ดร.สันติ - เดิมทีเมื่อครั้งเป็นนักเรียนมัธยมเขาสนใจในชีววิทยามากกว่า แต่เมื่อสอบได้คะแนนฟิสิกส์สูงสุดในชั้น จึงหันมาสนใจวิทยาศาสตร์กายภาพนี้ และเลือกสอบระบบรับตรงของมหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อเรียนฟิสิกส์ ซึ่งย้อนกลับไปเกือบ 20 ปี สาขาฟิสิกส์ยังเป็นสาขาที่ไม่ได้รับความนิยมนัก เนื่องจากจบแล้วหางานยาก รุ่นเขาจึงมีเพื่อนร่วมชั้นเพียง 7 คน
Oscar - อยากจะบอกว่าสมัยผมเรียนมีเพื่อนร่วมภาควิชาฟิสิกส์ มอ. แค่ 5 คน รุ่นพี่ผม 3 คน บางรุ่นก่อนหน้าผมไม่มีคนเลือกเรียน แต่หลังจากรุ่นผม เริ่มมีคนเรียนเยอะขึ้น เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ค่อยมีรุ่นไหนเกิน 10 คน
ดร.สันติ - "เรียนฟิสิกส์เท่ากับหมดอนาคต ยุคผมคนไม่นิยมเรียนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่นิยมเรียนเคมี จบแล้วเข้าโรงงานด้านปิโตรเคมี ได้เงินสูงกว่ามาก แต่จบฟิสิกส์แล้วไม่ค่อยมีงานรองรับ โรงงานสมัยนั้นยังไม่เปิดรับฟิสิกส์เท่าไหร่ แต่ผมเรียนเพราะชอบ"
Oscar - ตอนสมัยผมเรียนเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ก็สถานการณ์นี้แหละ เดี๋ยวนี้ดีขึ้นแต่ก็ยังไม่มากเท่าไร เมื่อ 20 ปีก่อน ผมจบฟิสิกส์มา แต่ก็ทำงานเป็นวิศวกรในโรงงานอุตสาหกรรมมาตลอด บางทีอยู่ที่ผู้เรียนว่าจะสามารถนำความรู้พื้นฐานของตนมาประยุกต์ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน
ดร.สันติ - ถึงตอนนี้หนุ่มอีสานคนนี้ได้ประจักษ์ต่อตัวเองและพิสูจน์ให้คนอื่นๆ ได้เห็นว่า เรียนฟิสิกส์ไม่ไร้อนาคตอย่างที่เชื่อกันในอดีต และเขาเองยังได้ฝากถึงเยาวชนว่าทุกศาสตร์ดีเท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา แต่ถ้าเลือกเรียนสิ่งใดแล้วให้ทำให้ดีที่สุด รักและตั้งใจทำในศาสตร์นั้นๆ
Oscar - อืม ผมเห็นด้วย ตอนนี้ผมก็กลายเป็นผู้บริหาร และทำหน้าที่เป็นทั้งวิทยากร และที่ปรึกษาด้านการจัดการ เขียนบทความบ้างนิดหน่อย
Oscar - ว่าแต่จะเปรียบเทียบทำไม งง แหม ก็เห็นรุ่นน้องจบฟิสิกส์ ถึงแม้ว่าคนละสถาบัน ประสบความสำเร็จก็ดีใจ ชื่นใจ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่อยากให้รุ่นหลังๆได้รู้ว่า วิชาชีพ (แพทย์ พยาบาล วิศว สถาปัตย์) หางานได้ง่าย แต่สายวิชาการ (วิทยาศาสตร์) ก็สามารถเจริญก้าวหน้าได้เหมือนกัน สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเรานี่แหละ
อ้อ แล้วก็มีรุ่นพี่ฟิสิกส์ (ต่างสถาบัน) อย่างพี่ชิว ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ที่เก่งรอบด้าน ขอแสดงความนับถือ
ข้อมูลจาก ASTV online http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000097547