เช้าวันเสาร์ ที่ 15 สิงหาคม 2552 ต่อจากตอนที่แล้ว (คลิกที่ ปาย ตอน ปายฝน..ที่แตกต่าง 1) หลังจากนั่งเกร็งหลังขดหลังแข็งมาร่วมสามชั่วโมงกว่าก็ถึงปายเสียที (มีพักระหว่างทางให้ลงไปเข้าห้องน้ำ และเดินยืดเส้นยืดสายได้สิบนาที) ช่วงที่รถมินิบัสวิ่งลงจากเขาแล้วฉันมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ฉันมองเห็นเมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางอ้อมกอดของขุนเขาปรากฏแก่สายตา นั่นไง.. "ปาย" เมืองแห่งยูโธเปียของใครหลายคน
ถึงท่ารถเสียที....ฉันสะกิดให้เพื่อนสาวลงไปก่อน ส่วนฉันก็รอลงจากรถเป็นคนสุดท้ายเพราะต้องเป็นคนแบกเป้กับกระเป๋าของเธอลงไป เท่าที่ปรายตาดูก็เห็นว่าในเมืองยังมีผู้คนเดินขวั่กไขว่มากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก ฉันลากเป้ลงจากรถแล้วสะพายหลังเดินตรงไปยังร้านเช่ารถที่ชื่อ AYA ในทันทีเพื่อจะเช่ารถมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะสำหรับเราระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เพื่อนสาวดึงแขนฉันไปใกล้ๆ แล้วกระซิบถามว่า "ไปร้านอื่นดีไหมอ่ะ?....เห็นมีคนบอกว่าร้านนี้ราคาเช่าแพง ฯลฯ" ฉันหันไปยิ้มกว้างๆ แล้วบอกเธอไปว่า.. "มาทีไรเค้าก็เช่าร้านนี้น่ะคุณ อ่านมาเยอะเหมือนกันที่เขาเขียนด่ากันในเวบน่ะ นานาจิตตังเนอะ"
ระหว่างที่กำลังง่วนกับการหาบัตรประชาชนมายื่นให้พนักงานในร้านกรอกข้อมูลบางอย่างนั้น ก็มีเสียงร้องทักมายังฉันว่า.. "น้องต้อม....แน่ะ มาปายไม่ยอมบอกกันเลยน๊า" พี่กบแห่งบ้านปายนา & บ้านปายตานั่นเอง ฉันยิ้มเพราะเจอคนคุ้นเคยพร้อมๆ กับที่ยกมือไหว้สวัสดีเธอ เราได้พูดคุยกันสักพักจนฉันต้องไปรับรถมอเตอร์ไซค์ เธอยังเชื้อเชิญให้แวะไปพูดคุยกันที่บ้านปายนา & บ้านปายตา ด้วยถ้าหากจะพอมีเวลาว่าง นี่ถ้าไม่มีเพื่อนสาวและเงื่อนไขอะไรแล้ว ฉันคงเลือกบ้านปายนา & บ้านปายตาเป็นอันดับต้นๆ แน่นอนเพราะฉันหลงรักที่นั่น
คันนี้..พาฉันไปไหนต่อไหน
ฉันรับมอเตอร์ไซค์สีฟ้า-ขาวคันสวยในราคาเช่าหนึ่งร้อยบาทต่อวัน ปกติฉันจะต้องจ่ายเพิ่มอีกสี่สิบบาทต่อวันเพื่อประกันความเสียหายอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุบนท้องถนน หมายถึงจะประสบอุบัติเหตุแล้วรถมอเตอร์ไซค์เสียหาย..เราซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อไม่ต้องแบกรับค่าซ่อม นับเป็นเรื่องดีเพราะเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อใด อย่างคราวที่แล้วฉันก็โดนไปเต็มๆ เพราะขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปแหกโค้งหน้าบ้านปายตา แต่คราวนี้ฉันเห็นว่าไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวที่มีผู้คนมากมายเพราะฉะนั้นความเสี่ยงจากอุบัติเหตุคงจะลดลงไปด้วย และก็คิดว่าฉันคงไม่ซวย..ย..ย ขนาดนั้น อิอิ เรื่องของเรื่องก็คือ "งก" นั่นแล
ได้รถมอเตอร์ไซค์สวยถูกใจแล้ว..เรื่องที่จะต้องคิดเป็นลำดับต่อไปก็คือเรื่องของที่พัก ที่พักแต่ละที่ในช่วงโลว์ซีซั่นนี้ล้วนแล้วแต่มีให้เลือกมากมาย และที่สำคัญ..ราคาถูกลงจากราคาปกติในช่วงหน้าหนาวมากกว่าครึ่งเชียวนะ เช่น บ้านปายตาจากราคาหนึ่งพันบาทก็ลดเหลือหลังละแปดร้อยบาท วิลล่า เดอ ปาย ที่เคยพักในราคาเกือบพันก็ลดเหลือเพียงสี่ร้อยบาท กู๊ดมอร์นิ่ง ปาย ลดเหลือราคาสามร้อยบาทต่อหลัง Aqua Resort จากหนึ่งพันบาทลดเหลือห้าร้อยบาท เป็นต้น มีที่พักมากมายให้แวะไปเยือนในยามนี้ แล้วฉันล่ะจะเลือกพักที่ไหน???????
ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่พัก..ป้ายแบบนี้มีติดไปทั่วเมืองปาย
จากตอนแรกที่เรื่องการหาที่พักจะเป็นปัญหาของฉันนั้นกลับดูไม่ยากเย็นอย่างที่คิด เนื่องจากเพื่อนสาวที่อิดโรยจากการเดินทางก็ไม่ได้ดันทุรังจะหาห้องแอร์เหมือนแรกๆ ตอนนี้เธอขอแค่ที่ไหนสักแห่งที่ฉันจะพาไป และที่นอนนุ่มๆ ก็เพียงพอแล้วเพราะง่วงมากๆ ฉันจึงพาเธอไปยังที่พักที่ฉันคุ้นเคยและใกล้ที่สุดเพื่อให้เธอได้เลือกดู นั่นคือวิลล่า เดอ ปาย ที่ฉันเลือกในวันแรกที่ไปเยือนปายในทุกครั้ง เป็นที่พักริมน้ำ ใกล้ถนนคนเดิน ไม่เปลี่ยวจนเกินไป และที่สาคัญ..มีอินเตอร์เน็ตให้เล่นทั้งวันทั้งคืน ^^ ตกลงเธอดูสภาพห้องพักแล้วก็เลือกที่นี่ แต่ย๊าง..ง..ง ยังก่อนค่ะ ฉันก็ต่อรองราคาห้องพักกับน้องผู้ชายหน้าตาตี๋ๆ หล่อว่า "ห้องราคาสามร้อยบาทใช่ไหมอ่ะ?" น้องเขาหัวเราะ..แล้วบอกว่า"ไม่มี พี่ไปดูมาจากไหนนะ..ห้องละสามร้อยบาทเป็นอีกหลังไม่ใช่ที่พี่ดูแน่ๆ" เฮ้..จริงๆ นะ ฉันบอกกับเขาไปจริงๆ แล้วเพื่อนสาวก็ช่วยยืนยันด้วย เพิ่งดูจากในกระทู้ของผู้ชายคนหนึ่งมาเมื่อสองสามวันก่อนนี้เอง แต่ไม่เป็นไร..ตกลงก็เลือกที่นี่ล่ะ อิอิ มีห้องว่างพอดี..ก็ห้องที่กำลังดูนั่นล่ะ แม่บ้านเพิ่งทำความสะอาดเสร็จ ฉันขนของเข้าห้องแล้วออกมาที่ฟร้อนท์หน้าที่พักเพื่อจัดการเรื่องกรอกโน่นเซ็นต์นี่ น้องเขาแซวว่า.."กระเป๋าหลุยส์ของปลอมแน่ๆ" เออสิ หนังหน้าอย่างฉันเนี่ยจะมีปัญญาใช้ของจริงไหมล่ะ และใบนี้พี่เซ็กซี่ให้มาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีแล้วว๊อย..ย..ย แล้วกลับห้องพักเพราะเป็นห่วงเพื่อนสาวว่าจะอยู่ได้จริงๆ ไหม ปรากฏว่าเธอนอนเล่นบนเตียงไปแล้ว..และรับปากว่าจะอยู่ให้ได้โดยไม่เรื่องมาก (อิอิ ดีมาก) แล้วน้องที่ดูแลห้องพักก็ปั่นจักรยานตามเอากระเป๋าตังค์มาคืนฉันเพราะฉันลืมทิ้งไว้เด่นเป็นสง่าไว้ที่บนโต๊ะโน่น เขาได้ยินฉันกับเพื่อนสาวคุยกันเรื่องที่พักก็ร้องถามว่า.."แน่ะ แอบนินทาผมอ่ะดิ" บอกไปว่า.."เปล่า! แต่กำลังจะนินทาเนี่ยล่ะ จะอยู่ฟังไหม?"
ห้องนี้ 103 ที่วิลล่า เดอ ปาย
จากที่เพื่อนสาวบอกว่าถ้าถึงปายแล้วขอนอนพักก่อนนั้น ปรากฏว่า..ผ่านไปได้สักพักเธอก็เริ่มคุ้ยๆ หาขนมในกระเป๋าออกมาทาน ฉันมองแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ แล้วก็ต้องยิ้มกว้างๆ อีกครั้งเมื่อเช็คข้อความที่ปรากฏอยู่บนมือถือ ข้อความขอต้อนรับสู่แม่ฮ่องสอนจากอา(จารย์)จ๊ะ นี่เอง หันกลับมาที่เพื่อนสาวอีกทีและเมื่อมองเวลาแล้วก็เลยชวนเธอไปหาอะไรทานกันเป็นมื้อแรกที่ปาย มื้อแรกที่เมืองปาย..ฉันคิดเอาไว้นานแล้วว่าจะต้องเป็น "ไก่ย่าง" ร้านครัวอีสานที่ฉันเคยติดใจนักหนา ฉันพาเธอซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ไปหาร้านครัวอีสานที่ว่านี้ ไม่อยากจะบอกเลยว่าก็พากันหลงทาง แต่ไม่อยากจะเชื่ออีกเหมือนกันล่ะว่า..พอหลงทางแล้วจอดรถด้วยความหงุดหงิดเพราะแดดร้อนๆ นั่นเพื่อนสาวก็ถามว่า "นี่ใช่ไหม ร้านที่คุณตามหา?" กรี๊ด..ด..ด ใช่จริงๆ ด้วย ร้านครัวอีสานที่มีไก่ย่างแสนอร่อยหอมหวาน
ไก่ย่าง..ที่ฉันตั้งใจว่าจะต้องกินให้ได้ในมื้อแรก
เพื่อนสาวทานได้แต่ไก่ย่าง ^^ ถ้ามีแต่ไก่ย่างโดยปราศจากส้มตำก็ดูกระไรอยู่ ฉันจึงสั่งส้มตำกับตับหวานมาให้ชิมกัน ทานกันทั้งน้ำหูน้ำตาเชียวล่ะค่ะ ลืมไปว่าเธอทานเผ็ดไม่ได้ แต่พอถามว่าจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมก็บอกไม่ต้อง เพราะเธอหมายตาโครงไก่ย่างจากร้านติดๆ กัน และกำชับให้ฉันต้องซื้อกลับที่พักให้ได้ ทันใดนั้น..ก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับครอบครัว คุ้นหน้ามากๆๆ จากที่เห็นกันบ้างในบล็อก ฉันพยายามเงี่ยหูฟังพี่ผู้ชายคนนั้นเรียกชื่อเด็กหญิงตัวน้อยๆ ว่าจะชื่อ "น้องสบาย" ไหม? แต่ก็ไม่ได้ยิน เฮ้อ.. แต่ฉันว่าพี่คนนั้นต้องเป็นคุณหมอสุพัฒน์ (kmsabai) แน่ๆ ก็ว่าจะลองกดมือถือดูว่าจะใช่จริงๆ หรือเปล่าก็ไม่กล้า มาสอบถามเอาตอนที่ทานเสร็จแล้วรีบกลับไปทิ้งข้อความในบันทึกของคุณหมอว่าใช่ไหม..ปรากฏว่าใช่จริงๆ ด้วย อิอิ ^^
ออกจากร้านครัวอีสานก็ถูกเพื่อนสาวบังคับให้เดินไปซื้อโครงไก่ย่างจากร้านข้างๆ แล้วก็ไปแวะซื้อน้ำสีๆ ให้ฉันจากร้านค้าแห่งหนึ่งก่อนจะไปกว้านซื้อขนมใน 7-11 เรากลับที่พักแล้วไปนอนหลับเอาแรงกันเสียหน่อยก่อนจะลุกมาดื่มต่อ อิอิ ^^ อุ๊บ! ก็ตอนนี้แดดร้อนๆ นี่นา ไม่เหมาะแก่การตะลอนไปไหนๆ ด้วยมอเตอร์ไซค์แน่ๆ ก็ข้างบ้านหลังซ้ายมือที่เป็นชาวญี่ปุ่นและหลังขวามือที่เป็นฝรั่งยังนอนบนเปลญวนไม่ก็นอนอ่านหนังสือกันเลยนี่ แล้วคนไทยอย่างเราจะออกเที่ยวได้อย่างไร อุ๊บ! โอเคๆๆ ยอมรับก็ได้ว่าขี้เกียจออกไปตากแดด อิ่มแล้วด้วย..ง่วงอีกต่างหาก zzzZZZZ.......
หลังจากที่แชท ดื่มน้ำสีๆ อ่านหนังสือ นอนเอาแรง ทะเลาะกันบ้างเล็กน้อยกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพอหอมปากหอมคอก็....จะสี่โมงเย็นแล้วหนอ เพื่อนสาวชักชวน(แกมบังคับ)ให้ออกไปตะลอนหาดูที่พักสำหรับคืนพรุ่งนี้กัน ฉันพาเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์ลัดเลาะไปไหนต่อไหนและพาเธอหลงไปเรื่อยเปื่อย จากในเมืองออกสู่ทุ่งกว้าง ที่พักหลายแห่งรกร้างโดยปราศจากไปด้วยผู้คน หรือได้ปิดปรับปรุงเพื่อเตรียมต้อนรับแขกเหรื่อในหน้าหนาว เสียดายที่พักสวยๆ หลายแห่งที่ดูเหมือนขาดชีวิตชีวา มองดูแล้วราวกับมองซากอะไรสักอย่างชวนให้น่าหดหู่ดีแท้ ฉันขี่มอเตอร์ไซค์เข้าซอกเข้าซอยไปจนเจอกู๊ดมอร์นิ่ง ปาย ที่เพื่อนสาวเคยให้ความสนใจจากการดูผ่านเวปไซต์ สอบถามราคาจากแม่บ้านแล้วก็พบว่าหลังละสามร้อยบาทถ้วนต่อคืน มีทีวีด้วยแน่ะ แต่..ถ้าเพียงแต่มันตั้งอยู่บนทุ่งนาก็จะดูโอเคกว่านี้ โชคดีจังที่เพื่อนสาวเปรยว่า "กลางวันต้องร้อนแน่ๆ" เธอก็เลยตัดตัวเลือกนี้ออกไป
ถนน..หนทาง ที่เปลี่ยวร้างเดี่ยวดาย
จากนั้นเราก็ตะลอนๆ ไปไหนต่อไหนได้ไม่ไกลนักเพราะอากาศร้อนอ้าว และเรามีความเห็นตรงกันที่ว่า "ปายก็คือปาย" แถมยังเป็นปายที่เราต่างก็เคยมาครั้งแล้วครั้งเล่ากันแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่ใครต่อใครมาถึงปายแล้วต้องไปเที่ยวกันนั้นเราก็เคยไปกันหมดแล้ว คราวนี้..เราแค่อยากออกเดินทางเท่านั้นเอง ฉันพาเธอไปดูที่พักอีกที่ที่อยู่ในใจแต่เธอยังไม่สนใจเพราะเหตุที่ว่า "ไม่มีแอร์" ให้ตายสิ..นี่เรามาเที่ยว "ปาย" ที่มีชีวิตชีวายามหน้าหนาวกันนะ หมายถึง..ที่พักส่วนใหญ่ไม่มีแอร์น่ะสิ ก็หน้าหนาวที่ปายน่ะหนาวจับจิต..แล้วใครจะคิดเปิดแอร์หน้าหนาวกันล่ะฮึ! ในที่สุดฉันก็เธอมาดู Aqua Resortจนได้ พี่เด่นที่ดูแลรีสอร์ทให้เราเดินดูรอบๆ ได้ตามอัธยาศัย ฉันชอบจังเลย บ้านแต่ละหลังดูน่ารักและตั้งอยู่ห่างๆ กันทำให้มีความเป็นส่วนตัวถึงแม้ว่าผนังห้องทุกด้านจะเป็นกระจก บ้านพักบางหลังตั้งอยู่ริมลำธารจึงทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลทั้งวันเลย โอ้..สวรรค์ ฉันเลยจองไว้หนึ่งห้องสำหรับคืนพรุ่งนี้ และ..กรี๊ด..ด..ด ที่นี่มีเจ้าบ้านเป็นเจ้าหมาตัวโตชอบมากระโดดกอดฉันกับเพื่อนสาวเรื่อย ทำเอาเสื้อเราเปื้อนกันหมด เจ้าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า "บูบู้"
บูบู้..ไฮเปอร์มาก อยู่นิ่งไม่ได้เลยเจ้านี่
ออกจากอควารีสอร์ทด้วยหัวใจยิ้มกริ่มที่ได้ที่พักไว้สำหรับคืนพรุ่งนี้แล้วก็โอ้ ลั๊นลา เต็มที่ เพื่อนสาวเปลี่ยนเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์พาฉันไปไหนต่อไหนบ้าง เธอพาฉันขึ้นเนินเขาที่ฉันยังไม่เคยไปมาก่อน ทางเปลี่ยวน่ากลัวเอาการอยู่เหมือนกันจนฉันต้องแซวออกไปว่า.. "คุณ..จะพาเค้ามาฆ่าหมกป่าก็หาที่สบายๆ หน่อยก็ได้นะ" สายตาพิฆาตมาเลย..น่ากลัวชะมัด แหม..ก็แซวนิดเดียวเองเนอะ ขี่มอเตอร์ไซค์สีสวยไปเรื่อยๆ ตามถนนหนทางจนเจอนี่.. บ้านพักสีชมพูหวานแหววที่ชื่อ "ปายหวาน" เงียบเชียบจนดูราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่แถวนั้นแน่ๆ เราสองคนเลยแอบย่องๆ เข้าไปดูห้องพักสีชมพูเสียเลย ก็น่ารักดีแต่มาตั้งอยู่ผิดที่ไปหน่อยกระมัง สำหรับฉัน..มองยังไงก็รู้สึกว่าที่แห่งนี้ไม่กลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบๆ ข้างเอาเสียเลย ดูขัดตาพิลึก อุ๊บ!
ค่ำแล้วหนอ..วินาทีที่รอคอยแล้วหนอ..บนถนนคนเดิน นอกจากไก่ย่างร้านครัวอีสานแล้วฉันตั้งใจจะมาทานหมูทอดเจ้าอร่อยให้เต็มคราบ ทุกๆ ครั้งที่มาเยือนปาย..ฉันต้องมาทานหมูทอดเจ้านี้ทุกครั้ง ก็เป็นแผงขายหมูทอดที่ตั้งอยู่บนถนนคนเดินนี่เอง หมูทอดทั้งหวาน..ทั้งหอม..และอร่อย แต่มาคราวนี้ไหงฉันหาไม่เจอ หมูทอดของฉันอยู่ไหน??? เพื่อนสาวบอกว่าคงเพราะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวจึงไม่มีหมูทอดเจ้านั้น ทำเอาฉันหงอยแอนด์จ๋อยไปพอประมาณ เลยพาเธอไปหาอะไรอย่างอื่นแถวๆ นั้นที่ไม่ไกลจากถนนคนเดินทาน ซึ่งก็แจ็คพอตลงที่ร้าน "แอนแหนมเนือง" เป็นร้านเล็กๆ ขนาดไม่กี่โต๊ะ คนนั่งรอกันเต็มร้านเลย คงเพราะเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนอันประกอบไปด้วยคุณพ่อและตัวลูกสาว ทำกันสดใหม่ทุกเมนูจึงกว่าจะได้ทานก็รอจนท้องร้อง (นี่ขนาดไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวนะเนี่ย) โต๊ะฉันสั่งแหนมเนือง ปอเปี๊ยะสด สุกี้ญวน รอสักสองชาติแหนมเนืองก็มาวางบนโต๊ะ แล้วกว่าปอเปี๊ยะสดจะตามมา..เมนูแรกก็เกือบหมดแล้วล่ะ เฮ้อ! ขอโทษท่านที่ติดตามอ่านมาถึงตรงนี้ที่ไม่มีรูปภาพประกอบมากนัก คงเพราะฉันขี้อาย และไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว เพราะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว..ฉะนั้นการจะยกกล้องขึ้นเก็บภาพอะไรๆ รอบๆ ตัวจึงมีความกดดันพอสมควรด้วยเกรงใจนักท่องเที่ยวท่านอื่น ฉะนี้แล ^^ รสชาติก็ใช้ได้เลยแต่ให้รอนานๆ ก็รอไม่ไหวเหมือนกันเพราะหิวมาก ฉันกับเพื่อนสาวจึงแคนเซิลเมนูที่สามที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จแล้วคิดตังค์ออกไปเดินหาอะไรทานเล่นที่ถนนคนเดินดีกว่า และฉันก็ยังแอบมีความหวังถึงหมูทอดเจ้าอร่อยอยู่ คิด..คิด..คิด..หมูทอดๆๆ ต้องมีๆๆ ก็ใครกันนะบอกว่าถ้าเราคิดว่ามันมีก็จะมี คิดบวกไง..อิอิ
ถนนคนเดินยามค่ำคืนที่เคยพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากนั้นกลับดูเงียบสงัด แม้กระทั่งร้านเหล้าปั่นที่ฉันตั้งใจจะมานั่งดื่มตั้งแต่หัวค่ำจนดึกก็ยังดูเหมือนว่าไม่ได้ขายซะงั้น หรือว่า..ฉันมาผิดฤดูกาล
ถนนคนเดินดูเงียบเชียบ..ในฤดูฝน
มีแต่ร้านนี้ที่คนมากมายเพราะมีรถทัวร์มาลงพอดี อิอิ
และทันใดนั้นเพื่อนสาวที่เดินควงแขนกันมาก็ชี้ให้ฉันดูแผงหมูทอด ฉันถามเธอย้ำๆ ซ้ำๆ ว่า "ใช่..เจ้าเดียวกับที่เคยตั้งตรงถนนคนเดินโน้นไหม?" เธอบอกไม่ใช่ แป่ว..ว..ว เลย T_T แต่เธอให้ซื้อไปชิมเพราะไหนๆ ก็เจอร้านหมูทอดถึงแม้จะไม่ใช่ร้านที่ฉันตามหาก็เถอะ ซื้อใส่ถุงหนึ่งขีด..แอบหยิบเข้าปากก็รู้เลยว่าเทียบกับหมูทอดที่ฉันตามหาไม่ได้สักเพียงน้อยนิด วัยรุ่นเซ็งเลย เฮ้อ!
โรตีชีส..อาลีปาย ที่อร่อยมากๆๆ
เราคุยกันถึงโรตีในตำนานที่ใครต่อใครก็พูดถึงในเวบไซต์ เดินๆ ไปก็เจออยู่สองร้านใกล้ๆ กัน สายตาฉันพุ่งไปที่อาบังร่างใหญ่อีกร้านแต่เพื่อนสาวรีบดึงแขนไปอีกที่ที่ขายโรตีชีสพร้อมกับกระซิบบอกว่า "เจ้านี้น่าสนนะคุณ เค้าเห็นรูปดาราหน้าร้านเยอะเลย" ใครจะกล้าหือ..เธอว่าไงก็ต้องว่าตามกันอยู่แล้ว เธอเดินเข้าไปสั่งโรตีสองอัน ฉันยังมีหน้าไปสะกิดบอกเธอว่า.."แค่อันเดียวก็พอน่ะคุณ.." สรุปแล้วเลยได้มาหนึ่งอัน..เมื่อเธอจิ้มโรตีป้อนฉันข้างทางนั้นเอง โอ้ แม่เจ้า สวรรค์รำไรเลย โรตีชี๊ส..ส..ส เป็นโรตีชีสแบบริชชี่ๆ ชีส..ส..ส ที่อร่อยมากๆๆ แต่จะเดินกลับไปสั่งใหม่ก็ปรากฏว่าคนมามุงซื้อกันเยอะจนท่าจะต้องต่อคิวยาวแน่ๆ เลยอดใจไว้กลับมาซื้อคืนพรุ่งนี้ดีกว่า ฉันเป็นคนขอถือกล่องโฟมใส่โรตีชีสเองโดยให้เพื่อนสาวเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์โดยอ้างกับเธอไปว่า.. "ไม่อยากให้มือคุณเปื้อน" เพื่อนสาวแอบบ่นว่าฉันเจ้าเล่ห์ชะมัด อิอิ ก็นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์พลางจิ้มชิ้นโรตีอร่อยเข้าปาก....
ราตรีนี้..ยังอีกยาว
ก่อนกลับเราแวะไปซื้อน้ำสีๆ ไปดื่มต่อที่บ้านพัก จะมีอะไรดีกว่าการได้นั่งดื่มน้ำสีสวยแล้วคุยกันทุกเรื่องราว แต่ก็ยังมีเรื่องให้ได้งอนสะบัดสะบิ้งใส่กันก่อนนอนอีก นอนเถิดหนาน้องนอน เสียงน้ำปายแว่วมาให้ได้ยินเบาๆ ขับกล่อมคนสองคนให้หลับฝันดี
โปรดติดตามตอนต่อไป..