๕๗. พนักงานมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ


"....ตอนนี้เลยเป็นข้าราชการบำนาญและเป็นพนักงานสักระยะหนึ่งก่อนอำลากรุงเทพฯเพื่อใช้ชีวิตและทำงานอย่างไม่ต้องมีการเกษียณอีก..."

ผมลาออกจากราชการ เปลี่ยนสถานภาพเป็นข้าราชการบำนาญและทำสัญญาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยอีก ๓ ปีนับแต่ปีที่แล้ว รู้สึกใจหายเพราะนับแต่ทำงานราชการมา ผมคิดว่าผมหยิ่งในความเป็นข้าราชการ

คิดในใจเงียบๆอยู่เสมอว่าผมจะร่วมพิสูจน์และร่วมสร้างทัศนคติของสังคมเสียใหม่ว่าข้าราชการนั้นเก่ง ทำงานหนัก และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ดีในที่ซึ่งตนเองรับผิดชอบ แต่ผมก็มีส่วนในการเคลื่อนไหวและขับเคลื่อนการปรับตัวการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาล แม้จะเล็กน้อยมาก แต่ก็ต้องถือว่ามีส่วนในการคิดสนับสนุน

พอมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ก็แทบจะไม่มีคนออกไปอยู่ในระบบใหม่ ผ่านไปนับปีก็ไม่ถึงร้อยละ ๕  ในหน่วยงานผมนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีเลย ผมจึงขอลาออกเป็นคนแรกและมีน้องอีกคนหนึ่งลาออกตามเป็น ๒ คน ทั้งที่ใจหายมากที่จะต้องอำลาชีวิตราชการ

แต่สังคมต้องเดินหน้า อีกทั้งผมก็อาวุโสและเป็นผู้บริหารด้วย ผู้คนจะอุ่นใจและร่วมมือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆกันได้อย่างไรหากเราเองไม่นำเขา ตอนนี้เลยเป็นข้าราชการบำนาญและเป็นพนักงานสักระยะหนึ่งก่อนอำลากรุงเทพฯเพื่อใช้ชีวิตและเตรียมทำงานอย่างไม่ต้องมีการเกษียณอีก.

หมายเลขบันทึก: 297307เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2009 01:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 22:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

เจริญพรคุณโยมอาจารย์วิรัตน์และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • ได้ยินคำนี้แล้วใจหายตามไปด้วย
  • ที่ใจหายเพราะคิดเทียบเคียงตอนบวชใหม่ ๆ พอเพื่อนพระด้วยกันลาสิกขาบท(สึก)ไปใจแป้วสักพักหนึ่งเลยทีเดียว
  • จนปัจจุบัน ๒๙ ปีบางท่านเป็นคนหนองบัวด้วยกันแท้ ๆ ยังไม่ได้พบเจอกันเลยก็มี
  • ได้ทราบข่าวคราวจากบางท่านว่าตอนนี้มีบุตรเขยก็มี มีสะใภ้แล้วก็มี เรียกว่าเป็นพ่อใหญ่ เป็นคุณตา เป็นปู่กันแล้วหนอเพื่อนเรา
  • ความรู้สึกอย่างนี้เป็นไปสักพักหนึ่ง เดี่ยวก็ปรับตัวได้ หรือลืมเลือนไปเลย อันที่จริงยังไม่ลืมหรอก แต่ส่วนมากเขาจะลืมพระเสียมากกว่า ก่อนสึกก็มักจะบอกว่า ไม่ลืมแน่วัดวาอาราม หลวงพี่เราอยู่ด้วยกันมาจะลืมได้อย่างไรพูดไว้ประมาณนี้แหละ
  • ส่วนมากคนที่พูดอย่างนี้มักจะเป็นคนขี้ลืมเนาะไม่รู้เป็นอย่างไร(คล้ายเพลงของใครไม่ทราบ)
  • กลับไปเป็นประชาชนเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา แต่เป็นประชาชนที่มีคุณภาพทำงานให้สังคมได้อย่างอิสระอย่างที่ตั้งใจ
  • ขอให้อาจารย์มีกำลังใจและเป็นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาแก่ศิษย์และน้อง ๆ รวมทั้งชุมชนบ้านนอกในเมืองร่วมสร้างสรรค์ปัญญาแก่ผู้คนอย่างเข้มแข็งต่อ ๆ ไป.

ขอเจริญพร

พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

พอทราบว่าอาจารย์ทำงานอยู่ ม.มหิดล ศาลายา เวลาไปเยี่ยมบุพการีที่พุทธมณฑลสาย 4 ก็จะคิดถึงอาจารย์ค่ะ เพราะแค่เลี้ยวหน่อยเดียวก็ถึงแล้ว แต่ก็ไม่เคยมาทำความรู้จักอาจารย์เป็นการส่วนตัวสักที ทั้งๆที่ชื่นชมผลงานผ่านบล็อคมานานแล้ว

สื่ออินเตอร์เน็ตก็ดีอย่างนี้นะคะ อยู่ไกลกันถึงไหน หรือแม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็สามารถชื่นชม ส่งข่าวถึงกันได้

มีความสุขกับสัปดาห์ใหม่นะคะอาจารย์

  • พระคุณเจ้าคุยและให้ข้อแนะนำที่ถูกใจครับ เป็นอย่างที่พระคุณเจ้าเปรียบกับประสบการณ์ของการบวชด้วยกันแล้วมีเพื่อนลาสิกขาบทอย่างนั้นเลยครับ แต่เดี๋ยวนี้อาจจะดีขึ้น เมื่อก่อนผมเป็นคนติดคน ติดที่ ติด-สำนึกผูกพันบรรยากาศแวดล้อมทุกแห่งที่ได้ไปหรืออยู่อาศัย-ทำงาน พอจะไปไหนมาไหนทีก็มักจะใจหายทุกที แต่เดี๋ยวนี้ก็วางท่าทีได้ดีกว่าเดิมคือรู้สึกใจหาย แต่ไม่อ่อนไหวให้จิตตกเหมือนอย่างเมื่อก่อนอีกแล้วครับ
  • ด้านหนึ่งก็คงจะเป็นเพราะติดยึดและห่วงโน่นห่วงนี่ พอละวางและทำใจให้เบาบางลงได้ ก็รู้สึกใจพองที่จะได้ทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองบ้าง ต่อไปนี้ก็จะเป็นโอกาสของการใช้ประสบการณ์ครับ
  • อ้าว บ้านบุพการีคุณณัฐรดาอยู่แถวพุทธมณฑล สาย ๔ หรอกหรือ ใช่คนอื่นไกลเลยนะครับเนี่ย
  • ทางหมู่มิตรคนทำงานชุมชน กำลังจะจัดเวทีคุยกัน มีการแสดงงานศิลปะ อ่านหนังสือ แล้วก็คุยกัน เพื่ออำลาสถานที่ที่พวกเราเคยใช้เป็นที่พบปะเสวนากันตั้งแต่แถวพุทธมณฑลเหมือนกับเป็นบ้านนอก แต่ตอนนี้เมืองขยายตัว และเขาก็จะเอาไปทำธุรกิจอย่างอื่น เลยจะนั่งคุยและถอดบทเรียน หาความทรงจำดีๆเก็บไว้กันสักหน่อย หากได้ทำจะบอกข่าวให้แวะไปร่วมกิจกรรมนะครับ
  • มีความสุขเช่นกันครับ
  • อาจารย์ครับ
  • ผมก็ลาออกจากการเป็นข้าราชการครู(มัธยมศึกษา)
  • มาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแทน
  • ครั้งแรกก็ใจหายเหมือนกันครับ
  • เพราะรับราชการมานานมาก
  • แต่การมาเป็นพนักงานราชการมีเรื่องดีให้เราทำได้คล่องตัวมากกว่าเดิม
  • แต่อยากไปทำไร่ ทำนา แบบที่ตัวเองชอบครับ ฮ่าๆๆ
  • มาให้กำลังใจอาจารย์ให้มีความสุขกับการทำงานครับ

สวัสดีค่ะ

ดีจังค่ะ ติดตามข้อเขียนอาจารย์มานาน จะมีโอกาสได้รู้จักตัวจริงแล้ว

ขอบคุณค่ะ

  • ขอบคุณครับอาจารย์ขจิต
  • อาจารย์มีประสบการณ์ดีนะครับ
  • ขอให้อาจารย์มีความสุข และได้ทำในสิ่งที่ชอบ-ที่ชอบ อยู่เสมอ ฮ่า
  • สวัสดีครับคุณณัฐรดา
  • อันที่จริงงานแนวคุณณัฐรดาก็นำมาจัดแสดง ให้เป็นโอกาสนั่งคุย-เสวนากันในพื้นที่เล็กๆก็เหมาะมากนะครับ
  • ขอเวลาตั้งหลักแป๊บเดียวครับ หากได้จังหวะจัดกันได้แล้วจะรีบบอกเลยครับ

อาจารย์ครับ

(๑) บ้านผมอยู่พุทธมลฑลสายสามครับ แวะเวียนไปมาที่มหิดลบ่อย ๆ ทั้งที่ ว.ดุริยางคศิลป์ และ สถาบันวิจัยโภชนาการ

(๒) ผมไม่เคยเป็นราชการ แต่เคยเป้นพนักงานรัฐในองค์การมหาชน เพิ่งลาออกมาเมื่อสองเดือนครับ มิตรสหายตั้งคำถามทั้งต่อหน้าและฝากถามมากมายถึงสาเหตุการออก

(๓) ผมรับปาก อ.สุกรี ว่าจะไปร่วมงานกับท่านในเร็ววันนี้ แต่ก็ยังถามตัวเองถึงคุณสมบัติและศักยภาพของตัวเอง

(๔) ที่สุดแล้ว ลึก ๆ ผมอยากเป็นชาวบ้าน ทำการผลิตเลี้ยงตัวเอง แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากทักษะทั้งหลายถูกทำลายจากการเข้าระบบการศึกษา

ขอหนุนให้ไปทำและเรียนรู้อย่างสูงสุดครับ

  • เคยได้ยินพระพูดเป็นภาษิตอย่างนี้นะครับว่า  "...หากเจอคนแปลกหน้า แต่เดินร่วมทางไปด้วยกัน ๗ ก้าว แม้นไม่เคยรู้จัก แต่ต้องนับได้ว่าเป็นเพื่อน กินข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อ แม้นเป็นคนอื่น ก็ต้องนับว่าให้ความคุ้นเคยกันดังญาติพี่น้อง นอนแรมทางด้วยกัน ๑ ราตรี แม้นเป็นคนอื่น ก็นับว่าเสมอเป็นตนเองเลยทีเดียว..."
  • ผมกับหนานเกียรติทั้งคุยกันมาหลายครั้ง อีกทั้งความคิดและการแลกเปลี่ยนทรรศนะต่างๆกันมากมาย ก็ยังคงอยู่ทุกแห่งที่ได้คุยกัน ยิ่งกว่านอนแรมทางด้วยกัน ๑ ราตรีเสียอีก ดังนั้น จึงขอถือคติว่าขอมีส่วนแนะนำอย่างไม่ใช่คนอื่นไกลก็แล้วกันนะครับ
  • อาจารย์สุกรีนั้น ท่านไม่คุ้นเคยผมหรอกแต่ผมคุ้นเคยท่าน ในมุมมองผมนั้น คนทำงานในวิถีศิลปิน(อย่าง ดร.สุกรี และไม่ว่าจะแขนงไหน) ผมว่าหนานเกียรติจะเข้าใจ คนทำงานศิลปะไม่ว่าจะแขนงไหน จะมุ่งความเป็นแบบฉบับ ความเป็นตัวของตัวเอง หรือความเป็น Originality การออกปากชวนใคร ก็มักจะดูจากการเห็นสิ่งนี้ในตัวคนๆนั้น คนศิลปะส่วนใหญ่ดูไปที่ตัวผลงานและผลของการทำได้ ดังนั้นจึงเชื่อหูและตาหรือประสบการณ์ตนเอง
  • เพราะฉะนั้น ไปเถอะครับ เรื่องในทางโภชนาการก็น่าทำครับ และที่มหาวิทยาลัยมหิดลนี้ก็มี Originality ในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ทั้งสองอย่างนี้ ทำเถอะครับ ทำในด้านที่จะปูพื้นฐานให้สิ่งที่เป็นชายขอบมีแหล่งที่จะขยายผลและเสริมกำลังได้ดีขึ้น แล้วก็ทำในด้านที่จะได้บทเรียนที่ดีเพื่อนำกลับออกไปทำงานให้กับชุมชนที่เราอยากไปทำในอนาคต

สวัสดีตอนบ่ายค่ะอาจารย์

อาจารย์ครับ

ความรักและเคารพที่ผมมีให้กับ อ.สุกรี มีมากครับ

เพราะผมรักและเคารพท่านมาก จึงทำให้ผมคิดมาก ว่าผมควรตัดสินใจอย่างไร

ผมมีคุณสมบัติที่เกือบจะเรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับสมาชิกของ ว.ดุริยางคศิลป์

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมหนักใจที่สุด ถึงแม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป้นการเสียสละ

ยิ่งอาจารย์ให้ความเห็นมา ผมยิ่งคิดหนัก

แต่ก็ขอบพระคุณอย่างสูงในความเห็นสำหรับคนสติปัญญาจำกัดอย่างผมครับ

สวัสดียามบ่ายถึงเย็นเลยครับคุณณัฐรดา บล๊อก GotoKnow เขาปรับหน้าเว็บบล๊อกให้ทุกคนใหม่ไปด้วยเลยได้แวะเข้าไปดูหน้าประวัติของเจ้าของได้ง่าย ถึงได้รู้ว่าคุณณัฐรดาเป็นศิษย์เก่า มอชอ ลูกช้างเหมือนกัน ดีใจครับ

  • หนานเกียรติให้ความสำคัญและรับผิดชอบผู้อื่นสูงดีครับ
  • ลองทบทวนข้อมูล เดินรวบรวมแนวคิดจากผู้บริหารและกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง แล้วก็ประมวลข้อมวล นำเสนอเค้าโครงและภาพร่างที่สำคัญของสิ่งที่เราตีโจทย์ออกมา แล้วก็ให้ทาง ว.และอาจารย์ ลองฟังและตบตีดูสิครับ จะได้ช่วยลดการที่ต้องคิดและตัดสินใจบนฐานความเคารพชื่นชมให้คลายความกังวลใจ
  • พอทำอย่างนี้แล้วก็พอจะทำให้เราเห็นแนวโน้มว่าพอรับมือไหวไหม เป็นการลงมือทำเพื่อประเมินความเป็นไปได้ที่เหมาะสมดีวิธีหนึ่งน่ะครับ
  • หากตัดสินใจทำ ก็จะทำให้ได้ข้อมูลสะท้อนกลับจากกลุ่มคนที่ควรเป็นเจ้าของความคิด อีกทั้งสามารถจัดวางตนเองลงไปที่การมีภารกิจจำเพาะตน ซึ่งจะทำให้เราได้ความรู้สึกที่จะต่องมุ่งทำเพื่อบรรลุภารกิจของตนเองครับ
  • อย่างน้อยก็ทำในระยะก่อตัวความคิด ประสานงานคนให้มาเทความคิดให้ หรือรวบรวมข้อมูล มาวางแนวคิดและให้ข้อเสนอแนะที่ก้าวหน้ามาจากเดิมหน่อยหนึ่ง ก็เรียกว่าได้ช่วยทำให้เขยื้อนแล้วนะครับ
  • ถ้าหากจะไม่ทำก็จะได้แสดงตนให้เห็นถึงความจริงใจ ไม่เสียน้ำใจและไม่กระทบต่อคนที่เคารพรัก ในอนาคตก็ยังมีโอกาสทำสิ่งต่างๆด้วยกันอีกได้ครับ

สวัสดีค่ะ หนูเป็นอีกคนหนึ่งที่ปลื้มความกล้าหาญในแบบผู้นำของอาจารย์เป็นอย่างมาก เยี่ยมไปเลย

ได้บทเรียนมากและได้ความรู้สึกต่อตัวเอง ที่ทำให้พร้อมจะให้ความเข้าใจแก่คนอื่นดีมากเลยครับ เป็นประสบการณ์และบทเรียนชีวิตที่ได้ประสบแก่ตนเอง ซึ่งยากจะเข้าถึงได้ด้วยการคาดการณ์หรือฟังการถ่ายทอดจากประสบการณ์ของคนที่เขาผ่านไปก่อน

การลาออกจากราชการนั้น ใครจะมองหมิ่นแคลนราชการอย่างไรผมก็คิดว่ามีมืออาชีพทางราชการและคนที่มีความเป็นข้าราชการอย่างอุทิศตนอยู่จำนวนมากที่หยิ่งในความเป็นข้าราชการและให้คุณค่าการทำงานด้วยความเป็นข้าราชการที่มากกว่าการทำเพื่อการได้เงินเดือนและได้ความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุอย่างการทำงานเอกชน และเมื่อลาออกก็จะเสียใจ ผมเองก็เป็นอย่างนั้น แต่เรื่องอย่างนี้ก็ป่วยการที่จะไปอาลัยอาวรณ์ มองไปข้างหน้าและเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆได้ทุกเมื่อดีกว่า

พอไปที่ทำงานใหม่ ก็เลยได้ใช้ประสบการณ์กับเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่เพราะได้เจอกับตนเองอย่างนี้ ผมเลยคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ คือ ผมต้องไปนั่งแทนที่อาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งที่ท่านเพิ่งเกษียณไปพอดี แต่การเข้าไปของผมจะต้องทำให้ท่านต้องรีบย้ายข้าวของออกจากห้อง ซึ่งผมทำไม่ได้หรอกครับ และเพื่อไม่ให้คนอื่น รวมทั้งหัวหน้าภาคฯซึ่งเป็นผู้บริหารเกิดความลำบากใจที่จะต้องจัดการให้ผม ผมก็เลยบอกให้ทราบว่าไม่ต้องรีบ เพราะเรื่องแค่นี้กับความรู้สึกของคนที่ผูกพันมาทั้งชีวิตนั้น เราควรให้ความสำคัญ หลายเรื่องเรามีโอกาสทำได้ดีกว่าเดิมอีก แต่การทำดีๆต่อกันกับผู้คนที่ได้เจอ แต่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะได้เจอและทำดีด้วยกันอย่างวันนี้อีกหรือไม่นั้น เราต้องรีบให้สิ่งดีๆต่อกัน

หัวหน้าภาคและเพื่อร่วมงานในที่แห่งใหม่ของผมก็ดีจังเลยครับที่รับฟังเหตุผลง่ายๆนี้ ท่านจัดให้ผมนั่งโต้ะของท่านเองเสียเลย ซึ่งเป็นทั้งเรื่องดีและไม่เหมาะสมสำหรับผม เรื่องดีคือผมเคารพนับถือวิถีวิชาการหัวหน้าภาควิชาซึ่งในอีกโสดหนึ่งนั้น ท่านเป็นอาจารย์ผมเองอีกด้วย ผมอยากนั่งเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำในชีวิต แต่อีกแง่หนึ่ง ผมมิบังอาจตีเสมอ ไม่ว่าท่านจะอนุญาตอย่างไรหรือไม่ก็ตาม ผมเลยขอนั่งตรงโต้ะที่ท่านจัดไว้ให้นักศึกษาไปพบท่าน ด้านหน้าของโต๊ะท่านนั่นแล้ว ซึ่งท่านก็ไม่ยอม ผมก็ไม่ยอมเช่นกัน ตกลงเลยเจอกันครึ่งทางคือ ผมนั่งให้ท่านเห็นให้ท่านพอใจ เสร็จแล้วก็ขอนั่งทำงานในที่เดิม รอให้อาจารย์อาวุโสอีกท่านหนึ่งท่านได้มีเวลาทำใจเพื่อเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหญ่ในชีวิตการทำงานของท่าน

ตอนนี้ผมมานั่งอยู่ในห้องใหม่ ใหม่สำหรับผมแต่เป็นที่เดิมก่อนเก่าของอาจารย์อาวุโสท่านที่ผมได้กล่าวถึง ซึ่งดูเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่การได้เจอแก่ตนเองนั้น ทำให้ผมรู้ว่าความรู้สึกและสิ่งอันมีความหมายต่อชีวิตของปัจเจกอันเล็กน้อย โดยเฉพาะต่อชีวิตการเป็นข้าราชการนี้ ผมได้ให้ด้วยสำนึกว่ามันสำคัญมากสำหรับผมต่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อจะให้เขาพอใจผมและมาเคารพตัวตนของผม แต่อยากให้เขาได้ความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง และนำความรู้สึกดีที่ได้รับจากผู้อื่น ไปสร้างสรรค์สิ่งดียิ่งๆขึ้นต่อสังคมที่เป็นใครก็ได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในจิตวิญญาณความเป็นข้าราชการนะผมว่า.

ผศ.เสริมศักดิ์ อาษา

ตอนนี้ มหาวิทยาลัยของผมกำลัง จะออกไปสู่ ม.ในกำกับ

ผมบรรจุรับราชการ ตั้งแต่ ซี 3 จนปัจจุบัน เป็น ผศ.8 ทำงานมา 16 ปี

อีก 8 ปีจะได้บำนาญ และออกนอกระบบ ต้องลาออก เหมือนอาจารย์เลยครับ

รู้สึกใจหายมาก

สวัสดีค่ะ อยากทราบจำนวนประชากรของพนักงานมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทัังหมด 20 แห่งในปัจจุบัน จะหาข้อมูลได้จากที่ไหนได้บ้างคะ เนื่องจากจะนำข้อมูลมาอ้างอิงประกอบการทำงานวิจัยน่ะคะ

ขอบพระคุณมากนะค่ะ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท