เขลางค์สิกขาลัย
คณะครู เขลางค์สิกขาลัย เครือข่ายครอบครัวสุขภาวะในโรงเรียน จังหวัดลำปาง, ตราด

เรื่องเล่า เมื่อฉันเป็นไข้หวัดใหญ่2009


ในช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ เราต้องมีสติ และมีกำลังใจ พยายาม เรียก สติ และความเข้มแข็งให้กลับคืนมา

สวัสดีค่ะ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมเรื่องเล่าจากหนูขวัญ นะคะ

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ต้นฉบับตัวจริงอยู่ที่ Blog หลักของหนูขวัญเองค่ะ

ซึ่งBlogที่กล่าวถึงนี้ มีชื่อว่า missthalassemia

เกี่ยวกับBlog missthalassemia ก็จะเป็นเรื่องราวของตัวขวัญเอง และเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือ นางสาวธาลัสซีเมีย ที่ขวัญเขียน และเรื่องเล่า สัพเพเหระทั่วไป เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นค่ะ

ทุกท่านสามารถไปเยี่ยมชมได้นะคะ

http://missthalassemia.exteen.com ค่ะ

 

ตอนนี้หนูขวัญพึ่งกลับมาจากการโรงพยาบาล2วันค่ะ  Y___Y
ได้ไปนอนโรงพยาบาลให้คุณหมอและพยาบาลสังเกตอาการ2คืน
มีอาการ การไอไม่หยุด และเริ่มมีน้ำมูก นอกจากนี้ยังมีไข้สูงอีกด้วย
ถึงจะไม่เจ็บคอ ปวดหัว ท้องเสีย เพลีย.....แต่ก็เข้าข่าย ไข้หวัด 2009ซะแล้ว
ดังนั้น เมื่อคุณแม่พาไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลศูนย์จังหวัดลำปางปุ๊บ
ก็เข้าเขตบริเวณที่ เค้ากันไว้ตรวจผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นหวัด2009เลยทีเดียว..
ระหว่างนั่งรอตรวจ เจ้าหน้าที่ พยาบาล หมอ ก็ใส่ผ้าปิดปากอนามัยอย่างเคร่งครัด แน่นอนว่า
นางสาวธาลัสซีเมียอย่างขวัญ ก็ใส่ผ้าปิดปากอนามัยทุกครั้ง ไม่ว่าจะออกไปไหน ในแหล่งชุมชน
เข้า7/11 แล้วก็ล้างมือเท่ากับร้องเพลงช้าง จบ1รอบอยู่แล้ว

ตั้งแต่มีโรคไข้หวัดระบาดแบบนี้
ก็ปฏิบัติแล้วก็ไม่อายที่จะใส่หน้ากากด้วย-*-
...แต่ว่านังคนไข้ที่เป็นหวัดฟุดฟิดๆ หน้าตาแดงก่ำที่มาตรวจก่อนหน้าขวัญ

และญาติๆของเค้านี่จิคะ
เค้าไม่ใส่ผ้าปิดปากอนามัยค่ะ แถมไอโขลกๆอีกต่างหาก

ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมเลย
สงสัยไม่เคยอ่านข้อมูลว่า เวลาเราไอเราจามแต่ละทีเนี่ย เชื้อโรคและละอองน้ำลาย

สารคัดหลั่งมันกระจายไปไกลถึง 5 เมตรเชียวนะ
คุณแม่ของขวัญก็เลยจัดการบอกให้เจ้าหน้าที่หาผ้าปิดปากให้คนนั้นใส่ซะ

เจ้าหน้าที่ก็เอาผ้าปิดปากให้ใส่ เค้ายังมองผ้าปิดปากซักครู่แล้วค่อยใส่

ไม่รู้ว่าทำไม ใส่ผ้าปิดปากมันจะตายให้ได้เหรอไง?


ส่วนขวัญ หนีไปนั่งไกลๆ ที่ๆไม่มีคนนั่งเลย

จากนั้น..Point ของธาลัสซีเมีย ที่มีคำสั่งยิงลงมาว่าให้กินยาต้านไวรัสได้เลยโดยไม่ต้องรอตรวจพบ จึงเป็นไกด์ให้นอนโรงพยาบาล

นอกจากนี้ก็เจาะเลือดตรวจ และX-Ray ปอด ตรวจปัสสาวะ
ผลปรากฏว่า ปอด ปรกติ ไม่มีปัญหา

ส่วนเลือดที่เจาะไปไม่พบเชื้อไวรัส ไข้หวัด2009แต่อย่างใด ..

แต่หมอนิ่งนอนใจไม่ได้ค่ะ


ค่ำวันพุธที่26 สิงหาคม 2552

 

 

จึงเป็นวันนอนสังเกตุการณ์ ที่หอผู้ป่วยตึกหนึ่งของโรงพยาบาลศูนย์ลำปาง

ก็มีคนป่วยที่มีอาการน่าสังสัยว่าจะเป็นหวัด2009

นอนรวมกันเหมือนคนไข้รวม
แต่ระยะเตียงห่าง 5 เมตร พัดลมติดผนังหันไปทางผู้ป่วย แต่ไม่หันไปหันมา

เพราะจะเป็นการกระจายเชื้อ มีเด็ก 2-3ขวบ ป่วยเป็นหวัด มีไข้ อาเจียน 2 คน
ผู้ใหญ่ อีกหลายเตียง...

ขวัญเลยได้นอนดูจิตตัวเองและดูความเจ็บป่วยที่เข้ามาสู่เรา และผู้อื่น

ซึ่งให้ได้พิจารณาขันธ์ 5 ที่ไม่เที่ยง ร่างกายอันเป็นแหล่งรวมของโรค 

เตียงตรงข้ามกับขวัญ เป็นเด็กชาย ม.ต้น ก็ป่วยไอโขลกๆและเติมน้ำเกลือ
ลากเสาน้ำเกลือเข้าห้องน้ำบ่อยๆ 

ส่วนเตียงข้างซ้าย ก็เป็นน้องเล็กๆ ผู้ชาย ที่มานอนโรงพยาบาล2วันแล้ว 

น้องเค้ากินยาเาไปนิดหน่อย ก็อาเจียนหมดเลย
แถมไข้สูงอีกด้วย แม่ของน้องเค้าต้องเช็ดตัวและทาแป้งตลอด

พอน้องรู้สึกไม่สบายก็ร้องงอแง

แม่ก็จะต้องลุกขึ้นมา ป้อนนม และอุ้มพาดหลัง น้องเค้าน่าสงสารมารเพราะตาบวม

เพราะร้องไห้ และฉ่ำไข้
จากนั้นคุณพยาบาลก็เอาไม้ก้านยาวที่พันสำลีมาล้วงคอ ของขวัญ

เพื่อเอาเสมหะออกไปตรวจ ต้องอ้าปากกว้างๆ และพยาบาลก็เอาก้านด้านที่มีสำลีพัน มากวาดคอ ตอนโดนล้วงเสมหะออกไป อยากอาเจียนและสำลักมาก


ในที่สุดก้านสำลีส่วนที่ติดเสมหะ 2ไม้ที่ล้วงคอของขวัญไปเมื่อครู่

ก็ถูกตัดเฉพาะ สำลี ยัดลงในหลอดใหญ่ที่คล้ายกับกระบอกเวลาใส่เลือดตรวจ

แต่ใหญ่กว่า แล้วปิดฝาแนบสนิท ...อีก 2 วันผลถึงออก
ขวัญมีไข้สูง38องศา ทั้งคืน และต้องทานยาพาราฯลดไข้ 2เม็ด

นอกจากนี้ยังมียาตัวหนึ่ง นั่นคือ GPO-A-Flu Oseltamivir มันเป็นยาต้านไวรัสหวัด2009นั่นเอง-*-
Capsule สีขาวเหลือง 1เม็ดที่ทานง่ายมากๆ

เอาเข้าคอลึกๆและดื่มน้ำตามเยอะๆ ยาแคปซูลที่ว่านี่

ทานง่ายกว่ายาพาราเซตามอลขององค์การเภสัชกรรมอีกค่ะ เพราะพาราเซตามอลขององค์การฯเม็ดโตมาก ขมมาก ไม่ได้เล็กๆ แบบซ่าร่า หรือไทลินอลที่ขายกัน-*-
ส่วนน้องเล็กๆที่ได้รับยาต้านไวรัสเช่นเดียวกันเตียงข้างๆ เป็นยาน้ำสีเหลืองๆ

ที่คุณพยาบาลใช้ซีลลิ่งดูดให้ได้ปริมาณยาที่กำหนดไว้แล้ว กะ น้ำเปล่าในหลอดซีลลิ่ง
แล้วถ้าน้องเล็กๆ เค้าอ็อก(สำลักยา)ออกมา ก็จะต้องดูดยามาใส่หลอดซิลลิ่งใหม่

ให้ได้ปริมาณยาที่เท่าเดิมเพื่อต่อต้านไวรัสได้อย่างมีคุณภาพ

วิธีทำให้น้องเล็กๆไม่อ็อคยาออกมา

คุณแม่ของน้องต้องค่อยๆป้อนยาทีละนิดแล้วให้ดูดนมขวดไปด้วย

พอน้องลืมก็ป้อนยาใหม่
ส่วนน้องเล็กๆอีกคน ที่เท้าสวมรองเท้านุ่มอยู่1ข้าง

หลังจากคุณพยาบาลและบุรุษพยาบาล 3-4คน

ช่วยกันจับเท้าหาเส้นเติมน้ำเกลือกันใหญ่เพราะเส้นเลือดหายาก
พอเจาะเติมน้ำเกลือเสร็จ ก็เลยเป็นว่าสำลีและแผ่นฟองน้ำกันกระเทือนก็ถูกผ้าก๊อสยาวๆพันๆเป็นรองเท้านุ่มไปเลย -*-
แต่หลังจากน้องเค้าได้เติมน้ำเกลือ ก็หลับปุ๋ยสบายไปทั้งคืน

เว้นเจ้าตัวเล็กจอมอ็อคเตียงซ้ายมือขวัญ ที่ร้องให้งอแงไม่ค่อยยอมหลับยอมนอน

........................


บ่ายของพฤหัสบดีที่27 สิงหาคม 2552

สงสัยยาต้านไวรัสจะได้ผลค่ะ ไม่มีไข้ มีแต่น้ำมูกและไอเล็กน้อย

คุณหมอสั่งย้ายไปห้องเดี่ยว เพื่อให้รอสังเกตอาการ และเพราะเป็นผู้ป่วยธาลัสซีเมียที่ผ่าตัดม้ามแล้ว
จะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย จริงๆก็ไม่ควรจะได้อยู่รวมกะผู้ป่วยอื่นตั้งแต่แรกแล้ว

แต่ก็ช่วยไม่ได้ค่ะ ในภาวะคับขันผู้ป่วยจำนวนมาก ห้องก็เต็ม และการรักษาที่ตามราคานโยบายรัฐบาล
ก็ส่งผลให้ผู้ป่วยแบบขวัญก็ต้องรักษาแอทมิทแบบปรกติๆ แบบนี้

ต้องรอห้องว่างในตึกว่างจึงจะได้ย้ายไปพักแยก

หลังจากการได้ย้ายไปพักห้องแยกโรคเดี่ยวซึ่งเป็นห้องๆหนึ่งที่อยู่ในบริเวณตึกที่เคยนอนอยู่ แต่มีแอร์และเตียง ห้องน้ำในห้อง
มีพัดลมระบายอากาศ อาการไข้ก็ลดลง 

 

 

ในใจตอนนั้นคิดว่า 555 เราเป็นหวัดเก่าแน่ๆ

.

.

.

.

แต่พอเช้าของอีกวัน

วันศุกร์ 28สิงหาคม 2552คุณหมอที่ตรวจก็เดินเข้าบอกขวัญแบบชิลด์ๆว่า
"เป็น2009นะ เอาใบรับรองแพทย์ไปลาโรงเรียน หรือ ลางานไหม

วันนี้ก็กลับไปรักษาตัวที่บ้าน

ทานยาให้ครบ และใส่ หน้ากากตลอด "พอพูดจบเธอก็เดินจากไปพร้อมแฟ้ม
ไอ้เราก็เหวอไป

เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นซอมบี้....เอ๊ย....ติดเชื้อ.อินเทรนด์ซะแล้ว -*-

ทีเรื่องแบบนี้อ่ะไวนัก..

จะว่าไปแล้ว ถ้าถามถึงที่มาที่ไป ของไข้หวัดใหญ่2009 

ก็สืบเนื่องจาก วันที่ 22 -23 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา

ขวัญ และน้องเพชร คณะศูนย์การเรียนรู้พัฒนาเครือข่ายครอบครัวสุขภาวะในสถานศึกษาจังหวัดลำปาง
ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาเพื่อ อบรมการเขียนข่าวและการทำเวบไซ้ด์ ณ อาคาร TOT ถ. งามวงศ์วาน

เมื่อ เสร็จสิ้นภารกิจ กลับลำปางมา ไม่นึกเลยค่ะ ว่าจะได้รับของฝากที่ไม่อยากได้มาด้วย

อย่าง เชื้อโรค h1n1 นี่ 

งี้ดๆง๊าดดๆ...ฮึกๆๆ.....


เอาเถอะค่ะ การรู้ตัวว่าเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมชาติในชีวิต 

ตอนนี้สำหรับตัวของขวัญ ขวัญได้ยอมรับ ความเจ็บป่วย ในช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ เราต้องมีสติ และมีกำลังใจ พยายาม เรียก สติ และความเข้มแข็งให้กลับคืนมา และ สภาพจิตใจได้ปรับสภาพ รู้เท่าทันโรค รู้จักวิธีเยียวยา ดูแลรักษาตัวเอง ไม่ให้แพร่เชื้อโรคให้ผู้อื่น รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการอยู่ดูแลร่างกายที่บ้าน

และพักผ่อนให้เป็นเวลา


ช่วงนี้ หนูขวัญ ขอตัวพักผ่อน รักษาสุขภาพก่อนนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ..

 

 

 

 


 

หมายเลขบันทึก: 293718เขียนเมื่อ 2 กันยายน 2009 19:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 11:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

หนูขวัญคนเก่ง 

                แม่หวาดไม่รู้เลยนะคะว่าไปนอนต่อสู้โรคอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งหลายวัน   ตอนนี้น่าจะดีแล้วใช่ไหมล่ะ  จึงมีแรงมาเขียนเรื่องราวแบ่งปันกันอ่าน  ให้ข้อคิดสำหรับการดูแลตนเองด้วย  

               ขอให้หนูพักผ่อนเยอะ ๆ  หายเร็ว ๆ และระวังน้องเพชรด้วยนะคะ  กลัวจะติดกัน    

                                              รักหนูจ้า

                                              แม่หวาด

 

 

สวัสดีครับน้องขวัญ

ขอให้น้องรักษาสุขภาพแข็งแรงครับ

ตอนนี้หายแล้วนะครับ

เป็นกำลังใจให้น้องทั้งสองคนครับ

สวัสดีลูกขวัญ ครูให้กำลังใจต้องสู้นะ อดีตครูเคยป่วยเอพลาสติก แอนนีเมียรักษา 15 ปี ต้องอดทน พักผ่อน ทำใจให้ร่าเริง

ป็น ปัจจุบันหายแล้วครับ สุขภาพแข็งแรงนะครับ ครูสุเทพ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท