สวัสดีครับคุณจตุพร
- เห็นแล้วได้นั่งระลึกชาติเลยใช่ไหม เด็กต่างจังหวัดคงมีประสบการณ์คล้ายๆอย่างนี้
- เรียนรู้ในแง่การพัฒนาคน และการพัฒนาทางสังคมด้วยก็จะเห็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับพัฒนาการจัดการทางสังคมเหมือนกัน เช่น เด็กๆในชนบท หรือในเมืองที่ขาดแคลนงบประมาณและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้อย่างบูรณาการนั้น ทางออกทางหนึ่งก็คือพัฒนาการเล่นและปล่อยให้เด็กๆได้เล่นด้วยกัน แล้วเด็กๆก็จะมีความสามารถคิดค้นขึ้นมากันได้เองว่าควรจะเล่นอะไร หาทางเลือกและได้ทางออกจำเพาะท้องถิ่นและบริบทของแหล่งนั้นๆได้
- ขอบคุณคุณจตุพรที่ให้ได้มีส่วนร่วมในทางอ้อมสำหรับการเสวนาและแลกเปลี่ยนกันทางวิชาการนะครับ อนุญาตให้เอาไปเผยแพร่ได้ทุกประการเพื่อการศึกษาและพัฒนาทางวิชาการครับ เป็นความตั้งใจทำอย่างนั้นอยู่แล้ว เลยต้องขอบคุณคุณจตุพรอีกด้วยครับ
- ข้อความบางส่วนมันขาดๆหายๆและสลับที่ไปหลายแห่งเหมือนกัน แต่สาระสำคัญก็ไม่เสียไปจากเดิมเลยไม่ต้องแก้ไขอะไรก็ได้ครับ ผมลิ๊งค์ไปให้ตรงนี้นะครับ หากใครสนใจจะได้ตามเข้าไปอ่าน เรื่อง คน บุคคล ปัจเจก และพลเมือง ครับ
- มองในแง่การสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงที่เน้นเรื่องเดินออกมาจากจิตใจ และเดินออกมาจากการเป็นแรงบันดาลใจให้กันนั้น งานแนวนี้ก็เป็นการปฏิบัติการทางความรู้และงานจัดการความรู้ เพื่อสร้างพลังของปัจเจกที่มีจิตสาธารณะที่ดีอย่างหนึ่งครับ คุณจตุพรมีเรื่องพวกนี้เยอะมากเลย เลยอยากแลกเปลี่ยนกันครับ
- การวิเคราะห์ประสบการณ์ชุมชนและคนชนบทในแง่ที่เป็นศักยภาพ ความรื่นรมย์ และพลังชีวิต ที่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงตนเองและพึ่งตนเองในการพัฒนาได้หลายเรื่อง แล้วมาเน้นวิธีการนำเสนอที่มุ่งสร้างพลังการคิด ให้ทรรศนะเชิงบวกและสร้างสรรค์ และเป็นแรงบันดาลใจเพื่อเห็นโอกาสและทางเลือกที่ดีกว่าเดิมในสิ่งเดิมๆนั้น งานในทำนองนี้จะทำให้เกิดผลดีได้ ๓ เรื่องครับ (๑) ทำให้คนที่มีพื้นฐานจากประสบการณ์ชีวิตในชนบท หรือจากชุมชนที่ไม่ค่อยมีโอกาสในเมือง เห็นด้านที่เป็นทุนทางสังคมที่มีอยู่ในประสบการณ์ชีวิต ในตัวคน และในวิถีชุมชน แล้วสามารถนำเอามาใช้เป็นฐานสร้างโอกาสและทางเลือกการพัฒนา ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขแวดล้อมจำเพาะตนได้ดีกว่าเดิม (๒) ทำให้สิ่งดีๆของสังคมและคนส่วนใหญ่ แต่มีพลังในเชิงอำนาจน้อย มีวิธีการสื่อสาร ถ่ายทอด และขยายเป็นการเรียนรู้ของสังคม ทำให้สังคมมีทางเลือกที่ดีๆเพิ่มขึ้น และชุมชนชนบทก็เข้มแข็ง-มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เป็น WIN-WIN situation (๓) ทำให้ชนบทได้เพื่อนจากคนในเมืองและคนชั้นกลางที่มีพลังทางการศึกษา ความรู้ สื่อข่าวสาร และพลังทางเศรษฐกิจ เสริมพลังเพื่อสร้างโอกาสการพัฒนาด้วยกันที่เพียงพอมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนไม่ไหลขึ้นเป็นกลุ่มที่อยู่บนยอดปิรามิดอย่างเดียว แต่ไหลไปเป็นเครือข่ายการพัฒนาภาคประชาชนและชนบทได้ดีและเหมาะสมมากยิ่งๆขึ้น ทั้งสามเรื่องนี้ น่าจะเสริมให้ภาคเมืองกับชนบทมีความเกื้อหนุนส่งเสริมกัน และเป็นองค์ประกอบการสร้างสังคมไทยเข้มแข็ง-มีความเป็นส่วนรวมที่หลากหลายแต่เสริมพลังกันได้ดี
- แต่นี่ก็เป็นแนวคิดใหญ่ๆที่สะท้อนลงสู่การทำงานเล็กๆ แต่ให้หยั่งรากให้ลึกที่สุดน่ะครับ