กระจก..... ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด..
จิตใจ..... จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก
กระจก..... รับรู้ แต่ไม่ยึดถือ ครอบครอง
ดังนั้น..... จึงไม่มีภาพใดใดหลงเหลือติดอยู่ในกระจก
สายฝนในกระจก หาได้เปียกกระจกไม่
เปลวไฟในกระจก ก็หาได้เผาลนกระจกเช่นกัน
ทั้งนี้เพราะ..... กระจกไม่ได้มีอำนาจแก่สายฝนและเปลวไฟ
ดังนั้น..... จงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก เพราะถ้าหากจิตของท่าน หลงยึดถือ หรือตกเป็นทาสของกิเลสเมื่อใด ความทุกข์ความเศร้าหมองใจย่อมตามมา เมื่อนั้น...ฯ
นี่คือ มรรควิธีแห่งการพิจารณาและรับรู้สรรพสิ่งด้วยใจที่สงบบริสุทธิ์ว่างเปล่า จากการปรุงแต่ง เพื่อปลดปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าหลดพ้นไปจากมายาธรรมต่างๆ ที่คอยฉุดรั้ง หลอกลวงจิตไม่ให้เห็นถึงความจริง ซึ่งจะต้องพยายามทำจิตให้หลุดพ้นจาการยึดติดในสิ่งทั้งปวงเปรียบด้วย กระจก...ฯ
คุณทสสี ภิกขุ
..ขอบพระคุณ..ต่อข้อคิดดีๆ
เจริญพร คุณยายธี
อนุโมทนานะจ๊ะ