หากพูดถึงคำว่า “ครู” คนไม่มีรากก็คิดถึงหลาย ๆ ท่าน ท่านหนึ่งซึ่งถือเป็น “ครูในชีวิตการทำงาน” คือ ศ.นพ.ประเวศ วะสี หรือที่เรียกติดปากว่า อาจารย์หมอประเวศ วะสี
คนไม่มีรากมีโอกาสเป็นคณะทำงานจัดทำร่างนโยบายส่งเสริมภูมิปัญญาไทยในการจัดการศึกษา ตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งในปีนั้นอาจารย์หมอประเวศ วะสี เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน ฯ
ความรู้สึกที่ได้เห็นตัวจริงของท่านเป็นครั้งแรก หลังจากได้อ่านหนังสือและบทความของท่านมาแล้ว ... รู้สึกว่าท่านใจดี มีเมตตา อยู่ใกล้ ๆ แล้ว ราวกับอยู่ใกล้ญาติผู้ใหญ่ เย็นกาย เย็นใจ
ในฐานะที่โชคดีได้มีโอกาสร่วมงานกับท่าน จึงอยากบันทึกแง่มุมดี ๆ ที่ได้เรียนรู้จากท่าน....ปูชนียบุคคลท่านหนึ่งในสังคมไทย
ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มาตรงเวลาอย่างยิ่งในการประชุม ต่างจากผู้ใหญ่บางท่าน (ที่มักจะมาหลังเริ่มประชุมแล้ว แต่กลับก่อน ด้วยเหตุผลว่า มีงานเยอะยุ่ง) และหากรับปากว่าจะมาร่วมประชุมแล้ว ท่านจะมาแน่นอน ไม่ต้องโทร Confirm ท่านพูดน้อย พูดช้าชัด ใบหน้ายิ้มละไม รับฟังและไม่เคยตำหนิความคิดเห็นของใครในที่ประชุม ท่านไม่ดื่มชา กาแฟ ไม่เคยร้องขอเครื่องดื่มหรืออาหารชนิดใดเป็นพิเศษ และทานอาหารน้อยมาก ในช่วงพักทานข้าวกลางวัน มักจะมีนักข่าวมารอสัมภาษณ์ท่านด้วยประเด็นต่าง ๆ จนบางครั้งเราทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ท่านก็ยังคงให้สัมภาษณ์อยู่ จนหลายครั้งต้องเข้าไปขอร้องนักข่าว และเชิญให้ท่านมารับประทานอาหารกลางวันก่อนจะเริ่มประชุมต่อในช่วงบ่าย
หากให้สรุปรวมแล้ว คนไม่มีรากรู้สึกว่าท่านคล้ายพระผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เต็มไปด้วยสติ ปัญญา และเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณากับทุกคนโดยไม่เลือกหน้า ....
พยักหน้ากับตัวเอง...อ้อ นี่เอง “คนดีแท้” ที่ไม่เลือกเขาเลือกใคร เมตตากรุณาให้โดยเท่าเทียมกันทุกคน...
ช่วงที่ต้องประสานงานวิจัยเพื่อสนับสนุนการทำ ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ข้าราชการทุกคนจะต้องทำงานชนิดที่เรียกว่า หามรุ่งหามค่ำ เนื่องจากเป็นงานเร่งด่วน ทุกเย็นราว 5 โมงเย็น (ช่วงเย็นคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิจึงจะมีเวลาว่าง) จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ข้าราชการของสำนักงาน ฯ จะต้องเป็นฝ่ายเลขานุการคณะทำงาน ฯ กว่าจะประชุม เก็บประเด็นเสร็จก็เกือบ 2 ทุ่มบ้าง บางครั้งประเด็นไม่ลงตัวอาจประชุมถึง 4 ทุ่ม แยกย้ายกันกลับบ้าน ถึงบ้าน 4-5 ทุ่มทุกวัน ต้องรีบสรุปประเด็น พิมพ์ จัดทำเอกสารเพื่อเสนอท่านเลขาธิการ ฯ ก่อน 10 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น รอท่านอ่านพิจารณาให้ความเห็น ปรับแก้ เพิ่มเติม จัดทำเอกสาร เข้าเล่ม เพื่อนำเข้าที่ประชุมต่อตอน 5 โมงเย็น เป็นวัฏจักร...ไม่เว้นแม้แต่เสาร์-อาทิตย์...
วันหนึ่งขณะกำลังทำหน้าที่จัดเอกสารเตรียมประชุมตอนเย็นเช่นเคย...คนไม่มีรากกับพี่ที่ช่วยกันจัดเอกสารคุยกันว่า...เหนื่อยจังนะ มาทำงานตั้งแต่เช้ามืด กลับบ้านก็ไม่เห็นแสงอาทิตย์ หากวันไหนกลับบ้านเร็ว คนที่บ้านจะตกใจและร้องทักว่า...เกิดอะไรขึ้น กลับบ้านถูกหรือ ...ฯลฯ
...แล้วพลันก็ได้ยินเสียงนุ่ม ๆ ว่า...อดทนหน่อย เราทำงานเพื่อการศึกษาชาตินี่นะ... เราสองคนหันไปมอง อ้าว...อาจารย์หมอประเวศนี่นา รีบยกมือสวัสดีอย่างรวดเร็ว...
และประโยคที่ท่านพูดต่อมา ซึ่งคนไม่มีรากจดจำได้ขึ้นใจและยึดถือไว้เป็นคาถาในการทำงานตลอดมาก็คือ
“...หากทำอะไรแล้วเหนื่อยมาก ๆ ลองอดทนทำต่ออีกนิด จะหายเหนื่อย จะทำได้ต่อไปอีก...เหมือนวิ่งจนเหนื่อยมากใกล้จะขาดใจ หากกลั้นใจ อึด อดทนวิ่งไปอีกหน่อย เราจะแปลกใจที่เราวิ่งไปได้ หายเหนื่อยไปเลย เพราะเลยจุดที่ "เหนื่อย"แล้ว ลองดูนะ...”
น้อมกราบระลึกถึงอาจารย์หมอประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ผู้ใหญ่ที่เป็น “เสาหลัก” ท่านหนึ่งของสังคมไทย ซึ่งคนไม่มีรากยกท่านไว้ในฐานะ “ครู” ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
(^___^)
เห็นด้วยกับคนไม่มีราก ท่านใจดีและส่งเสริมการศึกษามาก ผมได้รับกำลังใจจากท่านหลายครั้งทีเดียว มาช่วยพิสูจน์อักษร หากพู ฮ่าๆๆๆๆ สบายดีไหมครับ
สวัสดีค่ะอ.ขจิต ฝอยทอง
จำได้ว่า อ.ขจิตเองก็เคยได้รับโน้ตให้กำลังใจจากท่าน...
