หอมข้าวจากข้างครัว


หอมข้าวจากข้างครัว

เสียงไก่ขันกระชั้นถี่อยู่ข้างกอไผ่หน้าบ้าน  ป้าเอิญพลิกตัวเข้าหาไออุ่นจากผ้าห่ม  เช้าอีกแล้วสินะ เสียงฝนตกพรำๆ เบาๆ   อยากนอนอยู่อย่างนี้อีกสักหน่อย   แต่ด้วยความเคยชินจึงต้องลุกออกมาจากที่นอนอันแสนอุ่น  เจ้าทรายหลานสาวตัวโตที่นอนด้วย  พลิกตัวคว้าผ้าห่มไปพันรอบตัว  กว่าจะตื่นไปโรงเรียนคงเป็นตอนฟ้าสว่างแล้วนั่นแหละ    น้ำในโอ่งเย็นเฉียบตักมาล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำแต่เช้าตรู่อย่างนี้มันทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าเหลือเกิน   ป่านนี้คนไข้ใน วอร์ดคงตื่นมาเหมือนกันแล้ว  ป้าเอิญไพล่ไปนึกถึง เจ้าหัวจุกตัวน้อยที่เพิ่งมานอนในตึกคนไข้ได้สองวัน คุณหมอสั่งอาหารอ่อนให้ทุกมื้อเนื่องจากเจ้าจุกเป็นหอบหืด  แต่เจ้าจุกบอกว่า    ป้า...ป้า...หนูไม่ชอบกินข้าวต้มหมูนะ  ป้าทำข้าวต้มกับไข่เจียวได้มั้ย     ป้าเอิญพยักหน้าให้เจ้าจุกอย่างเอ็นดู  โถ..ตัวเล็กตัวน้อย อุตส่าห์บอกว่าอยากกินโน่นนี่  แม่เจ้าจุกบอกว่าอย่าไปกวนใจป้าเขานะลูก   ป้าทำกับข้าวให้คนหลายคนกิน จะมาตามใจเอ็งคนเดียวได้อย่างไร   ป้าเอิญก็ยิ้มให้เจ้าจุกแล้วบอกว่า  ถ้าหนูกินข้าวได้ แล้วได้กลับบ้านเร็วป้าก็อยากช่วย

 หลังจากทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จแล้วป้าเอิญก็คว้ารถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพคันเก่าออกมา   โชคดีที่ฝนหยุดแล้วทำให้การเดินทางเช้านี้น่าจะไม่หนาวเกินไปนัก  ก่อนออกจากบ้านแวะเก็บถั่วพู สองสามฝักหน้าบ้านไปสักหน่อย  เอาไปใส่ไข่เจียวให้เจ้าจุกกินกับข้าวต้ม  กินแต่ไข่อย่างเดียวไม่มีผักเสียเลยมันจะไม่ครบหมู่โภชนาการ  ป้าเอิญแอบคิดอย่างขำๆ  ก็พี่หัวหน้างานเขาชอบพูดชอบสอนนักว่า ให้กินผักกันมาก    สักหน่อย  จะได้ป้องกันมะเร็ง เสริมสร้างวิตามิน  เอาถั่วพูซอย    ใส่ไข่เจ้าจุกคงพอกินได้บ้างหรอกน่า   ได้ถั่วแล้วก็เอาใส่ตระกร้าหน้ารถ แล้วก็สตาร์ทรถ  แหม..วันนี้เล่นเอาเหนื่อยกว่าจะสตาร์ทติด  ก็รถมันเก่าหลายปีดีดัก  ผ่านการใช้มาหลายมือเหลือเกิน  กว่าจะมาถึงป้าเอิญมันก็ผ่านแผนกโน้น  แผนกนี้  อายุร่วม    กับโรงพยาบาลแล้วกระมัง วันนี้สตาร์ทรถนับรวมไปแล้วสิบสองทีครบโหลพอดี  เครื่องรถจึงครางเบา    ออกมา   บึ่งรถฝ่าความมืดออกมาจากบ้านตามลำพังเหมือนเคย  แวะรับน้องเรียมที่บ้านไม่ไกลกันนัก  เรียมเตรียมดอกแคที่เก็บมาจากข้างบ้านตั้งแต่เมื่อวาน ออกมาด้วย  ป้าเอิญกับเรียมสองคน ตั้งใจจะทำแกงส้มดอกแคใส่กุ้ง ให้คนไข้กิน  จะซื้อแต่ผักตลาดนัดอย่างเดียวมันก็มีแต่สารเคมี ใช้ผักตามบ้านตามสวนสลับบ้างก็ดี   เรียมบอกว่าเก็บผักทีไรก็คิดว่าทำบุญทีนั้น  เอาให้คนไข้กินก็ได้บุญไปโดยไม่ต้องไปตักบาตร 

  สองคนพี่น้องซ้อนรถกันมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล  แสงสว่างเรืองๆอยู่กลางทุ่งนาข้างหน้าเป็นโรงพยาบาลที่คุ้นเคย   ขอบฟ้าไกลๆเริ่มมีแสงเรืองรองรางๆ  พื้นถนนหมาดน้ำฝน อากาศสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก    ป้าเอิญเห็นเงาอะไรวูบๆอยู่ข้างทาง พร้อมๆกับได้ยินเสียงดังโครม  รถที่ขี่อยู่ก็เสียหลักลื่นไถลครูดไปกับพื้นถนน  เสียงหมาร้องเอ๋งดังลั่นก่อนที่จะโกยแน่บออกไปข้างทาง  นั่งงงอยู่กับพื้นถนนอยู่พักหนึ่งจึงรู้ว่าขับรถชนหมา  เจ้าเรียมที่ซ้อนมาด้วย   นั่งเหยียดขาอยู่กับพื้นถนน  ป้าเอิญร้องเรียกเจ้าเรียมว่าเป็นอย่างไรบ้าง เสียงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วก็ลุกขึ้นยืนได้  ป้าเอิญก็ลุกขึ้นยืนได้ มีเจ็บแปล้บๆที่ข้อเท้านิดหน่อย   เสียงเครื่องรถยังครางอยู่เบาๆ  ป้าเอิญดับเครื่องแล้วก็ยกรถขึ้น เจ้าเรียมเข้ามากุลีกุจอช่วยกัน  โชคดีที่ไม่เป็นอะไรกันมาก  หัวเราะ พร้อมกับโมโหหมากันพักหนึ่ง  จากนั้นก็เก็บผักที่กลาดเกลื่อนถนนทั้งถั่วพูและดอกแค สงสัยต้องล้างกันนานก่อนจะทำกับข้าว  ตรวจดูรถท่ามกลางแสงไฟสลัวข้างทางแล้วก็ไม่เห็นว่าเป็นอะไรมาก  ป้าเอิญกับเรียมจึงพากันซ้อนรถไปโรงพยาบาล

ฟ้าสว่างพอดีตอนที่เลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงครัว  สองแม่ครัวต้องรีบไปล้างมือล้างตัวดูแผล ปรากฏว่าไม่เป็นอะไรมากแค่ถลอกนิดหน่อย  แต่จะไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉินก็กลัวไม่ทัน  ล้างสบู่แล้วก็คงพอใช้ได้  ปิดพลาส เตอร์  ที่เก็บเอาไว้กันคนละแผ่นสองแผ่นก็เริ่มทำงานประจำได้  เจ้าเรียมเตรียมทำข้าวต้ม  ป้าเอิญเตรียมปรุงหมู หั่นต้นหอมผักชี  ยังไม่ลืมที่จะเตรียมซอยถั่วพูเอาไว้ให้เจ้าจุก   ข้าวต้มเดือดปุดๆอยู่ในหม้อ  ส่งกลิ่นหอมที่คุ้นชิน กระเทียมที่กำลังเจียวในกระทะก็เหลืองส่งกลิ่นยั่วน้ำลายเหลือเกิน  ป้าเอิญรู้สึกมีความสุขที่ได้กลิ่นแบบนี้ทุกเช้า กลิ่นข้าวเดือด ไอขาวลอยคลุ้งไปทั่วห้องครัว   กลิ่นหอมที่ไม่รู้ว่าจะบรรยายให้ใครฟังได้   มันรู้สึกว่าชีวิตกำลังเริ่มต้นวันที่งดงามอีกครั้งหนึ่ง มีข้าวต้มร้อนเพื่อเป็นพลังให้ชีวิตกับทุกคน

  ความเจ็บปวดจากแผลดูเหมือนจะเหือดหายไปกับไอร้อนจากหม้อข้าว  หมูสับถูกนำลงไปผัดในกระทะเพื่อเป็นเมนูข้าวต้มหมูสำหรับเช้านี้ กลิ่นหอมของหมูกับกระเทียมลอยคลุ้งมาจากระทะ  จากเนื้อสีแดงสดค่อยๆกลายเป็นสีขาว น้ำจากเนื้อหมูที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นมายิ่งทำให้หอมมากยิ่งขึ้น   จากนั้นป้าเอิญบรรจงใส่หมูที่ผัดสุกแล้วลงไปในหม้อข้าวต้ม เสียงฉ่า ฉ่า ของหมูเจียวกระเทียมที่ลงไปปะปนกับข้าวต้มร้อนๆเม็ดเปื่อยนุ่ม ส่งกลิ่นหอมคลุ้ง  กลิ่นแบบนี้ก็สร้างความสุขให้อีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกัน   ป้าเอิญรู้ว่าข้าวต้มทุกหม้อที่ตนเองทำ  จะถูกตักให้คนไข้ที่กำลังอ่อนเพลีย  หมดเรี่ยวแรง ดังนั้นเมื่อเข้าปากได้ข้าวต้มก็แทบจะละลายตั้งแต่สัมผัสกับลิ้นเลยทีเดียว    ข้าวต้มหมูขั้นตอนสุดท้ายถูกโรยด้วยกระเทียมเจียวและต้นหอมผักชีสีเขียวสด  ท่าทางน่ากิน   รายการต่อไปก่อนเข็นรถอาหารขึ้นตึก ก็เป็นไข่เจียวถั่วพูของคนไข้ตัวเล็ก  เจ้าจุกที่ช่างพูดเหลือเกิน  น้ำมันร้อนควันฉุย ไข่สีเหลืองจัดที่ตีคลุกกับถั่วพูก็ลงสู่กระทะ  ไข่ฟูขึ้นทันตาเห็น กลิ่นไข่เจียวแบบนี้  ใครได้กลิ่นก็คิดถึงข้าวร้อนๆกันทุกคน  สีเหลืองทองของไข่ที่สุกที่พลิกกลับขึ้นมา   ป้าเอิญก็รู้สึกเพลิดเพลิน  ภูมิอกภูมิใจหนักหนา   จากนั้นก็รอให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน   ป้าเอิญตั้งใจเจียวไข่ให้เจ้าจุกโดยเฉพาะ  จัดใส่ถ้วยอาหารใส่รถที่เจ้าเรียมจัดเตรียมไว้เรียบร้อย     จากนั้นก็เข็นรถขึ้นไปที่ตึกอย่างว่องไว   เจ้าเรียมก็ขมีขมันช่วยกันเข็นรถ  เดี๋ยวไปถึงตึกไข่เจียวจะหายร้อนเสียก่อน    เจ้าจุกตัวเล็ก เพิ่งพ่นยาเสร็จ  ป้าเอิญถือถาดข้าวต้มขาวๆไปให้ก่อนใครเพื่อน มีไข่เจียวสีเหลืองร้อนๆหอมกรุ่นไปเสิร์ฟเจ้าจุกถึงเตียง   พร้อมกับบอกว่า

ไข่เจียวของโปรดของใครเอ่ย

เจ้าจุกหันมามองพร้อมกับยิ้มให้  ตากลมโตของเด็กน้อยมองมาที่ถาดอาหารอย่างไม่กระพริบ  พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง  แหงนหน้าบอกแม่จ๋อยๆ

 แม่...แม่...ป้าเอิญเขาเจียวไข่มาให้หนูด้วย  หนูจะกินไข่เจียว

 แม่เจ้าจุกรีบละล่ำละลักขอบอกขอบใจเสียยกใหญ่  พร้อมกับให้เจ้าจุกไหว้ขอบคุญป้าเอิญ จากนั้นก็กุลีกุจอหยิบช้อนมาตักข้าวต้มและไข่เจียวที่กำลังร้อนๆ บรรจงป้อนลูก  เจ้าจุกอ้าปากกว้างรับข้าวต้มและไข่เจียวอย่างเต็มอกเต็มใจ  ฉับพลันที่ข้าวต้มเข้าปากและเริ่มเคี้ยว  เจ้าจุกก็รีบคายข้าวออกมาทันที   แล้วบอกว่าไม่เอา...ไม่เอา...หนูไม่กินแล้ว   ป้าใส่ผักมาด้วย   แล้วเจ้าจุกก็ผลักถาดข้าวออกมาห่างตัว   ป้าเอิญใจหายวูบ  รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ทั้งอับอายและทั้งเสียใจขึ้นมาทันที    อุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้โดยเฉพาะ ขอบตาของป้าเอิญมันรู้สึกรื้นๆ แต่ก็ยังไม่วายบอกกล่าวต่อด้วยความหวังดี

  โถลูกเอ๋ย  ป้าตั้งใจทำให้มันกรอบกินง่ายแล้วนา   ป้าเอิญลูบหัวเจ้าจุกอย่างปราณี 

  หนูไม่กินอีกสักคำล่ะจ๊ะ  มันเป็นถั่วพูชนิดพิเศษ มีวิตามินเยอะเชียวนะ กินแล้วจะ หายหอบ หายเหนื่อยแข็งแรงกลับบ้านได้เร็วนะลูก  ถ้าหนูกินไข่อย่างเดียว  มันไม่หายหอบง่ายหรอกนะจ๊ะ

  เจ้าจุกเอียงคอมองที่ไข่เจียวแบบหวาดๆ   ป้าเอิญ รีบชี้ไปที่ไข่ให้เจ้าจุกดู

  ผักมันกรอบนะลูก  หนูลองกินอีกสักนิดเถอะ  ป้ารับรองว่าไม่ขมเด็ดขาด 

แม่เจ้าจุกก็ช่วยพูดคะยั้นคะยอ   เจ้าจุกเลยจำใจอ้าปากรับข้าวกับไข่อีกคำนึง   ป้าเอิญรีบถามทันทีว่า

มันกรอบมั้ย เจ้าจุกก็พยักหน้า  แล้วมันขมหรือเปล่า  เจ้าจุกก็ส่ายหน้า    

 นั่นงัย  ป้าบอกแล้ว  ป้าตั้งใจทำมาให้หนูเป็นพิเศษ  มันเป็นไข่เจียวแสนอร่อยสำหรับหนูคนเดียวเท่านั้น  

เจ้าจุกยิ้มให้ป้าเอิญอีกครั้ง แล้วก็อ้าปากรับข้าวคำต่อมา  ป้าเอิญเดินจากมา พร้อมกับหัวใจที่พองโต  ความสุขของเราก็มีเพียงเท่านี้  คนไข้ชอบอาหารที่เราทำ  คนไข้กินได้ แข็งแรง กลับบ้านได้เร็ว  มันเป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของป้าเอิญคนทำอาหารที่จบแค่ป.4 คนนี้

  ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าหายไปแล้วเหมือนปลิดทิ้ง  ป้าเอิญเดินไปเสิร์ฟอาหารให้กับคนไข้เตียงอื่นๆ  เสียงแว่วๆมาว่าเอาใจแต่เด็กๆ  แล้วคนแก่อย่างฉันไม่เห็นเอาใจบ้างเลย  ป้าเอิญหันไปมองก็เจอป้าสิน  คนไข้ขาประจำของโรงพยาบาล  อ้าว...พี่สิน คราวนี้ไม่สบายเป็นอะไร    ป้าสินบอกว่าคราวนี้เหนื่อยหอบมา   ป้าเอิญจึงเข้าไปจับแขนแล้วกระซิบถาม  อยากกินอะไรบ้างล่ะ  ป้าสินยิ้มให้แล้วก็บอกว่าพูดเล่น   ป้าเอิญก็รู้ว่าป้าสินไม่ได้พูดเล่นหรอก   ของโปรดป้าสินคือแกงส้ม  จะเป็นแกงส้มอะไรก็ชอบทั้งนั้น ป้าแกบอกว่าหลานที่บ้านมันทำแกงไม่ถูกใจเหมือนยายเอิญ   วันนี้มีแกงส้มมื้อกลางวันพอดี   แต่ของป้าสินต้องพิเศษคือไม่เผ็ดมาก และก็ผักต้องหันชิ้นเล็กๆ  พี่พยาบาลจากงานเยี่ยมบ้านเคยเล่าให้ฟังว่า  ที่บ้านป้าสินแกไม่ค่อยได้ทำกับข้าวอะไร  ไปเยี่ยมบ้านก็เจอไข่ต้มกับน้ำปลา   หาผักหาหญ้าไม่ได้  ป้าสินแกเดินไม่สะดวก หลานก็ก็ทำกับข้าวไม่ถูกใจ  มาโรงพยาบาล  ครั้งใดก็ได้อาศัยยายเอิญกับเจ้าเรียมช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดี ก่อนกลับก็เห็นว่าแข็งแรงดีทุกครั้ง 

ป้าเอิญกับเรียมมักจะช่วยกันเตรียมอาหารให้คนไข้ที่มีความต้องการพิเศษๆแบบนี้บ่อยๆ   มันเป็นน้ำใจที่มนุษย์พึงให้แก่กันถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก  ป้าเอิญก็ชอบที่คนไข้กินได้  รู้สึกมีความสุขถ้าคนไข้มีความสุขกับอาหารที่ป้าเอิญทำ  แม้ใครจะมองว่าเป็นเพียงหน้าที่เล็กๆ  แต่ป้าเอิญรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ทุกครั้งเมื่อยืนอยู่หน้าเตาไฟ เสมอทั้งที่ผ่านมาและในวันข้างหน้า   ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ป้าเอิญรู้สึกว่ามันคือบุญ ได้ทำบุญทุกวันก็จะส่งผลให้มีความสุข ความภาคภูมิใจ  ทั้งตัวของป้าเอิญและครอบครัวเสมอมา เป็นเวลารวมยี่สิบปีเข้าไปแล้ว

ตะวันคล้อยต่ำ  เมฆฝนตั้งเค้ามาไกลๆ ป้าเอิญเข็นรถอาหารช้าๆกลับมาจากตึกคนไข้  เย็นๆอย่างนี้อากาศดีไม่ร้อน ผู้คนก็กลับบ้านกันไปเกือบหมด  ความปลอดโปร่งแบบนี้มันทำให้จิตใจสงบเย็นเหลือเกิน  พรุ่งนี้กำลังมาถึง  คนไข้คนใหม่กำลังมา และคนไข้คนเก่าก็กำลังจะกลับไป แต่ป้าเอิญก็ยังคงทำหน้าที่อยู่ตรงนี้ทุกวัน อย่างมีความสุขโดยไม่รู้สึกเบื่อแม้แต่น้อย

 

 

หมายเลขบันทึก: 290863เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2009 13:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ...พี่สาวบ้านลาดแสนสวย

ชาบ้านนี้ อร่อยจริงๆค่ะ

มาให้กำลังใจ...พี่น้องชาทุกคน

คิดถึงพี่สาวคนสวยนะคะ

สวัสดีค่ะ

-แวะมาอ่านเรื่องราวดี ๆค่ะ

คิดถึง sha บ้านลาดจังเลยค่ะ

อยากให้กลับมาอีกนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท