(1)ท่านมีวิธีการ “สร้างสุขในองค์กรในยุควิกฤติเศรษฐกิจ” อย่างไร ?
คำกล่าวที่ว่า “ความสุขอยู่ที่ใจ” อาจใช้ไม่ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากไม่ว่าจะทำอย่างไรให้ใจสุข แต่ถ้ากายไม่สุขด้วย ก็ยากที่จะมีความสุขได้อย่างแท้จริง ในยุควิกฤติของบ้านเมืองที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้องของพวกเรา สภาพสังคมที่มีความคิดเห็นแตกต่าง การเมืองที่วุ่นวายสับสน จนดูเหมือนว่า “แค่ไม่มีทุกข์ ก็ถือว่าสุขแล้ว” การสร้างความสุขในองค์กร ท่ามกลางสภาวะที่ไร้เงินทอง ช่างเป็นหนทางที่ยากลำบากยิ่ง เงินบันดาลทุกสิ่ง จริงหรือ? มีหลายครั้งในโลกนี้ที่ “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ”
เทพทั้ง 8 แห่งโครงการ HAPPY WORKPLACE ยังคงอยู่ในใจพวกเราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะต้องฝ่าวิกฤตขนาดไหน ผ่านมรสุมมากน้อยเพียงใด โดยเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างเกราะกำบังให้กับมรสุม ช่วยนำพาพวกเราข้ามไปถึงจุดหมายได้พร้อมๆ กัน
เลือกที่จะ สร้างสุขด้านการเงิน เป็นอันดับแรก “เงินย่อมต้องแก้ไขด้วยเงิน” ฉะนั้นวิกฤติเศรษฐกิจย่อมแก้ได้ด้วยวิธีการทางเศรษฐศาสตร์เป็นสำคัญ โดยการรณรงค์ให้เราใช้ชีวิตแบบพอเพียง รู้จักเพียงพอในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เก็บออมเพื่อครอบครัว มีหนี้ก็ต้องรู้วิธีบริหารจัดการหนี้อย่างมีระบบ อบรมวิชาชีพเพื่อสร้างอาชีพเสริมให้กับพนักงาน และครอบครัวนอกเวลางาน ร้านค้าสวัสดิการของบริษัทก็จัดที่ไว้ให้ขายแลกเปลี่ยน และจัดสินค้าราคาถูกมาจำหน่ายเพื่อลดภาระพนักงานอีกด้วย
“อโรคยา ปรมาลาภ” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ เชื่อว่า การมีสุขภาพที่ดีไม่ได้สร้างด้วยเงิน แต่สร้างได้ด้วยตัวเราเอง ฉะนั้นการ สร้างสุขด้านสุขภาพ เป็นสิ่งหนึ่งที่เราสามารถก่อให้เกิดได้ในยามที่เศรษกิจซบเซาแบบนี้ เราไม่ได้ใช้หลัก 3อ. เพียงเพื่อลดพุงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา แต่จะใช้เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้ชาวโอสถสภาด้วยหลัก 3อ. คือ อาหาร อารมณ์ และการออกกำลังกาย การให้ความรู้ในเรื่องการกิน การสร้างวุฒิภาวะทางอารมณ์ข่มความรู้สึกอยาก และสนับสนุนให้มีการออกกำลังกายอย่างเสมอ ด้วยทรัพยากรที่เรามีอยู่ เมื่อพนักงานสุขภาพดีก็เป็นองค์กรแห่งความสุขได้
สร้างสุขด้วยสิ่งผ่อนคลาย ถือว่าเป็นความโชคดีที่โอสถสภาให้ความสำคัญในเรื่อง การสร้างความสุขในสถานที่ทำงาน เมื่อที่ทำงานคือบ้านที่สองของเรา ฉะนั้นจึงมีหลายโครงการที่สนับสนุนให้พนักงานได้ผ่อนคลายจากการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นชมรมกีฬานานาชนิด ชมรมศิลปวัฒนธรรมต่างๆ การท่องเที่ยวประจำปี ที่ให้เที่ยวก่อนผ่อนทีหลัง เมื่อพนักงานไม่เครียดก็ทำงานอย่างมีความสุข
“เราคือครอบครัวเดียวกัน” เป็นคำหนึ่งที่อยู่ในใจของพวกเราชาวโอสถสภาทุกคน สร้างสุขด้วยครอบครัวที่อบอุ่น มีกิจกรรมมากมายที่จัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับพนักงาน และครอบครัวพนักงาน เช่น วันครอบครัว ที่ไม่จำเป็นต้องจัดนอกสถานที่ เราจัดกันภายในบริษัทก็ได้ ขอเพียงไม่ทิ้งคอนเช็ปท์ในการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เมื่อเราคือครอบครัวเดียวกัน ภาระของพนักงานก็คือภาระของบริษัท จึงก่อให้เกิดโครงการซัมเมอร์แคมป์ โดยการเอาลูกเค้ามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเค้ามาอมในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน สอนภาษาอังกฤษ สอนศิลปะ ให้ฝึกฝนกีฬาต่างๆ บริษัทใจดี ไม่ฟรีก็เหมือนฟรี คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวโอสถสภาแสนที่จะอบอุ่น
บางคนต้องหันเข้าหาธรรมะเป็นที่พึ่ง ด้วยการ สร้างสุขด้วยธรรมะ มีความเชื่อว่าหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอยู่ในใจของทุกคนตั้งแต่เกิด กิจกรรมการตักบาตรทุกวันพฤหัสบดีต้นเดือน ได้เกิดขึ้น เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ และสอนให้พนักงานรู้ว่า การให้ทาน นั้น สร้างความสุขทางใจ ให้แก่ทั้งผู้ให้ และผู้รับ มีโครงการ “แสนหยดล้านน้ำใจ” ร่วมกับสภากาชาดไทยเพื่อบริจาคเลือดให้แก่ผู้ที่ต้องการ เป็นโครงการตลอดทั้งปี มีเป้าหมายร่วมกันเป็นหลักแสน CC. เหมือนกับว่า เป็น KPI ขององค์กรเลยก็ว่าได้ อีกกิจกรรมที่ภูมิใจนำเสนอ ซึ่งเชื่อว่าไม่เคยได้เห็นจากที่อื่นคือ “ธรรมคีตา” คือคอนเสิร์ตที่ผสมผสานระหว่างการแสดงธรรมะโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี กับการแสดงดนตรีเพื่อชีวิตโดย คุณปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ได้ทั้งความสุขทางธรรม และความผ่อนคลายไปพร้อมกันแบบทูอินวัน
ในยามที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ต้องมาทำเรื่องเครียดให้มีสาระ สร้างสุขด้วยการพัฒนาตนเอง การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ที่บริษัทมีห้องอ่านหนังสือหลายแบบ หนังสือพิมพ์ หนังสืออ่านเล่น ไปจนถึงหนังสือวิชาการ ฯลฯ เพียงแวะเข้ามาชม เราก็นิยมอยู่ในใจแล้ว
เมื่อคนทำงานมีความสุข ที่ทำงานน่าอยู่ ชุมชนก็มีความสุขไปด้วย การสร้างสุขให้ชุมชน โอสถสภาจะทำในระดับของบริษัท ให้สมกับสโลแกนที่ว่า “โอสถสภา พรุ่งนี้มีค่า ทุกเวลามีคุณ”
(2)ท่านมีข้อเสนอในการขยายผล “การสร้างสุขในองค์กร” ให้เกิดขึ้นในองค์กรอื่น ๆ อย่างไร ?
“การสร้างสุขในองค์กร” ไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จเหมือนกับการสร้างระบบงาน หรือมาตรฐานงานอื่นๆ เช่น การทำ ISO9000, การใช้ Balance Scorecard ฯลฯ ที่เพียงปฏิบัติตามทฤษฎีแล้วจะทำให้ คนทำงานมีความสุข หรือเมื่อทำเสร็จแล้ว มีผู้มาประเมิน และรับรองว่าได้ผ่านกระบวนการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระบุแล้ว ก็มีสถาบันออกหนังสือรับรองให้ว่าองค์กรของท่านมีความสุข
ความสุขของคนในองค์กร ต้องเกิดจากคนในองค์กรเอง ดังนั้นการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในองค์กร ย่อมต้องสร้างจากการให้ความสนับสนุนของผู้บริหารระดับสูงในองค์กร ดังนั้น เพื่อให้เกิดการยอมรับถึงผลจากการสร้างความสุข และกระบวนการในการสร้างความสุข เราจึงต้อง
1. อธิบายให้ผู้บริหารขององค์กรได้ทราบถึงจุดหมายปลายทางของการสร้างสุขว่า จะเกิดผลดีกับองค์กรเอง เมื่อพนักงานมีความสุข ก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผลของงานที่ดี
2. สร้างกระบวนการสร้างความสุขให้เป็นรูปธรรม เช่น การสร้าง Happy Heart จะใช้กิจกรรมใดเป็นเครื่องมือในการสร้าง ฯลฯ และสร้างกระบวนการในการวัดค่าความสุขที่ได้รับ
3. สร้างเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการสร้างองค์กรแห่งความสุข
4. สร้างรางวัล “องค์กรแห่งความสุข” เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับองค์กรที่ได้ใช้กระบวนการสร้างความสุขจนเกิดความสำเร็จ
วิทูรย์ วงษ์โมรา
กองแรงงานสัมพันธ์ / บริษัท โอสถสภา จำกัด
ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้คะ