ขอบคุณที่ช่วยตรวจทานค่ะ แก้ไขแล้วค่ะ
(^___^)
อาจารย์เป็นกันเองกับทุกคนด้วยค่ะ
ให้กำลังใจคนทำงานได้ดีมากๆด้วย (จำชื่อคนเก่งด้วย)
สวัสดีค่ะ คุณคนไม่มีราก
เราเองก็อ่านข่าวของท่าน (ศ.นพ.ประเวศ วะสี) เช่นกันเมื่อเช้านี้
เนื้อข่าวมีอยู่ว่า ""ทางรอดประเทศไทย : การปฏิรูปประเทศ"
การปฏิรูปแบบยกเครื่องทั้ง 10 เรื่อง ได้แก่
1. สร้างจิตสำนึกใหม่
2.ระบบเศรษฐกิจใหม่สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่
3.ความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น
4.สร้างระบบการศึกษาที่พาชาติออกจากวิกฤติ
5.ธรรมมาภิบาลการเมืองการปกครอง ระบบความยุติธรรมสันติภาพ
6.ระบบสวัสดิการสังคมที่ก้าวหน้าต้องเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นคนทุกคน
7.ระบบพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่มีดุลยภาพ
8.กระปฏิรูประบบสุขภาพเพื่อสุขภาวะของคนทั้งมวล
9.การวิจัยยุทธศาสตร์ชาติ
10.สร้างระบบการสื่อสารที่ผสานการพัฒนาทุกเรื่อง
อ่านแล้วจึงเก็บมาฝากค่ะ อ่านจากเวป www.sanook.com
สวัสดีค่ะพี่pa_daeng
คนไม่มีรากเคยทำงานที่รพ.ศิริราช เคยเข้าประชุมคณะทำงานวิชาการ เป็นเด็กตัวน้อยด้อยปัญญา เพียง 2 ครั้ง ท่านก็ยังจำได้ค่ะ
ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตาและไม่เลือกปฏิบัติเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
ขออนุญาตครับอาจารย์ ผมรู้จักท่านแต่ในหนังสือ บทความ และข่าวสารที่สื่อนำเสนอ เมื่อต้องมาทำงานพัฒนาในพื้นที่เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วก็ยิ่งต้องติดตามข้อคิดต่างๆของท่านนำมาเป็นแนวทางในการทำงาน มีคุณค่ามากสำหรับชีวิตการทำงานของผม ขอบพระคุณคุณมาก ครับ
สวัสดีค่ะ
ได้อ่านหนังสือของท่านหลายเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน ก็สามารถนำมาใช้ได้ทันทีทุกเรื่องค่ะ
ด้วยความระลึกถึงเสมอค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหนุ่ม กร~natadee
คนไม่มีรากโชคดีมาก ๆ ค่ะ เป็นเด็กที่อ่อนด้อยด้วยปัญญา แต่มีโอกาสได้ร่วมงานกับปูชนียบุคคลหลายท่าน ...
ข้อคิดที่ได้คือ การอยู่ใกล้บัณฑิต เป็นมงคลของชีวิตค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะพี่ สุนันทา
หนังสือของอ.หมอประเวศ เป็นหนังสือที่คนทำงานด้านการศึกษา การพัฒนาชุมชน สังคม การเพทย์ต้องอ่านค่ะ
ขอบคุณพี่ค่ะ
(^___^)
หวัดดีจ้ะปิง
ปิงโชคดีนะได้มีโอกาสทำงานกับผู้ใหญ่ คนดี คนควรเคารพเช่นอ.ประเวศ วะสี
คนดีมักจะได้พบกับคนดีนะปิง....พี่คิดว่างั้นนะ
มีความสุขมาก ๆ กับการทำงานกับคนดีนะน้อง
พี่กฤษณ์คะ
ปิงก็ว่าตัวเองโชคดีค่ะ
ท่านอ.หมอประเวศ เป็นคนดีที่น่าเคารพอย่างแท้จริงค่ะ
บางคน ภาพลักษณ์ดี แต่เมื่อทำงานด้วยแล้ว ... จึงทราบความจริงค่ะ...หลายคนก็ไม่ดได้ดีดังที่แสดงภาพไว้ว่า...ดี
คิดถึงพี่จัง พี่ไม่เข้าคณะเลยหรือคะ
(^___^)
ท่านเคยพูดในที่ประชุมซึ่งมีผมร่วมอยู่ด้วยในตอนนั้นว่า
"เรื่องที่เราทำเป็นเรื่องยาก เรื่องง่าย ๆ คนอื่นทำไปหมดแล้ว ไม่เหลือมาให้ถึงมือหรอก..."
ยังจำได้ติดหูเลยครับ...
สวัสดีค่ะคุณSila Phu-Chaya
เป็นเรื่องจริงดังที่ท่านว่าเลยค่ะ....หากเราอดทน อดทนอีกนิด ค่อยบอกตัวเองไปเรื่อย ๆ ก็ทำได้จริง ๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
หวัดดีปิง
วันศุกร์นี้จะเข้าไปห้องสมุด
ของปิงถึงไหนแล้ว....เปิดเครื่องไว้บ้างนะ โทรไม่ได้เลย....
เฮ้อ...ถ้าไม่ใช่น้องรัก สงสัยตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว...ปิงเอ้ย...
มาเจอคุณกฤษณ์ด้วย
ถือโอกาสสวัสดีครับ สบายดีนะครับ
อาปิงน้องรักของคุณกฤษณ์กำลังเก็บตัว ซุ่มอ่านหนังสือ ... ให้คนอื่นมั้งครับ
ส่วนโทรศัพท์ ทำใจได้ครับ หากวันไหนปิงรับโทรศัพท์ ผมต้องหาทางไปซื้อล็อตเตอรี่ครับ...
......................
ยินดีด้วยที่โหลได้มีโอกาสทำงานกับท่านอ.หมอประเวศ วะสี ท่านเป็นปูชนียบุคคลที่ควรแก่การเคารพนับถือจริง ๆ ครับ
พี่ไม่เคยได้ทำงานกับท่านนอกจากได้ร่วมประชุมในบางงานประชุมวิชาการ
ตรงนี้น่าสนใจมากครับ ว่าง ๆ จะได้แลกเปลี่ยนกับโหล...
“...หากทำอะไรแล้วเหนื่อยมาก ๆ ลองอดทนทำต่ออีกนิด จะหายเหนื่อย จะทำได้ต่อไปอีก...เหมือนวิ่งจนเหนื่อยมากใกล้จะขาดใจ หากกลั้นใจ อึด อดทนวิ่งไปอีกหน่อย เราจะแปลกใจที่เราวิ่งไปได้ หายเหนื่อยไปเลย เพราะเลยจุดที่ "เหนื่อย"แล้ว ลองดูนะ...”
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณหนานเกียรติ
ท่านอ.หมอประเวศ เป็นคนที่ทำให้คนไม่มีรากตัดสินใจและเห็นคุณค่าของคำว่า "ภูมิปัญญาไทย" ค่ะ...
ในสกศ.มักจะต้องประสานงานติดต่อกับอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับดร. ศาสตราจารย์ ล้วนแต่มีความรู้สูง (ทางการศึกษา) พอมาเจอกลุ่มครูภูมิปัญญาไทย ตัวอย่างเช่น พะตีจอนิ โอ่โดเชา ซึ่งสวมหมวกผ้า ไม่ใส่รองเท้า เสื้อผ้าฝ้าย เข้ามาประชุม คนทั้งสกศ.ก็พากันตื่นตาตื่นใจ...แรก ๆ ด้วยความเบาปัญญาของตัวเอง ก็รู้สึกอาย ๆ ครูที่เราเชิญมาประชุมไม่เหมือนครูของสำนักอื่น ๆ ที่สวมใส่เสื้อผ้าตามสากล บ้างใส่สูท สวมผ้าไหม แต่ครูของเรา มาด้วยชุดปอน ๆ ไม่สวมรองเท้า แถมบางคนมีข้าวของพะรุงพะรัง ... ผลหมากรากไม้...เป็นน้ำใจมาฝากจากบ้านป่า...
อาจารย์หมอประเวศ เปิดประชุมและกล่าวสรุปประชุมในวันนั้นว่า....ครูภูมิปัญญาไทย เป็น "พลัง" ของแผ่นดิน มีจิตใจสูงส่ง ฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตอย่างโชกโชน จนประสบความสำเร็จ แล้วยังมี "ใจสูง" นำสิ่งที่ตัวเองเคยผ่านพ้นด้วยเลือดเนื้อมาบอกกล่าว สอนต่อให้เกิดประโยชน์แก่คนทั่วไป โดยไม่เคยคิดถึงคำว่า "ลิขสิทธิ์" ด้วยซ้ำไป.....
คำพูดของท่านในการประชุมครั้งแรกของคนไม่มีรากในฐานะนักวิชาการที่ทำหน้าที่ประสานงานโครงการคืนภูมิปัญญาไทยสู่ระบบการศึกษา...เปลี่ยนความคิดและการทำงานของคนไม่มีรากนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาค่ะ
ขอบคุณคุณหนานเกียรติที่ทำให้คนไม่มีรากได้ระลึกถึง....ว้นนั้นค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะพี่กฤษณ์
อาปิงของพี่กำลังหัวหมุนกับ Text Neo-humanist ค่ะ อ่านจบแล้ว กำลังสรุปค่ะ
กำลังปรับแก้บทที่ 3 หลังส่งให้อ.ตั๋งอ่านแล้วหนึ่งรอบค่ะ
ช่วงนี้มักจะไม่ได้เปิดโทรศัพท์ค่ะ
เฮ้อ...ดีนะที่ปิงไม่มีหาง ไม่งั้นคงโดนตัดหางปล่อยวัด.....555555...
แล้วพบกันวันศุกร์นี้ค่ะ
(^___^)
สาธุครับ
ผมยังไม่มีบุญได้เจอท่าน
แต่ก็ติดตามงานเขียนของท่านทุกคราวที่มีโอกาสครับ
ท่านเป็นผูใหญ่ ที่ไม่ได้ใหญ่แต่หน้าที่ครับ ใจท่านกว้างใหญ่ด้วยครับ
พี่คนตัดไม้คะ
ดีใจจังค่ะ โหลเป็น Indicator ในการจะซื้อล็อตเตอรี่ของพี่ได้ด้วย...
งั้นต้องอย่ารับโทรศัพท์ของพี่บ่อยเกินไป...เดี๋ยวไม่แม่น...นะคะ
ตอนแรกที่โหลฟังท่านพูดว่าเหนื่อยแล้ว ก็ขอให้ต่อไปอีกนิด แล้วจะหายเหนื่อยนั้น โหลก็คิดค้านในใจค่ะ...
แต่ลองทำดู...จริงค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ คุณคนไม่มีราก
คิดถึงมากๆค่ะ และ
“...หากทำอะไรแล้วเหนื่อยมาก ๆ ลองอดทนทำต่ออีกนิดเดียว เราจะหายเหนื่อย จะทำได้ต่อไปอีก...ลองดูนะ...”
ขอบคุณสำหรับสาระที่มีประโยชน์ค่ะ
อาจารย์หมอประเวศเป็นสติและปัญญาให้สังคมไทยเสมอ การมีโอกาสได้ทำงานใกล้ชิดกับท่านเหมือนได้เรียนรู้จากปราชญ์และผู้ทรงคุณธรรมนะคะ ท่านมีความเมตตาและสุภาพอ่อนน้อมเสมอเข้าใกล้แล้วรู้สึกเย็น
อย่างที่คุณแดงว่าท่านเป็นคนจำชื่อคนแม่น และมีความจำเป็นเลิศแม้อายุขนาดนี้ เนื่องจากท่านเป็นคนเมืองกาญจน์ หลายปีมาแล้วพี่มีโอกาสพบท่านใกล้ก็แนะนำว่าเป็นลูกหลานใครที่เมืองกาญจน์ ท่านพูดออกมาเลยว่าเมื่อก่อนท่านไปที่บ้านคุณตาคุณยายพี่บ่อย และจำชื่อคุณแม่พี่ได้ แถมเล่าว่าคุณแม่เป็นเด็กๆอยู่ใส่เกี๊ยะไม้เล่น เดินดังก๊อกๆ เมื่อเร็วๆนี้ในงานสานจิตรเสวนาฯ พี่เข้าไปสวัสดีท่าน ท่านก็ถามถึงคุณแม่พี่ทันทีและเล่าเรื่องบ้านเมืองกาญจน์ให้คนที่ยืนใกล้ๆฟังด้วย พี่รู้สึกปลาบปลื้มที่ท่านจำเรื่องราวของคนเล็กๆได้และให้ความเป็นกันเองอย่างยิ่ง
ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องราวนี้มาบอกเล่าให้เห็นความน่าเคารพรักของท่านในอีกมุมหนึ่ง
สวัสดีครับ
ท่านนพ.ประเวศ วะสี ถือว่าเป็นครูแห่งแผ่นดินตัวจริงเสียงจริง
เคยอ่านข้อเขียนของท่านในฐานะราษฎรอาวุโส ถือเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่รักและห่วงใยประเทศชาติมากคนหนึ่ง
ขอบคุณคนไม่มีรากที่นำมาเผยแพร่ครับ
ขอมาเติมเต็มให้คนไม่มีรากนะคะ
หมอติดตามอ่านหนังสืออาจารย์หลายเล่มรวมทั้งเรื่องAIC หมอชาวบ้าน และแนวคิดในการดำรงค์ชีวิต
อาจารย์มาประชุมที่บำราศ หมอไปต้อนรับ อาจารย์คุยว่าเดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร ไม่ค่อยโกรธและเกลียดใคร
อาจารย์ติดตามภรรยา ( พญ. จันทพงษ์ วสี ) ไปงานประชุมนำเสนอการจิจัยของสถาบันบำราศ อาจารย์น่ารัก ชมและให้กำลังใจพวกเรา ทางสถาบันเชิญอาจารย์ ปีละครั้ง 2ปี ( เชิญภรรยา อาจารย์ต้องติดตามภรรยามา )
หมอทำงานให้ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว จัดให้ไปเที่ยวโครงการลำตะคลองที่โคราช อาจารย์2ท่านอุตสาห์ซื้อตั๋วไปเที่ยวกับพวกเรา
ความเห็นส่วนตัวต่ออาจารย์เหมือนพระที่บรรลุธรรมแล้วค่ะ
เคารพอาจารย์หมอประเวศและนำแนวคิดของอาจารย์มาใช้บ่อยๆเช่น สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาค่ะ INN ( Individual Node Network )
สวัสดีค่ะคุณครูจิ๋ว
ใช่แล้วค่ะ ท่านสอนให้ อดทน นี่เอง...
ลองทำดูก็ได้ค่ะ คนไม่มีรากลองแล้ว เหนื่อยจนคิดว่าจะทนไม่ได้แล้ว พอทนอีกนิด มันหายเหนื่อยไปเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะพี่นุชคุณนายดอกเตอร์
น้องก็ทราบมาว่าท่านเป็นชาวกาญจนบุรีค่ะ เนื่องจากมีพี่ที่ทำงานท่านหนึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของท่าน
ขอบคุณที่พี่นุชกรุณามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์อีกนะคะ
ท่านน่ารักและน่าเคารพจริง ๆ ค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะอ.บินหลาดง
เห็นด้วยกับที่อ.กล่าวว่า...ท่านนพ.ประเวศ วะสี ถือว่าเป็นครูแห่งแผ่นดินตัวจริงเสียงจริง เคยอ่านข้อเขียนของท่านในฐานะราษฎรอาวุโส ถือเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่รักและห่วงใยประเทศชาติมากคนหนึ่ง
ท่านเป็นนักคิด นักเขียน และนักปฏิวัติสังคมท่านหนึ่งค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
โหลโชคดีที่ได้ทำงานกับท่านนะครับ
ท่านเป็นเสาหลักในเกือบจะทุกด้านของประเทศชาติเลย
ชอบเรื่องราวดี ๆ ครับ
สวัสดีค่ะอ.พ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช
ขอบพระคุณที่กรุณานำเรื่องราวของท่านอ.ประเวศมาแบ่งปันไว้ในบันทึกนี้ค่ะ
สำหรับแนวคิด สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา INN ( Individual Node Network ) เป็นแนวคิดที่ใช้จัดการและขับเคลื่อนสังคม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแนวคิดนี้ในงานพัฒนาองค์ความรู้ในชนบทใช้กันมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)