ทำบุญแน่ๆ


ทำบุญแน่ๆ

คืนหนึ่งเวลาประมาณ ตี 2 กว่า ๆ คงเป็นเวลาที่คนอื่นคงนอนหลับสบายอยู่ที่บ้าน แต่พยาบาลห้องฉุกเฉิน 2 คนกำลังนั่งอยู่ในห้องบัตร โดยไม่ทราบคืนนี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ฉันอยู่เวรดึกกับน้องพยาบาลอีก 1 คนขณะนั่งอยู่ในห้องบัตร เสียงรถยนต์วิ่งขึ้นมาจอดที่หน้าห้องฉุกเฉิน รู้ทันทีว่ามีผู้รับบริการมา จึงเรียกน้องคนงานให้เปิดประตูออกไปรับผู้ป่วย ฉันและน้องพยาบาลอีกคนเดินตามไปน้องคนงานนำเปลนอนลงไปรับ ญาติผู้ป่วยเปิดประตูรถยนต์ลงมาและบอกว่าผู้ป่วยหายใจไม่ลง แน่นหน้าอก ผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งนอนมาที่หลังกระบะรถ พร้อมมีเด็กน้อยสองคนนั่งมาด้วย เด็กน้อยสองคนแสดงอาการเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้มาก ฉันคิดในใจสงสัยจะแม่ของเด็กแน่ๆเลย ขณะนำผู้ป่วยลงจากรถ ฉันลองถามญาติว่าผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่หรือเปล่า (ป้องกันไว้ก่อน) ญาติบอกเป็นโรคหอบหืดอยู่ แน่นหน้าอกหายใจไม่ลง น้องคนงานเอาผู้ป่วยลงจากรถแล้ว รีบนำผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉินทันที เด็กน้อย 2 คน กระโดดลงจากท้ายรถ เดินตามมาติดๆ กำลังจะเดินตามเข้าห้องไปด้วย ฉันปิดประตูห้องทันทีและบอกว่า ให้รออยู่ข้างนอกก่อน  ( ทำเหมือนในหนังเลย ที่เวลาผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉินแล้วพยาบาลจะบอกให้ญาติรออยู่ข้างนอก) เด็กน้อยตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ ถามฉันว่าแม่หนูจะเป็นอะไรมั้ยหมอ ฉันเห็นเด็กน้อยสองคนเป็นห่วงแม่มากมันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์จริงๆ เด็กถามออกมาจากใจที่เป็นห่วงแม่ คิดถึงตอนที่ฉันเป็นเด็ก ตอนนั้น แม่ไม่สบาย แม่อาเจียนอย่างมาก ฉันเห็นแม่อาเจียนมาก ทำให้ใจคอไม่ดี กลัวว่าแม่จะเป็นอะไร ความรู้สึกของเด็กน้อยคงเหมือนกับฉันในตอนนั้น หลังจากบอกเด็กน้อย ฉันกับน้องพยาบาล ช่วยกันซักถามประประวัติ ตรวจร่างกาย คิดว่าไม่น่าจะใช่โรคหัวใจขาดเลือด โล่งอก ฟังปอดก็ปกติ แต่ในท้องดูเหมือนมีลมอยู่มาก ปัญหาอยู่ตรงนี้นี่เอง ซักประวัติเพิ่มเติมได้ว่าผู้ป่วยรับประทานสะตอมาเยอะ จากอาหารมื้อเย็น จึงทำให้ท้องอืดแน่นท้องเมื่อผู้ป่วยเข้ามาในห้อง ผู้ป่วยอาเจียนอย่างมาก ไม่ทันที่ฉันจะส่งถุงแดงให้ เสื้อผ้าของผู้ป่วยเลอะเศษอาหาร และมีกลิ่นเหม็น ทำให้ผู้ป่วยไม่สุขสบาย และเตียงที่นอนอยู่ก็เปรอะเปรื้อนไปด้วยเศษอาหารจากที่ผู้ป่วยอาเจียน สิ่งเหล่านั้น มันทำให้ฉันและน้องพยาบาลพลอยจะอาเจียนตามไปด้วย  ผู้ป่วยอ่อนเพลียจากการอาเจียนจนทำให้ลุกไม่ขึ้น ด้วยวิญญาณของความเป็นพยาบาลไม่สามารถทนเห็นผู้ป่วยอยู่ในสภาพนี้ได้  ฉันและน้องพยาบาลจึงสวมเสื้อพลาสติก  ถุงมือ และ mask จากนั้น นำกะละลังใส่น้ำสองใบ   ผ้าเช็ดตัว จัดการเช็ดตัวให้ผู้ป่วย เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ และจากนั้นช่วยกันย้ายเตียงใหม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบายขึ้น  ผู้ป่วยนอนหลับตาด้วยความอ่อนเพลียจากนั้น รายงานแพทย์ แพทย์ให้ฉีดยา นอนสังเกตอาการต่อสักประมาณ 30 นาที จึงแจ้งให้ผู้ป่วยทราบหลังฉีดยาเสร็จแล้ว แต่ผู้ป่วยมีสีหน้ากังวลใจ ชะเง้อมองออกไปที่ประตู ที่ปิดอยู่  จึงถามผู้ป่วยว่า มีอะไรหรือเปล่าคะ ผู้ป่วยบอกว่าอยากเจอลูก ฉันคิดถึงเด็กน้อยสองคนที่อยู่ด้านนอก ผู้ป่วยคงหมายถึงเด็กสองคนนี้แน่ๆ ฉันรู้สึกเห็นใจผู้ป่วยที่อยากพบลูก นั่นคงเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของผู้ป่วย อาจจะทำให้ผู้ป่วยหายเร็วขึ้น เพราะคนเรามีชีวิต จิตใจ และจิตวิญญาณ เป็นจริงดังที่เราเรียนมา เราควรให้การพยาบาลทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ จิตวิญญาณนี่แหละหนาที่มีผลต่อร่างกายไม่รอช้า ฉันรีบเปิดประตู และบอกให้เด็กน้อยสองคนเดินเข้าไปหาแม่ เด็กน้อยสองคน แสดงอาการดีใจที่จะได้พบแม่  ฉันเข้าใจความรู้สึกของเด็ก 2 คนนั้นดี จึงบอกให้เด็กเข้าไปหาแม่ ทันทีที่เด็กเข้าไปหาแม่ ก็ถามทันทีว่าแม่เป็นอย่างไรบ้างด้วยความเป็นห่วง แม่บอกไม่เป็นไร  เด็กน้อยสอง คนยืนเกาะข้างเตียงของแม่ เด็กหญิงผู้พี่อายุประมาณ 6 ขวบ พูดว่าแม่จ๋า แม่อย่าเป็นอะไรนะ ส่วนเด็กหญิงผู้น้องอายุประมาณ 4 ขวบเอามือแม่มาจับแน่นแววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วง แม่มองมาที่เด็กน้อยสองคนเอามือมาจับที่หัวของเด็กน้อยสองคนและบอกว่าแม่ไม่เป็นไรหรอกลูก หมอฉีดยาให้แม่แล้ว เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น ปล่อยให้ สามคนแม่ลูกคุยกัน จนเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาทีฉันเข้าไปถามอาการผู้ป่วยว่าดีขึ้นหรือไม่ ผู้ป่วยบอกว่า ดีขึ้นเล็กน้อย ฉันจึงรายงานให้แพทย์ทราบ แพทย์จึงให้นอนโรงพยาบาล admit เพื่อสังเกตอาการก่อน จึงแจ้งให้ญาติที่อยู่ด้านนอกทราบและบอกเด็กน้อยว่าแม่ของหนูต้องนอนโรงพยาบาลก่อนนะ ฉันและน้องพยาบาลช่วยกันทำ threatment และลงทะเบียน admit เสร็จแล้วจึงบอกให้น้องคนงานนำผู้ป่วยไปที่ตึกผู้ป่วยใน

ประมาณ 3 วันต่อมาฉันอยู่เวรเช้า วันนั้นเป็นวันเข้าพรรษา เป็นวันที่คนส่วนใหญ่ไปทำบุญกันที่วัด ขณะที่ทำแผลให้ป้าคนหนึ่ง ป้าถามว่าพยาบาลไม่ได้ไปทำบุญหรือ ฉันตอบป้าว่า ไม่ได้ไปหรอกป้า ต้องอยู่เวร ตอบไปด้วยความน้อยใจ ป้าตอบกลับมาว่า ถึงจะไม่ได้ไปทำบุญ แต่ที่ทำแผลให้ป้าก็ได้บุญแล้ว หลังจากทำแผลให้ป้าเสร็จ ป้าก็ยกมือไว้ใหญ่เลย ฉันได้ยินคำพูดจากผู้ป่วยทำให้มีกำลังใจขึ้น  ฉันเดินไปล้างมือที่อ้างล้างมือ มองผ่านหน้าต่างไปเห็นผู้หญิงกับเด็กน้อยอีกสองคน ฉันจำได้ว่าคือผู้หญิงคนนั้นที่ admit ไปเพราะแน่นหน้าอก สงสัยคงจะกลับบ้านได้แล้ว จึงเดินอยู่กับลูก ทั้งสามคนเห็นฉัน ผู้เป็นแม่พูดขึ้นว่าขอบคุณมากค่ะคุณพยาบาล เขาพูดด้วยความจริงใจจริงๆ ดิฉันกลับบ้านได้แล้วค่ะฉันยิ้มให้และพูดว่าดีใจด้วยนะที่หายแล้ว เมื่อสามคนเดินจากไป ฉันคิดในใจว่าถึงแม้ไม่ได้ไปทำบุญวันนี้ แต่เราก็ได้ทำบุญทุกวันเพราะเราได้ช่วยเหลือคนอื่น ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำงานต่อไป

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ทำบุญแน่ๆ
หมายเลขบันทึก: 290858เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2009 13:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 10:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท