เส้นทางของประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ


การเรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญเป็นการเปิดประตูใจของผู้เรียนด้วยใจของผู้สอน เป็นการถ่ายทอดคุณค่าและความเคารพในความมนุษย์ โดยอาศัยการเรียนเนื้อหาวิชาเป็นสื่อนำทาง

 

ในประสบการณ์ของความเป็นครูที่ผ่านมาดิฉันมักสร้างแผนการสอนโดยย้อนมองกลับกลับเข้าไปในตัวเองว่า หากดิฉันมีอายุเท่ากันกับผู้เรียน มีประสบการณ์ในชีวิตเท่ากับกันผู้เรียนแล้ว จะเข้าใจในเรื่องที่เรียนได้อย่างไร

 

ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักกับกระบวนทัศน์ของจิตตปัญญา ดิฉันเข้าใจการเรียนรู้ในลักษณะนี้ว่าเป็นการเรียนเชิงลึก ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์สุดท้ายคือการเปลี่ยนคุณภาพคน  และพร้อมกันนั้นก็ได้ใช้กระบวนทัศน์ทางมานุษยวิทยาเข้ามาช่วยเพิ่มพูนมิติของความเป็นมนุษย์ให้กับการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาด้วย

 

การจัดกระบวนการเรียนรู้ในครั้งนั้น ได้นำแนวคิดรู้จักและเข้าใจรสนิยมข้ามยุคสมัย ไปสร้างวิธีการให้ผู้เรียนเข้าถึงวรรณคดีที่ก่อเกิดขึ้นจากวัฒนธรรมต่างยุคสมัย ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนในวิชาภูมิปัญญาภาษาถิ่น ที่โรงเรียนรุ่งอรุณ เกิดความเข้าใจผู้อื่นในแบบที่เขาเป็นและ ไม่เอาคุณค่าของตัวเองไปตัดสินคนอื่น อันเป็นเป้าหมายการเรียนรู้ที่ดิฉันได้ตั้งไว้

 

การไม่เอาคุณค่าของตัวเองไปตัดสินคนอื่นนี้ แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อผู้เรียนได้เรียนรู้ภาษาถิ่นโดยเริ่มต้นจากฐานความเข้าใจทางภาษาศาสตร์ แล้วไปเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรมพื้นบ้านของแต่ละภาค ว่าต่างก็มีคุณค่า และสุนทรียภาพที่แตกต่างกันไป  ไม่มีใครอยู่เหนือใคร สังเกตว่าผู้เรียนเกิดความเคารพในทุกคนได้ เชิดชูทุกถิ่น จากการได้เรียนรู้แต่ละเอกลักษณ์ที่กลายมาเป็นพหุลักษณ์ที่ยังอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และทำให้ไทยคงความเป็นไทที่เกิดจากคุณค่าของการผสมผสานมาจนทุกวันนี้ ดังจะเห็นได้จากงานเขียนและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนในโอกาสต่างๆ

 

จากการติดตามผลพบว่า เมื่อนักเรียนกลุ่มนี้ไปศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษาก็ยังได้นำเอาแนวคิดดังกล่าวไปใช้ทำความเข้าใจกับเรื่องที่ได้เรียน ตลอดจนนำไปใช้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวในชีวิตที่ได้พบพาน และยังได้นำไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย เกิดเป็นความเข้าใจที่กว้างขวางออกไปสู่กลุ่มเพื่อนในวัยเดียวกัน เกิดคำอธิบายที่ชวนให้ผู้ฟังความเคารพในความแตกต่างหลากหลาย กลายเป็นความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้คนที่ต่างไปจากตนได้อย่างดี

 

เมื่อดิฉันได้มาทำงานที่โรงเรียนเพลินพัฒนา จึงได้นำแนวคิดและแนวทางดังกล่าวมาสานต่อ และได้พยายามเชื้อเชิญให้คุณครูผู้สอนสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนที่เอื้อต่อการเรียนเชิงลึกภายใต้บรรยากาศของการเรียนรู้ที่

 

  • ทั้งผู้สอนและผู้เรียนเปิดใจร่วมเรียนรู้  เคารพในความแตกต่าง ให้คุณค่ากับทุกความคิด
  • ทุกคาบเรียนมีช่วงเวลาของการนำวรรคทอง หรือ คำคม ที่สอนเรื่องการมองชีวิต มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือตีความตามทัศนะของแต่ละคน
  • เรียนรู้วรรณคดีที่เป็นสื่อภายนอกเพื่อสะท้อนให้เห็นโลกภายในตน

ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้น ตามอ่านได้จากตอนถัดไปค่ะ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 294277เขียนเมื่อ 4 กันยายน 2009 12:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • ผมว่านี่อาจจะเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาเลยนะครับ
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

เจริญพรคุณวิมลศรี ศุษิลวรณ์

  • ดูน่าสนุกดีเพราะเรียนรู้เรื่องใกล้ตัว ไม่เพียงแต่สอนตัวหนังสือ แต่สอนตัวชีวิตคนด้วย

เจริญพร

สวัสดีครับคุณครู

เคารพความแตกต่าง

เปิดตา เปิดใจ

ใช้สติปัญญา ในการตัดสินอะไรก็ตาม

ขอบคุณครับสำหรับบันทึกดีดี

กราบนมัสการท่านมหา คุณพ่อน้องซอมพอ และคุณ Phornphon

ลองนำไปทำดูนะคะ "สอนคน สอนวิชา ให้เป็นเรื่องเดียวกัน" ทำได้กับทุกหน่วยสังคมเลยค่ะ ทั้งบ้าน วัด โรงเรียน

ได้ผลอย่างไรเขียนมาแลกเปลี่ยนกันอีกนะคะ

ขอบคุณค่ะ :)

ครับมองทุกอย่างเป็นองค์รวมแบบ holistic น่ะครับ

เป็นเคล็ดวิชาหลักการสอนทีเดียวค่ะคุณครู

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท