ใบส่งตัวผู้ป่วยจากโรงพยาบาลประจำจังหวัดถูกคลี่ออกอ่าน ผู้ชายวัยสามสิบเศษ ๆ ตกจากที่สูงกระดูกสันหลังหัก กระดูกเอวหัก เดินไม่ได้ ไม่สมัครใจรักษาตัวต่อ ขอกลับมารักษาแผนโบราณที่บ้าน ฉันอ่านข้อมูลแล้วก็นึกกังวล ป่านนี้คนไข้จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ เบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ก็ติดต่อไม่ได้ ตามประสาเบอร์มือถือทั่วๆไป แต่อย่างไรเสียก็คงไม่ยากหนทางอยู่ที่ปากนี่นา
บ้านของชาญชัยอยู่ในสวนลึกจากถนนพอสมควร มีทางแยกหลายซอย ต้นไม้ใหญ่โตร่มครึ้ม แต่กว่าจะหาเจอเล่นเอางงไปหลายหน ชาวบ้านปากทางบอกให้ขี่ตรงเข้าไปเถอะหมอ เดี๋ยวก็เห็น บ้านอยู่ข้างซ้าย ฉันเจอแต่สวนมะม่วง ส่วนไอ้บ้านข้างซ้ายนั่นก็ไม่มี มีแต่บ้านข้างขวา บ่ายๆอย่างนี้ไม่มีผู้คนออกมาเดินตามถนนบ้างเลย แวะเข้าไปหาชาวบ้านที่อยู่ข้างทางก็เงียบเชียบ ไม่รู้จะถามใครสุดท้ายก็ขี่เข้าไปในซอยเล็กๆ มีบ้านอยู่สามสี่หลัง เจอเด็กวัยรุ่นใจดีช่วยขี่มอเตอร์ไซค์นำทางไปส่งอีกซอยหนึ่ง ขอบอกขอบใจน้องหนุ่มก่อนจะเข้าไปในบ้านของคนไข้
“ มีใครอยู่มั้ยคะ หมอมาเยี่ยมบ้านคนไข้ค่ะ ”
สิ้นเสียงตะโกนถามก็มีผู้หญิง ตัวเล็กๆอายุราวๆสามสิบกว่าๆเดินออกมาดู ฉันเห็นแวบแรกก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความทุกข์ที่ มันแสดงออกมาจากดวงตาอ่อนระโหย สีหน้าซีดเซียวและท่าเดินช้าๆ
“อ้าว...หมอมาจากไหนเนี่ย คนไข้อยู่ข้างในแน่ะจ้ะ ”
ฉันก้าวเข้าไปในบ้านปูนชั้นเดียว ลักษณะค่อนข้างใหม่หลังนั้น มีผู้ชายนอนอยู่กลางบ้าน คงเป็นชาญชัยคนไข้ที่ตกที่สูงคนนั้นเอง เขานอนอยู่บนที่นอนเก่าๆ มีผ้าขาวม้าพันตรงส่วนกลางของร่างกายเอาไว้ ไม่ได้ใส่เสื้อ ขาสองข้างบวมเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่เขายกก็มือไหว้ฉันก่อนที่ฉันจะไหว้เขาเสียอีก รอบตัวมีพัดลมกำลังหมุนเสียงดัง กอกแกรก กระโถนใส่ขยะใบน้อยๆวางไว้ข้างมือ แววตาของเขามันช่างดูไร้แววแห่งความสุขเหมือนของเมียร่างเล็กของเขาเสียจริงๆ แผลที่ก้นซึ่งเกิดจากการตกมาจากนั่งร้านก่อสร้างตึกสี่ชั้น นั้นกว้างเกินกว่าที่คาดคิด มันกินลามไปจนเกือบหมดทั้งสะโพก ที่สำคัญคือมันลึกกินถึงกระดูกก้นกบ ฉันใจหายวูบ แผลขนาดนี้ อยู่บ้านไม่ไหวแล้วมั้ง กลิ่นอับของแผล กับเนื้อตายสีเหลืองก้นแผลทำให้ฉันเป็นกังวลใจ เครื่องมือทำแผลก็มีน้อย เมียของชาญชัยก็บอกว่าบางครั้งก็ไม่พอตอนนี้ต้องไปเบิกที่อนามัยบ่อยๆ เกรงใจหมออนามัยเหลือเกิน จนบางครั้งไม่กล้าไปเบิก ต้องไปซื้อร้านขายยา ครั้งละสามสี่ร้อยบาท ตอนนี้ก็ไม่มีหัวหน้าครอบครัว รายได้ก็ลดน้อยลง เพียงรายได้จากการขายของในสวนก็แทบไม่พอ แต่จะให้ไปนอนทำแผลที่โรงพยาบาลก็ไม่สะดวกใจ ทั้งสองคนผัวเมียบอกว่าเบื่อโรงพยาบาลเหลือเกินแล้วเนื่องจากอยู่มานานเกือบเดือน ขออยู่ที่บ้านกันแบบนี้ดีกว่า ไม่ว่าฉันจะยกแม่น้ำทั้งห้ามาอ้าง ขอเอารถมารับทุกวัน หรือตามแต่คนไข้จะสะดวก สองผัวเมียก็ยืนกรานจะอยู่กับบ้านเหมือนเดิม ในที่สุดฉันทำได้ก็เพียงช่วยทำแผลให้ ส่วนสายสวนปัสสาวะนั้น หมออนามัยเพิ่งมาเปลี่ยนให้ไม่นาน เมียของชาญชัยบอกว่าลูกสาวเป็นคนทำแผลให้ พยาบาลจากโรงพยาบาลจังหวัดสอนวิธีการทำแผลมาแล้ว ฉันจึงได้แต่พยักหน้าแล้วบอกว่าทางโรงพยาบาลจะจัดอุปกรณ์ทำแผล ผ้าก๊อซสำลีมาให้ใช้อย่างเพียงพอ ไม่ต้องกังวล แล้วจะมาเยี่ยมบ่อยๆ ฉันเดินกลับออกมาอย่างอ่อนระโหย พลิกตัวทำแผลคนไข้ตัวใหญ่ๆอย่างนี้ก็เล่นเอาเหงื่อออกชุ่มหลังไปเหมือนกัน วันนี้ไม่ต้องใช้แบบประเมินทางสุขภาพจิตใดๆก็สามารถรับรู้ได้ว่าความเศร้ากำลังกัดกินในใจของคนทั้งบ้าน ลำพังแค่การให้กำลังใจเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ เสียงคร่ำครวญของชาญชัยที่บอกว่าผู้รับเหมาไม่เคยมาดูเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่อง ไม่เคยได้เงินช่วยเหลือจากที่ไหนสักบาท มันทำให้รู้สึกว่าทำไมคนเราถึงแล้งน้ำใจกันขนาดนี้ ที่สำคัญชาญชัยยังรู้สึกโกรธแพทย์ที่รักษาอีกด้วย เนื่องจากแพทย์บอกว่ารักษาไม่หาย ฉันก็เข้าใจนะว่าเขายังคงรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่รุนแรงแบบนี้ เขายังคงมีความหวัง ยังอยากจะกลับไปยืน เดิน ได้เหมือนเดิมเพื่อจะกลับไปบอกกับแพทย์ผู้นั้นว่า เขาพูดผิด เขาดูถูกคนอย่างชาญชัยไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่กล้าแม้ที่จะเอ่ยกับชาญชัยว่า โอกาสของเขามีน้อยเหลือเกิน แต่นั่นแหละนะ แม้จะเป็นฟางเส้นสุดท้าย คนเราก็ยังอยากที่จะยึดไว้เพื่อให้รู้สึกว่าตนเองยังมีหวัง มีศักดิ์ศรีพอที่จะกลับไปเหมือนเดิม ฉันไม่กล้าห้ามความคิดความหวังของเขาจริงๆ
ออกจากบ้านชาญชัยแล้วฉันก็แวะเข้าไปที่อนามัย พี่ที่อนามัยเล่าว่าได้มาเยี่ยมทำแผล เปลี่ยนสายสวนให้คนไข้สองสามครั้งแล้ว และยังบอกข้อมูลสำคัญอีกว่า เมียของชาญชัยสงสัยจะเป็นมะเร็งเต้านม ตอนนี้เธอพักการรักษาตัวไว้ชั่วคราว ขอดูแลชาญชัยไปสักระยะก่อน เมื่ออาการดีขึ้นแล้วจะกลับไปรักษาตัวต่อ ใจของฉันยิ่งห่อเหี่ยวลงไปอีก นี่เคราะห์กรรมจะซ้ำเติมครอบครัวนี้ไปถึงไหนนะ อยากรู้จริงๆ
คืนนั้นฉันกลับไปนั่งพับผ้าก๊อซขนาดใหญ่เป็นท้อปก๊อซอย่างหนา นั่งทำตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ได้ท้อปก๊อซหลายห่อ โชคดีที่พี่หัวหน้าพยาบาลให้เบิกของได้ทันใจ ไม่ต้องรองวดเบิกปกติ วันต่อมาฉันเอาก๊อซเหล่านั้นไปนึ่งเพื่อให้ชาญชัยใช้ทำแผล เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีสิทธ์เลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ต้องรอหมอหรือพยาบาลมาบอกว่าต้องทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ เขาและครอบครัวสามารถพึ่งพาตัวเองได้และภาคภูมิใจกับตนเอง ฉันก็เชื่อเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน
วันต่อมาฉันนำอุปกรณ์ทำแผลทุกอย่างไปให้ครอบครัวชาญชัย สองผัวเมียยกมือไหว้ขอบคุณฉันไม่ยอมเลิก ที่สำคัญฉันพบพยาบาลจำเป็นคนสำคัญ ลูกสาวของสองผัวเมีย กำลังเรียนกศน. เธอจึงมีเวลาอยู่ดูแลพ่อ ช่วยแม่อย่างเต็มที่ ฉันบอกว่าเธอคือคนที่สำคัญที่สุด และบอกว่าเราจะช่วยกันเพื่อให้ครอบครัวของเธอสามารถก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ วันนี้เราคุยกันถึงความเศร้าความท้อแท้ของทุกคน เมียของชาญชัยบอกฉันเบาๆว่าบางทีต้องไปตะโกนระบายความเครียดที่ในสวน แอบร้องไห้อยู่นอกบ้าน ไม่อยากให้คนไข้เสียกำลังใจ คนไข้เองก็บอกว่าเห็นลูกเมียลำบากแล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร บางครั้งก็แอบร้องไห้ตอนอยู่ตามลำพัง วันนี้จะมียาขนานใดมารักษาความเศร้าแบบนี้ได้บ้างนะ ก่อนฟลูอ๊อกจะออกฤทธิ์ วันนี้ให้อ้อมแขนทำหน้าที่ไปพลางๆก่อนเถิดนะ ฉันจับมือของลูกประสานมือของแม่และพ่อ บอกให้ชาญชัยขอบคุณเมียและลูกที่ช่วยดูแล และถ้าอยากจะร้องไห้ก็ร้องไห้ด้วยกัน อย่าหนีไปร้องไห้อย่างโดดเดี่ยวอีกเลย ให้คุณอยู่ด้วยกัน ให้กำลังใจกันอย่างนี้ สามคนพ่อแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้สะอึกสะอื้น ฉันลูบหลังลูบแขนของพวกเขา บอกว่าฉันอยู่ตรงนี้ จะไม่ทิ้งเขาไปไหน จะช่วยให้เขาผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆไปให้ได้ เสียงสะอื้นค่อยๆเบาลง ฉันรู้มาว่าคนเราหากได้ร้องไห้แล้วจะช่วยระบายความคับข้องใจที่มีอยู่ออกมาไม่มากก็น้อย วันนี้มันคงจะผ่านไปอย่างไม่ยากเย็นนักสำหรับครอบครัวที่กำลังเผชิญกับความทุกข์อันแสนสาหัสนี้
พรุ่งนี้กำลังจะมาถึง เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งจะมาช่วยกัน ทั้งพี่จากงานกายภาพ พี่จากงานสุขภาพจิต และอีกหลายพี่และหลายน้องที่คอยช่วยเหลืออยู่แม้จะไม่ได้ออกมา น้องห้องยาที่กุลีกุจอช่วยจัดยาใส่ถุงให้อย่างรวดเร็ว น้องห้องบัตรที่ช่วยทำให้ระบบมันเป็นระบบ แม้เวลาที่ฉันไม่ค่อยจะทำตามระบบเท่าไรนัก น้องห้องวัสดุการแพทย์ที่หยิบก๊อซ พลาสเตอร์ กับสำลีให้อย่างไม่อิดออด น้องพยาบาลที่ช่วยเรื่องระบบการบันทึกที่ฉันไม่ค่อยคล่อง รู้สึกดีที่การช่วยคนไข้ ไม่ใช่ภาระหนักของคนเพียงคนเดียว ทุกคนมีส่วนร่วมมือให้คนไข้คนหนึ่งสามารถกลับมามีชีวิตอย่างที่เขาต้องการ อาจไม่เหมือนเดิมแต่ก็ยังได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว
สองเดือนผ่านไป แผลของชาญชัยที่ช้ำ ลึก กว้าง จนฉันใจหายเมื่อครั้งแรกเจอนั้น ตอนนี้กลับมีสีแดงสด เนื้อเต็มขึ้นมาจนคลุมกระดูกก้นกบจนมิด ไม่มีเนื้อตาย ไม่มีกลิ่นอับ ถุงปัสสาวะได้รับการดูแลอย่างดี สองขาที่บวมก็กำลังยุบลงเรื่อยๆ ชาญชัยออกกำลังแขนของตัวเองทุกวัน ถึงแม้กระดูกสันหลังที่หักจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูในครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งท้อแท้และสิ้นหวังกับชีวิต ชาญชัยยังรอวันที่จะได้ลุกนั่งเองบนเก้าอี้ รอวันที่จะได้ฝึกยืน เช่นเดียวกับคนในครอบครัว วันนี้เมียของชาญชัยเริ่มคิดอยากกลับไปรักษาตัวอีกครั้งเพื่ออยู่เป็นกำลังใจให้กับสามี ฉันก็รู้สึกยินดีกับเธอด้วยจริงๆ
ไม่มีความเห็น