คอมพิวเตอร์กับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ดร.ขนิษฐา รุจิโรจน์
ภาคเทคโนโลยีการศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เผยแพร่ใน วารสารการศึกษาปฐมวัย ปี 1 ฉบับที่ 4
ตุลาคม 2540
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือช่วยการเรียนรู้
การให้เด็กเรียนโดยใช้คอมพิวเตอร์จะต้องมีครูและผู้ปกครองอยู่ด้วยเพื่อให้คำชี้แนะที่เหมาะสม
ซอร์ฟแวร์ที่นำมาใช้จะต้องเป็นเรื่องของการศึกษา
จึงจะพัฒนาเด็กได้จริงตามจุดประสงค์ของการเรียน
สังคมสมัยใหม่เป็นสังคมที่เน้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ
ข้อมูลข่าวสาร
เป็นเหตุให้โรงเรียนต่างๆเริ่มให้มีการใช้คอมพิวเตอร์และมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยีชนิดหนึ่งที่ใช้กับเด็กได้ทุกวัย
มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับเด็กปฐมวัยในรูปแบบต่างๆทั้งเพื่อเป็นการฝึกทักษะให้กับเด็ก
เช่น การสร้างสัมพันธภาพการเรียนรู้ทางพุทธิปัญญา การคิดเลข
และใช้เพื่อการฝึกความคิดสร้างสรรค์
นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังช่วยในการใช้สายตา
และมือให้สัมพันธ์กันเมื่อเด็กใช้แล้วเด็กยังได้พัฒนาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ด้วย
จุดประสงค์ของการใช้คอมพิวเตอร์ในเด็กปฐมวัยมุ่งฝึกเด็กให้ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาความคิดและทักษะต่างๆมากกว่าการหัดให้เด็กใช้คอมพิวเตอร์แบบผู้ใหญ่
การใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอน
ประเทศไทยได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสอนเป็นเวลานานพอสมควร
ในยุคแรกของการใช้คอมพิวเตอร์กับเด็กนั้นยังไม่เป็นที่นิยมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ยังเป็นการแสดงออกเฉพาะที่เป็นตัวหนังสือ
บางโปรแกรมอาจมีภาพกราฟฟิค
ประกอบบ้างเล็กน้อยซึ่งไม่น่าสนใจแม้ในต่างประเทศก็ไม่นิยมต่อมาเมื่อฮารดแวร์และซอฟแวร์พัฒนามากขึ้น
จึงเป็นที่นิยมโดยแพร่หลาย
คอมพิวเตอร์สำหรับเด็กปฐมวัยจะมีซอฟแวร์ที่เรียกว่า Edutainment
มาจากคำว่า Education (การศึกษา) บวกกับคำว่า
Entertainment (ความบันเทิง)
ซอฟแวร์แบบนี้เมื่อเวลาเด็กใช้เรียน
เด็กจะได้ทั้งการเรียนรู้กับความบันเทิง
ทั้งนี้โดยจุดประสงค์หลักของการผลิตซอฟแวร์สำหรับเด็ก
จะไม่เน้นเด็กให้เกิดการเรียนรู้เฉพาะเนื้อหาอย่างเดียวแต่ต้องสนุกกับการเรียนนั้น
ด้วยลักษณะของซอฟแวร์ที่เป็นสื่อผสม (Multimedia) หมายถึง
การใช้สื่อหลายๆแบบประกอบกันมีทั้งข้อความ (text) ภาพนิ่ง
ภาพที่เคลื่อนไหวได้ มีเสียง
ในการใช้ซอฟแวร์ที่เป็นสื่อผสมนี้จะต้องมีคอมพิวเตอร์ที่เป็นสื่อผสมด้วย
กล่าวคือ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีซีดีรอมไดรฟ์ (C D Rom drive)
และในเครื่องต้องมีที่เล่นเสียงเล่นภาพด้วยนอกจากนี้ต้องมีซอฟแวร์โดยทั่วไป
Edutainment จะบรรจุอยู่ในแผ่นซีดี หรือ คอมแพคดิส(Compactdisc)
ซึ่งมีบริษัทหลายบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ผลิตขายโดยมีเรื่องหลากหลายที่เราสามารถเลือกได้
แต่ในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานและหลายบริษัท ได้จัดทำเป็น
อินเตอร์เน็ต (internet)
ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ได้โดยไม่ต้องใช้ดิสค์อย่างที่เราใช้กันอยู่
การพัฒนาสื่อคอมพิวเตอร์เดิมมาจากการพัฒนาในรูปข้อความมาขยายสู่การมีภาพ
มีเสียง เช่น โทรทัศน์ ความแตกต่างของโทรทัศน์ กับ
สื่อผสมต่างกันตรงที่การเรียนจากโทรทัศน์เป็น
การเรียนแบบรับ (Passive)
ขณะที่เรียนจากสื่อผสมคอมพิวเตอร์เป็นการเรียนแบบตอบโต้ (active)
ที่เด็กสามารถมีปฏิกิริยาตอบโต้ได้ในขณะเรียน
ซึ่งการเรียนกับโทรทัศน์เด็กจะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียวไม่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ได้ดังนั้นการเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์(interactive
learning) มีความสำคัญมาก
เด็กจะเรียนรู้ได้สนุกกว่าโทรทัศน์
และเด็กสามารถควบคุมการเรียนรู้ในขณะที่เรียนได้ด้วย
ซึ่งเป็นการกระตุ้นทำให้เกิดการอยากรู้อยากเห็น
อีกประการหนึ่งของการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนคือ
บทเรียนที่กำหนดมีความยากง่ายเหมาะกับเด็กที่จะเรียน
ซึ่งเป็น การกระตุ้นให้เด็กยากเรียน
และกระตือรือร้นที่จะเรียนเพราะเด็กสามารถเรียนรู้เพิ่มขึ้น
และเด็กสามารถเลือกเรียนด้วยตนเองตามความสนใจ
ด้วยลักษณะนี้ทำให้การเรียนด้วยคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งท้าทายสำหรับเด็ก
องค์ประกอบที่สอดแทรกมาในคอมพิวเตอร์คือการสร้างจินตนาการในเด็ก
ด้วยภาพจากคอมพิวเตอร์มีการเคลื่อนไหว
เด็กจะรับรู้และตอบสนองได้ดีกว่าภาพนิ่ง
อย่างไรก็ตามซอฟแวร์ทางการศึกษาที่ดีต้องสนุกสนานในขณะเดียวกันต้อง
เด็กปฐมวัยต้องการความสนุกสนานในขณะเดียวกันต้องเสริมสร้างเสริมปัญญาให้กับเด็กด้วย
มีหลายบริษัทที่จัดทำซอฟแวร์ทางการศึกษา
สำหรับเด็กที่สามารถศึกษาได้ในลักษณะดังกล่าว
Electronic
story book เป็นหนังสือนิทานอย่างหนึ่ง ที่มีทั้งเรื่องเล่า
และมีภาพเคลื่อนไหว เรียกได้ว่าเป็นหนังสือที่มีชีวิตชีวา
สำหรับระเทศไทยการผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอนมีทั้งที่เป็นนิทานโปรแกรมการสอนคณิตศาสตร์
การสอนทักษะทางภาษา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ การรู้จักรูปร่างสี
การวาดรูป เป็นต้นเว้นบรรทัด
หลักการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียน
ในการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์เด็กจะรู้สึกมีส่วนร่วม
สนุกสนาน ตื่นเต้น เพราะเห็นผลได้ทันที อยากติดตาม
เด็กจะมีความร้สึกที่ดีในการเรียน
ซึ่งกรณีนี้เป็นการพัฒนาไปสู่ความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง
สิ่งที่ผู้ปกครองและครูวิตกกังวลเกี่ยวกับการนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับเด็กคือ
- เด็กจะสนใจการเล่นคอมพิวเตอร์จนลืมที่จะทำอย่างอื่น
สาเหตุเนื่องมาจากมีคนเอาเกมมาเล่น ทำให้เด็กเล่นเกมจนติด
เพราะเกมที่นำมานั้น ไม่ใช่เกมการศึกษา
จึงอยู่ที่ว่าผู้ปกครองหรือครูต้องเลือกสิ่งที่เป็นการศึกษาจริงๆแล้วจัดให้กับเด็ก
- เด็กไม่เห็นความสำคัญของผู้ปกครอง และครู
เพราะเด็กสามารถพึ่งคอมพิวเตอร็ได้ เรียนจากคอมพิวเตอร์ได้
- เด็กแยกตัวไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มุ่งอยู่กับคอมพิวเตอร์
ถ้าเป็นเช่นนี้เด็กจะเป็นคนเก็บตัวไม่เข้ากับสังคม บางคนก็จะ
ไ่ม่สนใจผู้อื่น
ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ได้
ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมในการจัดวางคอมพิวเตอร์ ต้องให้ดี นับแต่ โต๊ะ
เก้าอี้และเครื่องคอมพิวเตอร์
ที่ต้องจัดวางให้เหมาะกับสภาพร่างกายของเด็กไม่ว่าจะเป็นการจัดที่บ้าน
หรือที่โรงเรียนอีกประการหนึ่งการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาสำหรับเด็ก
ควรใช้ในการเรียนแบบร่วมมือ (Cooperative
learning)เพื่อลดปัญหาการแยกตัวของเด็ก
ครูควรจัดให้เด็กมีกิจกรรมแบบร่วมมือในขณะเรียนด้วย
จะช่วยแก้ปัญหาการแยกตัวจากสังคมเป็นอย่างดี
อีกทั้งควรมีการสอนจรรยามารยาทการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันไป
ทั้งนี้ให้รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตก็จะต้องมีจรรยามารยาทด้วย
สภาพแวดล้อมการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เฉพาะ
การนั่งเรียนกับคอมพิวเตอร์แต่เพียงอย่างเดียวต้องมีกิจกรรมเสริมนอกจอด้วยกิจกรรมต่างๆที่ครูควรจัดขึ้นก็ควรจัด
เพราะการใช้คอมพิวเตอร์จะฝึกได้เฉพาะบางเรื่องเท่านั้น ข้อสำคัญ
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือเสริมกิจกรรมและหลักสูตร
ไม่ใช่สิ่งทดแทนการเรียนการสอนทั้งหมดของครูตัวอย่างเช่นการดูโทรทัศน์เราก็มีปัญหาว่าเด็กได้อะไรจากโทรทัศน์ซึ่งถ้าให้ดีต้องมีผู้ใหญ่ดูแลด้วย
และแนะนำขณะดูเช่นกัน
กับคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใหญ่ต้องอยู่ดูและสนทนาร่วมกับเด็ก
นับตั้งแต่เลือกซอร์ฟแวร์ที่ดีให้กับเด็กตรงกับจุดประสงค์ของการเรียนที่แท้จริงครูผู้ปกครองยังต้องเป็นผู้แนะแนวอยู่เสมอ
นอกจากนี้เด็กควรได้รับประสบการณ์อื่นๆด้วย
คอมพิวเตอร์ได้เฉพาะ 2 มิติ แต่ในชีวิตจริงเด็กต้องมีปฏิสัมพันธ์กับ 3
มิติ เด็กยังต้องเล่นบล็อค เล่นตัวต่อ ซึ่ง
ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กมีคำพูดที่น่าสนใจ คือ Software can help
prents see how their kids mind operate ,it like a window to their
mind ซึ่งหมายถึงว่า คอมพิวเตอร์คือ
หน้าต่างของดวงจิตที่เราสามารถดูใจของเด็กได้จากคอมพิวเตอ ร์
ถ้าเราศึกษาขณะใช้คอมพิวเตอร์โดยสังเกตพัฒนาการของเด็กเราจะรู้ว่าเด็กคิดอย่างไร
วางแผนอย่างไร
ซึ่งน่าจะมีการวิจัยว่าเด็กปฐมวัยมีพัฒนาการคิดอย่างไรกับการใช้คอมพิวเตอร์สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากอย่างน้อยจะได้คำตอบว่าคอมพิวเตอร์มีผลอย่างไรกับเด็กในแง่ของการคิดเพื่อการจัดการ
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก
1.
ทำให้เด็กได้คิดค้นหาคำตอบด้วยความสนุก เช่น การเรียนคำศัพท์
2.
ให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ เช่น การทดลองฝึกผสมสี
โดยไม่เปลืองดินสอสี จากโปรแกรม คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
แต่มีข้อเสีย คือการใช้ทักษะของมือ
3.
การใช้ภาพ รูปร่าง เด็กสามารถเรียนรู้ถ่ายโยงมาสู่เรื่องใหม่ๆได้
ทำให้การเรียนรู้ต่อเนื่อง ทำให้ ฝึกคิคค้นการแก้ปัญหาได้ดี
อย่างไรก็ตามในการฝึกทักษะนี้ครูสามารถเลือกเกมต่างๆที่สามารถฝึกทักษะเด็กที่ต้องการได้
การใช้อินเตอร์เน็ต
ในกรณีที่เราเป็นสมาชิกเครือข่าย
เราสามารถเชื่อมโยงนำข้อมูล ณ
ต่างประเทศที่เป็นเครือข่ายมาใช้ในการเรียนการสอนได้
ทั้งที่เป็นรูปภาพ กิจกรรมต่างๆ ซึ่งเรามักจะได้มาจากต่างประเทศ
เนื่องจากประเทศไทยยังมีน้อยมาก
สิ่งที่สะดวกในการนำมาสอนคือครูสามารถคั่น หรือทำเครื่องหมาย
ในการที่จะเลือกเรื่องมาใช้ในการเรียนการสอนได้
สิ่งที่ต้องระวังคือการเลือกใช้เนื้อหาเนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลที่กว้างมาก
ครูจึงควรเลือกเรื่องที่สนใจสำหรับเด็กเท่านั้น
ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตจะมีทั้งข้อมูลทั่วไปและข้อมูลช่วยสอนที่สามารถเลือกนำมาเรียน
มาใช้ได้ เช่นกัน ลักษณะจะเหมือนกับบทเรียนแบบโปรแกรมที่ผู้เรียน
หรือผู้ใช้สามารถเล่นถามตอบได้
นอกจากนี้ในการใช้อินเตอร์เนตบางอย่างครูสามารถเลือกภาพและพิมพ์ออกมาให้เด็กเป็นแบบฝึกหัดได้เช่น
รูปภาพให้เด็กหดระบายสี วาดภาพ Creative clsssroom on line
เป็นโปรแกรมการเรียนที่สามารถเลือกกิจกรรมตามชั้นเรียน
และระดับที่สนใจได้แล้วนำข้อมูล
เอกสารจากอินเตอร์เน็ตนั้นมาเป็นสื่อในการเรียน การสอน
นอกจากนี้อินเตอร์เน็ตยังสามารถช่วยให้ผู้เรียนสามารถพูดคุยกับโรงเรียนอื่นโดยใช้เครือข่ายที่ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อความรู้ด้วย,การสนทนาระหว่างโรงเรียน
และระหว่างครูหรือระหว่างนักเรียนด้วยกัน
Story
book เป็นอีกมิติหนึ่งที่ใช้ได้ทางอินเตอร์เน็ต
ลักษณะเป็นเรื่องเล่านิทานที่จะเรียนได้เช่นกัน แต่การตอบสนองอาจจะช้า
ทั้งนี้เพราะเป็นการตอบโต้ที่มีกำหนดตามลำดับ
และเรายังสามารถจัดเป็นภาพการ์ตูนที่ส่งผ่านเครือข่ายมาจากต่างประเทศได้ด้วย
ปัญหาการใช้เครือข่ายอยู่ที่โครงสร้างการสื่อสาร
และความคล่องตัวของการสื่อสารนั้น
สำหรับประเทศไทยขณะนี้ได้มีการพัฒนาหน้าเฉพาะของตัวเอง(home
page)
แล้วโดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติมีการพัฒนามากพอสมควรข้อมูลที่มีจะเกี่ยวกับโรงเรียนระดับมัธยม
เช่น โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี จะมีหน้าเฉพาะของตัวเอง(home
page)โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียน
ในขณะนี้เรายังไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในแง่ของกิจกรรมการเรียนการสอน
สรุป
การใช้คอมพิวเตอร์กับเด็กปฐมวัยควรใช้ในลักษณะเป็นอุปกรณ์การเรียนรู้ไม่ใช่การเป็นการเรียนการใช้คอมพิวเตอร์แบบผู้ใหญ่
เช่น การสร้างโปรแกรมเพื่อแสดงว่าเก่งคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
การปล่อยให้เด็กอยู่ลำพังกับคอมพิวเตอร์จะเป็นเหตุให้เด็กขาดสติปัญญา
เด็กควรได้เรียนมากกว่าการให้เล่นเกม ควร
ฝึกวินัยเด็กให้รู้ถึงการใช้คอมพิวเตอร์
โรคติดคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เกิดจากเด็กติดอินเตอร์เน็ตมากกว่า
ซึ่งนับเป็นโรคอย่างหนึ่งที่เป็นการเสพติดจริงๆควรใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเพื่อการเสริมการเรียนรู้ไนเรื่องที่สนใจเท่านั้น
ครูและผู้ปกครองต้องเข้าใจและปลูกฝังให้กับเด็กให้ถูกทาง
ต้องจำกัดเวลาที่เหมาะกับเด็กในการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์อย่าลืมว่าเด็กต้องพัฒนาในทุกด้าน
การใช้คอมพิวเตอร์ที่ดีครูหรือผู้ปกครองจำเป็นต้องอยู่ด้วยเพื่อให้คำชี้แนะและได้สนทนาร่วมกันเสมอ
จากการบรรยายในการประชุมวิชาการการศึกษาปฐมวัยครั้งที่1
เรื่อง ทศวรรษหน้าของการศึกษาปฐมวัยระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1
มีนาคม 2540 ณ
อาคารวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