“ แม่หมอ ”
เรื่องโดย : โรงพยาบาลโนนคูณ อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ
****************************************************************************************
“ คนไข้ Case นี้ต้องให้เหมียวดูแลนะ ”
สิ้นเสียงพูดของพี่หนุ่ม บุรุษพยาบาลคู่เวรบ่ายกับฉันเงียบลง ฉันก็ต้องหยุดชะงักการอ่านข่าวบันเทิงหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ ด้วยความขี้เกียจ เพื่อมองหาผู้ป่วยคนที่พี่หนุ่มบอก ในใจก็คิดว่า “ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยนะ เฮ่อ!! เบื่อจริง ๆ เบื่อตัวเองจังเลยที่วัน ๆ ต้องเจอแต่คนไข้ ไอ้อาชีพพยาบาลนี่ก็ไม่เห็นจะอยากเป็นซักนิด นี่ถ้าไม่ติดที่โดนพ่อบังคับมานะ ไปนานแล้ว ”
หลังจากที่ฉันมัวแต่นั่งคิดย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเอง ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้า คือ หญิงวัยกลางคน รูปร่างท้วม ผิวดำแดง สวมเสื้อยืดสีแดงที่ดูซีดและเก่าจนแทบจะจำสีเดิมไม่ได้ บริเวณไหล่ซ้ายเสื้อมีสภาพขาดกระรุ่งกระริ่ง ไม่สวมรองเท้า ข้าง ๆ เธอมีเด็กผู้ชายอายุประมาณ 10 ขวบ สวมเสื้อนักเรียนที่เก่าจนซีด กางเกงขาสั้นสีกากี ขาทั้งสองข้างและกางเกงเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน แต่ก็ยังดีนะที่สวมรองเท้าแตะ แต่ที่สะดุดตาฉันมากก็คือมือขวาของเด็กที่กุมมือของผู้หญิงคนนั้นแน่นไม่ยอมปล่อย แม้กระทั้งตอนที่เธอเดินตรงดิ่งมานั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ ฉัน
“ เป็นอะไรมาค่ะ” ฉันถามผู้หญิงคนนั้น
“ เจ็บตาค่ะหมอ ” เธอใช้มือขวาลูบบริเวณรอบดวงตาเบา ๆที่บวมช้ำคล้ำเขียว ราวกับโดนลูกมะกรูดผลใหญ่หล่นจากที่สูงมากระแทกเต็มแรง แถมแก้มขวาก็ยังแดงเป็นรอยนิ้วมือ
“ ตาไปโดนอะไรมาเหรอค่ะ ”
“ ผัวฉันมันซ้อมมาค่ะหมอ ” ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ถูกชายผู้เป็นที่รักทำร้ายร่างกาย ทำให้ฉันนึกย้อนถามตัวเองไม่ได้ว่า ตอนที่เขาทำร้ายร่างกายภรรยาเขาไม่นึกถึงตอนที่รักกันใหม่ ๆ เลยหรือไร
“ ทำไมเขาถึงซ้อมคุณละ ? ” ฉันถามย้อนกลับ เธอนิ่ง.........น้ำตาไหลซึมอาบแก้มที่มีรอยช้ำทั้งสองข้าง
“ มันหึงฉัน มันหาว่าฉันนอกใจแล้วก็ทุบตี ตบหน้าฉันต่อหน้าลูกชาย ไอ้หนูมันเข้าไปห้ามก็ถูกผลักจนกระเด็นแถมยังถูกขู่ว่าจะตีไอ้หนูด้วยถ้ายังมาห้ามมันอีก ฉันสงสารเด็ก...........ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ยังพลอยถูกทำร้ายไปด้วย ” ขณะที่พูดกับฉันสายตาก็ชำเลืองมองไปที่ลูกชายพร้อมกับใช้มือลูบศีรษะของลูก ฉันอดคิดไม่ได้ แน่นะหนา!!!! สัญชาตญาณความเป็นแม่ตัวเองเจ็บจะแย่อยู่แล้วก็มิวายอดห่วงลูกอยู่ดี
“นี่มันก็สามทุ่มแล้ว เรานะทานอาหารมาหรือยัง? ” เด็กไม่ยอมพูดเอาแต่สั่นศีรษะไปมา ฉันก็เลยจัดแจงต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วยกมาให้เด็กได้รับประทาน ตอนแรกเด็กก็ยืนเฉย ไม่ยอมปล่อยมือจากแม่ แต่พอแม่พยักหน้าอนุญาตเด็กก็เดินมาทันทีโดยไม่ต้องรอให้แม่เอ่ยเป็นคำพูดอนุญาต พอฉันเห็นเด็กนั่งรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้อย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับยกมือน้อย ๆ ปาดเหงื่อที่เริ่มไหลซึมตามหน้าผาก ฉันก็อดขำในภาพที่เห็นและสงสารกับส่งที่เด็กตัวเล็กต้องมาพบเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ เลยแถมนมให้อีกหนึ่งกล่อง พอทานเสร็จเด็กก็ยกมือไหว้ฉันพร้อมกับพูดคำว่า “ ขอบคุณครับ ” โดยไม่ต้องรอให้แม่หรือใครบอก แล้วเดินกลับมาจับมือแม่ตามเดิม หลังจากดูแลเรื่องปากท้องของเด็กเสร็จฉันก็รายงานให้แพทย์ทราบ แพทย์ก็ให้ยาและอนุญาตให้กลับบ้านได้ ในขณะที่ฉันกำลังจะจ่ายยาอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีมือน้อย ๆ ของใครบางคนเอื้อมมาจับชายเสื้อของฉันเขย่าเบา ๆ
“ หมอ...หมอ อย่าใหม่แม่หนูกลับบ้านนะเดี๋ยวพ่อตีอีก หนูก็จะโดนพ่อตีด้วย ” สายตาแห่งความหวังจ้องมองที่ฉันไม่ยอมกระพริบ ฉันนิ่ง......................................ถ้าฉันให้แม่ลูกคู่นี้กลับบ้าน แล้วถ้าสามีเขาซ้อมทั้งแม่และลูกอีกละจะเป็นยังไง เขาทั้งคู่ก็ต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นนั่นหมายความว่าบาดแผลและรอบฟกช้ำที่เจอจะมากกว่าเดิม ดีไม่ดีอาจจะสลบไปเลยก็ได้ ฉันจับมือที่ดึงชายเสื้อมาบีบเบา
“ รอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวหมอรายงานหมอใหญ่ก่อนนะ น่าจะได้นอนอยู่หรอกจ๊ะ ไม่ต้องห่วงหรอก ”
…………………………………………………………………………………………………………………….
“ OK. จ๊ะ หมอให้นอนที่โรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวเข้าไปนอนที่ตึกผู้ป่วยในเลยนะ ”
หลังจากที่ดูแลผู้ป่วยรายนี้ให้เข้าไปนอนพักที่ตึกผู้ป่วยในเสร็จ ฉันก็ลุกขึ้นมายืนบิดตัวเพื่อขจัดความเมื่อยขบหลังจากที่ต้องนั่งมานานเกือบชั่วโมง โชคดีนะที่วันนี้คนไข้ในเวรฉันไม่เยอะ แถมช่วงที่ตรวจคนไข้รายนี้ก็ไม่มีคนไข้รายอื่นมาตรวจเพิ่มเลย ช่างเป็นใจให้ซะเหลือเกิน ขณะที่ฉันกำลังเดินเข้าไปที่ห้องพักเจ้าหน้าที่ ฉันก็ได้ยินเสียงคนวิ่ง ฉันก็หันหลังกลับไปเพื่อมองหาที่มาของเสียง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือภาพที่เด็กคนนั้นพนมมือแนบหน้าอก และก้มศีรษะพร้อม ๆเอ่ยคำว่า “ ขอบคุณมากนะครับแม่หมอ ” แล้ววิ่งจากไป
ทิพย์ประมวล จันใด
พยาบาลวิชาชีพ
ขอบคุณค่ะที่ห่วงใย.....
จะว่าไปมันก้เป็นเรื่องจริง
ที่หลายครั้งเรามัวแต่ห่วงคนอื่น
จนลืมแม้กระทั่งตัวเอง
วันนี้ได้มีโอกาสเจอ 2 แม่ลูกนี้อีกครี้ง ครั้งก้ไม่แตกต่างจากครั้งเดิมที่เคยเจอ
คนแม่ถูกสามีทำร้ายร่างกายมาอีก บางทีฉันก็อดสงสัยได้ว่า ทำไม? และอะไร? คือเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ถึงทนอยู่กับสามีที่ทำร้ายตัวเอง พอฉันซักประวัติเพิ่มปรากฎว่า เขาถูกสามีซ้อมหลายครั้งมาก เพื่อนบ้านรู้ ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายก็รู้ เคยไปห้ามปรามคนที่เป็นสามีก็ถูกทำร้ายร่างกายกลับแถมยังด่าสาดเสียเทเสียให้กับคนที่มาห้ามปรามด้วย เรื่องนี้มันคงใหญ่เกินที่ฉันจะรับผิดชอบดูแลคนเดียว ฉันเลยประสานไปที่งาน OSCC ของโรงพยาบาล เพื่อพิจารณาต่อไป หากจำเป้นต้องดำเนินคดีควรทำเช่นไร? ทั้ง ๆ ที่ Case นี้เคยออกไปเยี่ยมบ้าน เคยออกไปขอความร่วมมือกับชาวบ้านให้ช่วยเหลือกันแล้ว โดยส่วนตัวฉันคิดว่า ถ้าไม้อ่อนไม่ได้ผล ทำไมเราไม่ลองไม้แข็งดูบ้าง แต่ฉันก็ไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรได้เพียงคนเดียว ดังนั้นฉันเลยให้หลาย ๆ หน่วยงานช่วยกันหาทางแก้ไข หากมีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวจะมา update ข้อมูลให้ได้ทราบกันนะค่ะ