ความเสี่ยงอุบัติใหม่ของสารเคมี


emerging chemical risk, nanoparticle,isocyanates, carcinogens, การกำจัดของเสียอุตสาหกรรม

                สวัสดีครับ ตอนนี้ผมเริ่มว่าง เนื่องจากมีหลายงานประดังเข้ามาจึงว่างเว้นการเขียนไป อย่างไรก็ตาม ผมกลับมาแล้วครับ วันนี้ท่อง web เจอ web site ดีดี ของ EU OSHA  เป็น Fact sheet ตอนแรกนึกว่าคล้ายของ OSHA (USA) ปรากฏว่ามีอะไรดีๆ มากมายครับ เลยขอแปลเรื่องนี้มาให้พวกเราได้อ่านกัน สำหรับในครั้งหน้าถ้าว่างจริงๆ จะมาเล่าให้ฟังถึงการไปเยี่ยม University of Singapore และ Ministry of Manpower ที่สิงคโปร์ และการจัดงานประชุมวิชาการ สัญญาครับ มีของดีๆมากมาย

 

ความเสี่ยงอุบัติใหม่จากสารเคมี (New and emerging chemical risk)

 

อะไรคือความเสี่ยงอุบัติใหม่ (emerging risks)

ความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่อุบัติใหม่คือความเสี่ยงใดๆที่ทั้งใหม่และเพิ่มขึ้น

ใหม่ หมายถึง ความเสี่ยงนั้นไม่เคยมีมาก่อน หรือ เป็นเรื่องที่เป็นประเด็นมานานและค้นพบว่าเป็นความเสี่ยงจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือการตีพิมพ์ในที่ต่างๆ

ความเสี่ยงนี้กำลังเพิ่มขึ้นถ้า: จำนวนสิ่งคุกคามที่นำไปสู่ความเสี่ยงกำลังเพิ่มขึ้น หรือมีแนวโน้มว่าการสัมผัสกำลังเพิ่มขึ้น หรือผลของสิ่งคุกคามต่อสุขภาพคนทำงานกำลังเลวลงเรื่อยๆ

มีการคาดการว่า มีการเสียชีวิตโดยสาเหตุที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงานในสหภาพยุโรปประมาณ 167,000 รายต่อปี ทุกปี และประมาก 159,000 น่าจะเกิดจากโรคที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงาน ซึ่ง 74,000 รายเกิดจากการ

สัมผัสสารอันตรายในที่ทำงาน

 

การชี้บ่งความเสี่ยงอุบัติใหม่

มีการจัดตั้ง risk observatory ให้มีความเสี่ยงอุบัติใหม่ร่วมเข้าไปด้วย มีการทำนายในบริบทเรื่องนี้โดยผู้เชี่ยวชาญ โดยมีการสำรวจโดยใช้เทคนิกเดลฟาย ซึ่งผลที่ได้จะนำไป feedback หลายครั้งจนได้ข้อตกลงร่วม มีการใช้คะแนนซึ่งมี 5 แต้มในการจัดระดับความเสี่ยง มีผู้เชี่ยวชาญ 49 คนจากประเทศในยุโรป 21 ประเทศเข้าร่วมในการสำรวจนี้

 

ความเสี่ยงอุบัติใหม่ทางเคมี

อนุภาค

อนุภาคนาโน  ซึ่งใช้ในวัสดุหลายอย่างแล้ว อนุภาคนาโนจกสารตัวเดียวในขนาดมาโครสามารถมีคุณสมบัติทางนาโนได้หลายอย่าง ยังมีงานวิจัยจำนวนน้อยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอนุภาคเหล่านี้สามารถเข้าไปในตัวมนุษย์ได้ ยังไม่ทราบว่ามันสามารถทำความเสียหายได้ขนาดใหน แต่มีข้อบ่งชี้แล้วว่ามันเป็นพิษ มีผลต่อระบบหัวใจและปอด สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโปรตีน มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิด oxidative stress และโรคมะเร็ง จะต้องมีการค้นหาคุณสมบัติทางเคมีฟิสิกส์ พิษวิทยา และพฤติกรรม ของสารเหล่านี้ และพัฒนาวิธีการตรวจวัดในสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกันกับในตัวมนุษย์ ถึงแม้ในขณะนี้ข้อมูลทางคุณภาพยังไม่มี แต่ก็มีข้อมูลเพียงพอที่จะเริ่มประเมินและนำมาพัฒนาในการปฏิบัติงานพื่อลดการสัมผัสในที่ทำงาน

Diesel exhaust มีการจัดให้เป็นสารที่น่าจะทำให้เกิดมะเร็ง จากการจัดของ IARC  เป็นสารที่พบบ่อยเป็นอันดับสี่ในสถานที่ทำงาน และสามารถทำให้เกิดมะเร็งปอดพอกับการทำลายปอดด้วยวิธีอื่น จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเกี่ยวกับอนุภาคตัวนี้

Man-made mineral fibres (MMMFs) เป็นสารที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การหายใจเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบและเป็นพิษต่อเซลล์ และมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดมะเร็ง โดยไฟเบอร์ที่มีขนาดยาวกว่าและบางกว่า ก็มีอันตรายมากขึ้น เชื่อกันว่าขนาดที่จำเพาะของ MMMFs มีคุณสมบัติทางชีววิทยา แต่จะต้องมีการศึกษาในทางระบาดเพิ่มเติม จะต้องมีวิธีการตรวจวัดขนาดของไฟเบอร์ในอากาศที่เป็นมาตรฐาน ไฟเบอร์บางชนิดมีการแบ่งกลุ่มเช่น aluminium silicate wool/refractory ceramic fibres และ type E special purpose glass fibres เป็น สารก่อมะเร็ง category 2 แต่ยังมีไฟเบอร์อีกหลายชนิดที่ยังไม่มีการจัดกลุ่ม

Allergenic และ Sensitising agents  มีความต้องการสาร epoxy resins ตัวใหม่ๆซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มเติมเช่นในอุตสาหกรรมกาว สี coating และ โครงสร้างส่วนประกอบของโพลีเมอร์ ซึ่งจะนำไปสู่ผลต่อสุขภาพซึ่งยังไม่มีใครรู้  epoxy resins เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบจากการสัมผัสแบบภูมิแพ้ในการทำงาน นอกจากนี้ยังมีรายงานการเพิ่มภูมิไวเกิดที่ผิวหนัง การระคายเคืองตา ทางเดินหายใจ โรคลมพิษจากการสัมผัส มีน้ำมูก และหอบหืด การแพ้ epoxy ที่ผิวหนังเป็นปัญหาในการก่อสร้าง ซึ่งการทำให้สถานที่ทำงานปราศจากสารตัวนี้หรือการใช้เครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคลแทบเป็นไปไม่ได้

Isocyanates เป็นสารที่ใช้มากในอุตสาหกรรมโฟม ไฟเบอร์ elastomers การทำวัสดุบุฉนวนอาคาร สีและวานิช การสัมผัสเกิดขึ้นไม่เพียงแต่ในขั้นตอนการผลิต แต่จะมีการสัมผัสได้เมื่อมีการพ่นสเปรย์สี การเชื่อมหรือโป๊รถยนตร์ สารตัวนี้มีคุณสมบัติสูงที่จะทำให้เกิดอาการหอบหืดและระคายเคืองต่อเยื่อเมือกต่างๆ การสัมผัสผิวหนังโดยตรงจะทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงและทำให้เป็นผิวหนังอักเสบ

การสัมผัสทางผิวหนัง เป็นทางที่สัมผัสสารอันตรายในการทำงานที่สำคัญอันหนึ่ง ความผิดปกติที่ผิวหนังเป็นโรคจากการทำงานที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป และมีสารเคมีเกี่ยวข้องถึงร้อยละ 80-90 อย่างไรก็ตามไม่มีวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนในการประเมินการสัมผัสที่ผิวหนังต่อสารอันตรายต่างๆ และไม่มีค่าจำกัดในการสัมผัสทางผิวหนัง (dermal occupational exposure limits) ดังนั้นการชี้บ่งและควบคุมปัจจัยเสี่ยงสำหรับการสัมผัสที่ผิวหนังจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

สารก่อมะเร็ง สารทำให้กลายพันธ์ และเป็นพิษต่อระบบสืบพันธ์ ( Carcinogens, mutagens and reprotoxic substances (CMRs)

แอสเบสตอส ผลึกซิลิกา ฝุ่นไม้ ตัวทำละลายอินทรีย์ endocrine disruptors  กลุ่ม POP (persistent organic pollutants) กลุ่มaromatic amines, biocides , azo dyes และ การสัมผัสต่อสารก่อมะเร็งหลายตัว เป็นสิ่งคุกคามอุบัติใหม่ มีประชากรในสหภาพยุโรปกว่า 32 ล้านคนมีการสัมผัสกับสารก่อมะเร็งพวกนี้ในระดับที่ไม่ปลอดภัย มีการเสียชีวิตจากมะเร็ง 95,500 รายซึ่งอาจจะเกี่ยวเนื่องจากการทำงาน ซึ่งจะทำให้มะเร็งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เสียชีวิตจากการทำงานในสหภาพยุโรป

ความเสี่ยงทางเคมีในภาคอุตสาหกรรมเฉพาะ

สารอันตรายในการก่อสร้างและในการบำบัดของเสียเป็นความเสี่ยงอุบัติใหม่ที่สำคัญ พบอัตราการเจ็บป่วยในคนทำงานในอุตสาหกรรมกำจัดของเสียมากกว่าภาคอื่นถึงร้อยละ 50 พบว่ามีระดับของฝุ่นและชนิดของ VOCs (Volatile Organic Compounds) มากกว่า 50 ชนิด เครื่องใช้ไฟฟ้า และพาหนะ ซึ่งมีการนำกลับมาใช้ใหม่จะมี ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท และ polychlorinated biphenyls (PCBs) ไม่มีทางที่จะกำจัดความเสี่ยงที่แฝงมาในการกำจัดของเสียได้หมด วิธีที่ดีที่สุดคือการลดการสร้างฝุ่น aerosols และ VOCs มีมาตรการรวบรวมและโรงงานที่ถูกสุขลักษณะจะช่วยลดการสัมผัสของคนทำงาน จะต้องปรับการป้องกันตามชนิดของของเสียและการบำบัด

ความเสี่ยงร่วม

นอกจากสารอันตรายผสมกันหลายตัวแล้ว ยังพบสารเคมีหลายตัวและความเสี่ยงทางจิตสังคม เช่นการควบคุมความเสี่ยงทางเคมีที่แย่ในอุตสาหกรรมขนาดกลางและเล็ก ซึ่งมีถึงร้อยละ 99.8 ของธุรกิจทั้งหมด และมีการเพิ่ม subcontract เช่นการซ่อมบำรุงและการทำความสะอาด ซึ่งคนทำงานใน subcontracts จะเป็นกลุ่มที่ตระหนังถึงความเสี่ยงทางเคมีน้อยและจะเป็นอันตรายจากสารอันตราย การพิจารณาความเสี่ยงแบบแยกกันจะทำให้มีการคาดการณ์ความเสี่ยงต่อคนทำงานต่ำกว่าความเป็นจริง

http: //osha.europa.eu.

หมายเลขบันทึก: 293483เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2009 23:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน 2012 11:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท