
1. เราใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้บ้าง
ที่ผ่านมาแนวโน้มการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นเครื่อง
พิมพ์ดีด ราคาแพงได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว
ในบรรดาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่มากมายในขณะนี้
ถูกใช้งานเพื่ออะไร และให้คุ้มค่า
กับการที่ต้องจ่ายเงินซื้อมาด้วยแล้วควรที่จะต้องคิดกันอย่างหนัก
และที่สำคัญคือเราใช้คอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือ
ในการพัฒนาประเทศได้เพียงใด
2. ความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการศึกษา
จากความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์
ในปัจจุบันและอนาคตที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
สามารถนำมาช่วยในการจัดการศึกษา ช่วยในการพัฒนาการเรียน
การสอนและพัฒนาการเรียนรู้ ตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษา
โดยเฉพาะการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
ได้เป็นอย่างดี
โดยมีบทบาทดังนี้
บทบาทในการเป็นสื่อการเรียนการสอน ซึ่งเป็นทั้ง
สื่อทางเดียวและสื่อ 2 ทาง สามารถเป็นสื่อ
ที่ใช้ในการเรียนในชั้นเรียนหรือสื่อที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาสื่ออย่างกว้างขวาง
เพื่อให้สามารถเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
บทบาทในการเป็นผู้ช่วยของผู้สอน ได้แก่ CAI
สามารถทำหน้าที่ได้ใกล้เคียงกับผู้สอน
แม้ไม่สามารถแทนครูผู้สอนได้
แต่ก็สามารถให้ความรู้ได้อย่างกว้างขวาง
บทบาทในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
สร้างองค์ความรู้ขึ้นมาในตัวของผู้เรียน
เป็นกระบวนการช่วยในการพัฒนาสมอง
บทบาทในการสืบค้น เสาะแสวงหาความรู้
เพื่อให้สามารถแสวงหาความรู้ได้อย่างไม่มีขอบเขต
ซึ่งปัจจุบันพัฒนาไปอย่างมาก โดยรู้จักในชื่อ
อินเตอร์เน็ต ซึ่งนอกจากจะค้นหาข้อมูลได้แล้ว
ยังสามารถแลกเปลี่ยน ความรู้กับบุคคลอื่นได้ด้วย
บทบาทในการสื่อสาร เป็นบทบาทในการสร้างการเชื่อมโยงระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง ระหว่างครูกับผู้เรียน หรือกับแหล่งความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาหากมองย้อนไปในอดีตการเรียนการสอนที่ต้องท่องจำ อ่าน และสอบโดยที่ไม่ได้รับรู้หรือมีเป้าหมายว่า เมื่อเรียนไปแล้วจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร หลักสูตรที่จัดทำขึ้นจะบอกวัตถุประสงค์ว่าจะให้ผู้เรียนนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร การวัดผลท้ายที่สุดคือการสอบ ซึ่งถือว่าเป็นการรวบยอดความรู้และแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจว่ามีมากน้อยเพียงใด เป็นวิธีการที่ใช้มานาน แต่ในชีวิตประจำวันหลังจากที่เรียนจบแต่ละคนจะมีหน้าที่ อาชีพการงาน ต่างกัน บางคนเรียนไม่ดีแต่กลับมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องของกรอบความคิด และแนวคิดในการนำความรู้มาประยุกต์กับการใช้ชีวิต ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาพยายามที่จะผลักดันให้ระบบการศึกษาตอบสนอง และพัฒนาผู้เรียนให้สามารถเรียนรู้และประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเรียนการสอนถือได้ว่าเป็นภาระและความจำเป็นที่ผู้สอนต้องมีวิสัยทัศน์และมองเห็นถึงความสำคัญ
ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ระบบการเรียนทางไกล และการเรียนแบบออนไลน์ที่เปิดให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อและให้คำปรึกษา ตลอดจนการศึกษาและเรียนรู้ด้วยตัวเองที่สามารถเรียกข้อมูลมาใช้ได้จากทุกที่ ที่มีการเชื่อมต่อเครือข่าย การปรับสภาพที่ทำให้ผู้เรียนเกิดความต้องการในการเรียนรู้เป็นสิ่งจำเป็น แต่หลาย ๆ ครั้งเราจะมองเห็นว่าการเรียนรู้ไม่ต่างจากการพยายามผลักดัน ยัดเยียดความรู้โดยที่เราหรือเขาไม่มีโอกาสรู้ด้วยซ้ำว่าเรียนไปเพื่ออะไร
เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นำมาเป็นเครื่องมือในการสอน เครือข่ายความรู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นตัวกลางถือได้ว่าเป็นแรงสำคัญในการเชื่อมโยงแหล่งความรู้ ข้อมูลเนื้อหา ชุดวิชาในการสอนเข้าด้วยกันโดยไม่มีพรมแดนกั้น ทำให้การเรียนน่าตื่นเต้นและน่าติดตาม เรียนอยู่ที่สถาบันราชภัฏรำไพพรรณี สามารถใช้เอกสารการสอนจากต่างประเทศได้ อยากศึกษาอยากเรียนรู้แขนงวิชาไหนก็ทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว โดยมีผู้สอนเป็นผู้ชี้นำ
ปัจจุบันมีเครือข่ายการเรียนรู้ตามเนื้อหาวิชาในหลาย ๆ วิชาที่ได้พัฒนาขึ้นจากแหล่งการศึกษาหลายแห่งที่ตระหนักถึงระบบการเรียนการสอน สภาพการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่โครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย http://www.school.net.th เครือข่ายของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย http://www.uni.net.th เครือข่ายของสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ http://www.ru.ac.th เครือข่าย E-Learning ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.chulaonline.com มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ http://www.ku.ac.th และอีกหลายแห่งที่ไม่ได้กล่าวในที่นี้
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2542) ได้เสนอ 10 อนาคตภาพ เพื่อพลิกโฉมหน้าใหม่ของโลกและเตรียมความพร้อมของประเทศไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่ง 10 อนาคตภาพนี้ คนในสังคมจะต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อนาคตภาพที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาและเทคโนโลยีสารสนเทศ 4 อนาคตภาพ ดังนี้
1. ยุคของเทคโนโลยีขั้นสูง (The Age of high technology) ซึ่งถือว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดรูปแบบการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 20
2. ยุคของข้อมูลข่าวสารสนเทศ (The Age of Information Technology) ซึ่งการพัฒนาวิทยาการด้านคอมพิวเตอร์เริ่มตั้งแต่ปี 1964 จนถึงปัจจุบันมีการสร้างเครือข่ายสารสนเทศ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสามารถการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ความสำเร็จและอำนาจของบุคคลจะอยู่ที่ความสามารถในการเข้าถึง การจัดการ และการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่อย่างมากมายเหล่านี้
3. ยุคของสังคมแห่งความรู้ (The Age of Knowledge Society) จากประโยคอมตะของFrancis Bacon ที่ว่า “ ความรู้คืออำนาจ” ( Knowledge itself is power ) ดังนั้น ความรู้จึงกลายเป็นตัวกำหนดระดับความสามารถ ในการแข่งขันทั้งในระดับบุคคล ระดับหน่วยงาน และในระดับประเทศ บุคคลที่ทรงความรู้อย่างหลากหลายและมีความสามารถในการนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์จะกลายเป็นกลุ่มคนที่ทรงพลังอำนาจในสังคมอนาคต
4. ยุคของสังคมเครือข่าย (The Age of Networks) มีการจัดระเบียบโลกใหม่ ซึ่งจะไม่มีประเทศหรือองค์กรใดสามารถดำรงตนอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ จะต้องสร้างการประสานความร่วมมือในการดำเนินงานเพื่อการอยู่รอดและเพิ่มความแข็งแกร่งของประเทศและองค์กร สังคมเครือข่ายจึงเป็นภาพที่ชัดเจนในศตวรรษที่ 21
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นางสาว พรรษา สืบพงศ์ตระกูล ใน พรรษา สืบพงศ์ตระกูล:แม่สอด
คำสำคัญ (Tags)#uncategorized
หมายเลขบันทึก: 29787, เขียน: 20 May 2006 @ 14:49 (), แก้ไข: 08 Jun 2012 @ 15:34 (), สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ, อ่าน: คลิก
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก