PMQA คือ น้ำมันเครื่อง หยอดเฟืองการทำงานที่ติดขัด


การขับเคลื่อน PMQA ในองค์กร

       เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เป็นคณะทำงาน PMQA ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่ผมทำงานอยู่  และ คณะที่ผมทำงาน  เป็นเรื่องของ "การให้บริการ"

      นับเป็นโอกาสดีครับ  ที่ผมได้เรียนรู้ PMQA อย่างเป็นรูปธรรมด้วยการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Action  learning)  เนื่องจากเมื่อก่อน ความรู้เรื่อง PMQA ของผม ยังอยู่ในระดับ ความรู้ตวามจำ  ยังขาดความเข้าใจ และ การนำไปใช้

       จากการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง  ทำให้ผมพอมองภาพออกมาบ้างว่า PMQA  จะนำไปใช้ในองค์กรได้อย่างไร

        ผมมองว่า  PMQA  เปรียบเสมือนน้ำมันเครื่อง  หยอดเฟืองการทำงานที่ติดขัด ครับ

       เนื่องจากการทำงานในองค์กร   มีระบบและขั้นตอนในการทำงานทีมีขั้นตอนการทำงาน หลายขั้นตอน   ที่เกี่ยวเนื่อง และ สัมพันธ์กัน   เปรียบเสมือนกับฟันเฟืองในการทำงาน

          ถ้าฟันเฟืองตัวใหน  มีสนิม ติดขัด   งานก็ไม่เดิน  ติดขัดไปทั้งระบบครับ

         ดังนั้น  PMQA  จึงทำหน้าที่เป็น  น้ำมันเครื่อง  หยอดเฟืองที่ติดขัดครับ

 

   เพื่อให้งานเลื่อนไหลไปตามระบบ ด้วยความรวดเร็ว   ถูกใจผู้รับบริการ

   โดยมีคู่มือ  และ  มาตรฐานการทำงาน กำหนดไว้ว่า   แต่ละงาน  มีเส้นทางเดินอย่างไร   และ  แต่ละเส้นทาง  ใช้เวลานานเท่าไร

   กำจัดสนิมประเภท  "หน้างอ รอนาน"  ในสำนักงานให้หมดไปครับ

หมายเลขบันทึก: 291458เขียนเมื่อ 27 สิงหาคม 2009 05:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

เรียน ท่านอาจารย์ small man คืด เชิงบวก สะดวก สร้างสรรค์ ครับ

เรียนท่านรองฯ

 

  • ตามมาเรียนรู้กุ่สร้างสรรค์ขอร้บ
  • ผมคิดเอาเองมานานแล้วว่า การพัฒนาองค์กร การพัฒนางานนั้น เครื่องมืออย่าง PMQA นั้น ได้มุ่งเน้นพัฒนาจิตใจคนทำงานหรือไม่มากน้อยเพียงใด ?
  • ผมคิดเอาเองอีกว่า ถ้าจะพัฒนาองค์กรนั้น ควรพัฒนาจิตใจคนในองค์กรเป็นหลักด้วย เพราะผมเชื่อว่า โดยธรรมชาติแล้วจิตใจของทุกคนบริสุทธิ์ แต่ได้ถูกอำนาจของกิเลสตัณหาเข้าครอบงำมานานแสนนาน จนใจของเราได้กายเป็นกิเลสตัณหาเสียเอง การจะปรับเปลี่ยนและขัดเกลาจิตใจให้สะอาดนั้น คงไม่ใช่ง่าย ๆ นัก จึงมาติดที่คำถามต่อมาว่า จะพัฒนาจิตใจคนในองค์กรอย่างไรได้บ้างขอรับ
  • ขอบพระคุณครับ

Pอาจารย์JJครับ

    เช้านี้ ยังไม่ได้ทานอะไร  กำลังหิวอยู่พอดีครับ

         ขอบคุณมากครับสำหรับคาถา "คิดเชิงบวก สะดวกสร้างสรรค์"

ขึ้นขึ้อว่า"สำนักงาน"ดูเหมือนไม่น่าย่างเหยียบเข้าไปเลย ถ้าไม่จำเป็นไม่อยากไป แต่ที่ เขตของครู ป.1 มีเจ้าหน้าที่น่ารักหลายคน

Pคุณเด็กข้างบ้านครับ   เป็นข้อคิดที่ตรงและมีประโยชน์มากครับ

    -   จะพัฒนาองค์กรนั้น ควรพัฒนาจิตใจคนในองค์กรเป็นหลักด้วย     

   -   โดยธรรมชาติแล้วจิตใจของทุกคนบริสุทธิ์ แต่ได้ถูกอำนาจของกิเลสตัณหาเข้าครอบงำมานานแสนนาน จนใจของเราได้กายเป็นกิเลสตัณหาเสียเอง

  -    การจะปรับเปลี่ยนและขัดเกลาจิตใจให้สะอาดนั้น คงไม่ใช่ง่าย ๆ นัก จึงมาติดที่คำถามต่อมาว่า จะพัฒนาจิตใจคนในองค์กรอย่างไรได้บ้างขอรับ

      สุดยอดมากครับ  เป็นหัวน้ำมันเครื่องเลยนะครับ

      ครับ  บางครั้งเรามักจะพัฒนาแต่ระบบ พัฒนาแต่งาน ขาดการมองไปที่  "การพัฒนาจิตใจ"  ครับ

                 ขอบคุณมากครับสำหรับสาระที่มีคุณค่ามหาศาล

Pครู ป 1 ครับ

    เรื่องสำนักงาน  เอาเป็นว่าผมไม่พูดดีกว่านะครับ

                   No comment   ขอเอาตัวรอดก่อน   555..

                         อย่างไร ก็อย่างนั้น แหละครับ

                         

 

บางอย่างทฤษฎีกับการปฏิบัตินี่คนละเรื่องกันเลยนะขอรับท่านรอง..

Pท่านธรรมฐืตครับ

    ผมสังเกตดู  PMQA   ก็น่าจะคล้ายๆกับที่ท่านว่าไว้ครับ คือ ทฤษฎีกับปฏิบัติ แทบจะคนละเรื่องกันเลยครับ

                   ขอบคุณครับ

Pขอบคุณคุณประกายมากครับ ที่เข้ามาเยี่ยม

ตามเข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้เพิ่มเติมด้วยคนนะคะ ขอบพระคุณคะ

Pขอบคุณคุณโมเมย์ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท