รถชีวภาพต้นแบบคันที่2(รถฃีว-สุขภาพ / bio-fitness car) ใช้งานมา10วัน มีผลการใช้มาบอกครับ
1.ความเร็วเดินทางค่อนข้างอยู่ตัว วันหลังๆมีเร็วขึ้นบ้างเพียงเล็กน้อย(บนทางราบ18-21กม./ชม.) แต่พอจับจังหวะได้+ปรับท่าการออกแรงแล้วก็รู้สึกได้ชัดว่าขับสบายขึ้น+เหนื่อยน้อยลง เปรียบเทียบกับคันแรกที่ใช้เวลาประมาณ1เดือนจึงจะทำความเร็วเพิ่มจาก15กม./ชม.เป็น20กม./ชม.แล้วก็ถือได้ว่าคันนี้ผมปรับตัวได้เร็วกว่ามากๆ
2.เวลามีคนนั่งซ้อนท้ายสามารถทำความเร็วได้มากขึ้นตามที่คิดไว้จริงๆครับ คือเมื่อไปรับน้องปิงปอง(blogmasterของผม -ตอนนี้เรียนอยู่มัธยม1ครับ) พบว่าทำได้24.2กม./ชม.ตั้งแต่ครั้งแรก และหลังจากวันนั้นก็ยังเพิ่มได้อีกเล็กน้อย
3.เมื่อวานซืนได้มีโอกาสลุยฝนเป็นครั้งแรก พบว่าสบายกว่าคันเดิม และไม่มีน้ำกระเด็นขึ้นจากล้อรถแล้วด้วย (คันนี้ติดตั้งบังโคลนครอบล้อไว้ทั้ง3เส้น แทนที่จะใช้แผงบังแบบคันแรกครับ)
4.วันนี้ได้ลองขึ้นสะพานตรีรัตน์เป็นครั้งแรก ขาไปขับไปคนเดียว ขากลับมีปิงปองซ้อนท้าย+มีกีต้าร์บันทุกอยู่บนหลังคาด้วย ก็ไม่มีปัญหาครับ จากโรงเรียนดนตรีโสรดาแวะทานก๋วยเตี๋ยวแล้วส่งไปเรียนต่อที่เตรียมพัฒน์ได้ขึ้นเนินศรีบูรพาด้วยอย่างสบายพอควร
5.ยังมีโอกาสพัฒนา/ปัญหาอยู่2อย่างครับ
5.1น้ำหนักตัวรถที่หนักถึง68กก. ซึ่งจะทำให้ต้องใช้แรงงานค่อนข้างมากในการเดินทางและเวลาขับขึ้นเนิน(แต่ถ้ามองในแง่ของการออกกำลังกายก็น่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น?) คงจะต้องคิดถึงการออกแบบโครงสร้างให้เรียบง่าย ใช้วัสดุน้อยลง และเลือกใช้วัสดุที่เบาๆเช่นอลูมิเนียม+พลาสติกให้มากๆเท่าที่จะทำได้
5.2การไต่ขึ้นทางลาดยังไม่เป็นที่พอใจ ทางแก้คือการลดน้ำหนักรถ และปรับอัตราทดของระบบเกียร์ให้เหมาะสม (สำหรับคันนี้คงทำแค่ปรับอัตราทดอย่างเดียวก่อน)
6.เวลาขับขี่ให้ความรู้สึกว่าเป็นสวนสุขภาพติดล้อมากขึ้นอีก เพราะจะเหมือนกำลังเล่นเครื่องออกกำลังในสวนสุขภาพที่ทุ่งนาเชย+ที่พระยืน(เครื่องที่ขึ้นไปนั่งแล้วใช้เท้าเหยียบที่เหยียบขึ้นลง+ใช้มือดึง/ดันที่จับไปหน้าหลัง - แล้วจะไปถ่ายภาพมาให้ดูเปรียบเทียบครับ) ซึ่งบางวันต้องยืนรอคิวตั้งนานกว่าจะได้เล่น ต่อไปผมไม่ต้องรอคิวเล่นเครื่องนั้นอีกแล้วครับ และกำลังคิดจะตั้งชื่อรถคันนี้ว่า"รถชีวภาพสุขภาพ , bio-fitness car"ครับ เป็นการออกกำลังกายไปพร้อมๆกันทั่วทั้งร่างกายตลอดการเดินทาง และสะดวกสบายโดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยนะครับ
ไม่มีความเห็น