เมื่อพานักศึกษากลับไปเรียนที่ห้องคอม (เก่ากว่าห้องที่เรียนอยู่ประมาณ 3 ปี) ก็เริ่มเข้าสู่บรรยากาศแห่งความวุ่นวาย นักศึกษาพยายามเข้าหาเครื่องที่ตัวเองคิดว่าน่าจะใช้ได้ดีที่สุด และต้องเกาะไปเป็นกลุ่ม กลุ่มใครกลุ่มมัน บางคนยอมใช้เครื่องร่วมกับเพื่อนด้วยซ้ำ เหมือนลูกแมวที่เพิ่งเกิดต้องรวมกันอยู่เป็นกอง ๆ แต่เด็กพวกนี้เรียนมหาวิทยาลัยมา 4 ปี ก็ยังกองรวมกันอยู่อย่างเหนียวแน่น
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ "อาจารย์ขา หน้าจอคอมไม่ติดต่อค่ะ ..เนี่ยค่ะ เครื่องนี้ด้วยค่ะ" นักศึกษาสาวสองคนยืนมองคอมเครื่องนั้น ปากบอกอาจารย์ สลับกับการไปมองค้อนที่เครื่องคอม เพราะอยากจะให้หน้าจอคอมติด....
"อืมม์...ทำไงดีล่ะ" ถามสองสาวที่ยืนอยู่ คำตอบที่ได้รับคือหน้าตางง ๆ อาจารย์ก็ไม่ตอบเหมือนกัน แต่เดินไปหน้าห้อง บอกให้นักศึกษาตั้งใจฟังในสิ่งที่ครูจะพูด... แล้วสอนให้หัดคิดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น เช่น ตรวจสอบปลั๊กไฟ เพราะห้องคอมใช้กันหลายกลุ่มหลายคน เจ้าหน้าที่อาจจะไม่ได้ตรวจดูความเรียบร้อย และรวมไปถึงการหัดพิจารณาวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น หาสาเหตุเพื่อจะได้แก้ไขในระดับหนึ่งก่อน...และสรุปสุดท้ายด้วยการแซวเล็ก ๆ ว่า "ที่เค้าว่ากันว่า คนสวยมักจะไม่ได้เรื่อง...คงไม่จริงมั้งเนีย สงสัยวัน ๆ ทำแต่ แบ๊ว"
ตอนนี้ที่ต้องมาสอนให้นักศึกษาห้องนี้เพราะ คนสอนไม่พอ (เลียนแบบโรงเรียนประถมที่ครูพละ มาสอนศิลปะ??) ไม่ต้องตกใจค่ะ การเรียนโปรแกรมสำเร็จรูป เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ที่ต้องเตรียมนักศึกษาให้พร้อมก่อนออกฝึกประสบการณ์ในหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนความเชี่ยวชาญของผู้สอนนั้นขอการันตีค่ะ เพราะการสอนเพื่อเตรียมนักศึกษาสาขาบริหารธุรกิจเพื่อออกไปฝึกงานนั้น ใช้ความรู้ด้านต่าง ๆ ของอาจารย์ผู้สอนมาบูรณาการดังนี้ค่ะ
ระเบียบงานสารบรรณ + ความรู้ด้านโปรแกรมสำเร็จรูป + ความรู้ด้านการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทางธุรกิจ + ประสบการณ์จากการทำงานในสำนักงาน + จิตวิทยา/อารมณ์ขันในระหว่างการสอน
อธิบายเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
1. ระเบียบงานสารบรรณ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตเอกสารที่มีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักที่ใช้ในหน่วยงานราชการต่าง ๆ การทำงานในปัจจุบันนี้ ต้องการบุคลากรที่สามารถทำงานอย่างเบ็ดเสร็จ
2. ความรู้ด้านโปรแกรมสำเร็จรูป โปรแกรม 3 โปรแกรม ที่ใช้เป็นหลัก คือ Microsoft Word, Powerpoint และ Excel ผู้สอนใช้ 3 โปรแกรมนี้มานานแล้ว และนำมาประยุกต์ใช้สำหรับการทำงานทุกอย่าง
3. ความรู้ด้านการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทางธุรกิจ ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะจะประทับใจผู้รับหรือไม่อยู่ที่ความสามารถนี้ สิ่งจำเป็นที่ต้องทราบได้แก่ รูปแบบงานเอกสารทางธูรกิจ คำขึ้นต้น คำลงท้าย ข้อความที่ต้องนำเสนอในแต่ย่อหน้า การเขียนที่ไม่วกวนไปมา รวมทั้งการใช้ภาษาไทยและเครื่องหมายต่าง ๆ ที่ถูกต้อง คำทับศัพท์ ศัพท์บัญญัติ (หาความรู้เพิ่มเติมได้จากราชบัณฑิตยสถาน ในเว็บไซต์ www. rirs3.royin.go.th) ที่เขียนแบบนี้ไม่ใช่ว่าตัวเองจะใช้ไม่ผิดนะคะ ก็มีผิดบ้างค่ะ เพราะบางครั้งเราก็ใช้ผิดเพราะคิดว่าถูกต้องแล้ว
4. ประสบการณ์จากการทำงานในสำนักงาน ต้งแต่รับราชการครูมาก็ได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา ความรู้ที่ได้รับจากการถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม มาใช้งานในสำนักงานตลอด และใช้โอกาสนี้ถ่ายทอดให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้มีความรู้และบอกหนทางแสวงหาความรู้เพิ่มเติมยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยยึดหลักว่า "ถ้าเจ้าหน้าที่มีความรู้มากขึ้นเท่าใด ผู้เป็นหัวหน้าก็จะยิ่งสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น" ทำตัวอย่างการรักการเรียนรู้ ต่อยอดความรู้ให้เขาดูเป็นตัวอย่างด้วย
5. จิตวิทยา/อารมณ์ขันในระหว่างการสอน เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดความตั้งใจ หรือเกิดแรงบันดาลใจในการอยากเรียน อยากปฏิบัติตามในสิ่งที่เราได้สอน จริง ๆ ที่เหนื่อยในการสอนคือตรงนี้ เพราะต้องหาเทคนิคใหม่ ๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการติดต่อสื่อสาร ต้องรู้ว่านักศึกษาคิดอย่างไร ...พลิกตำราวิชาการตลาดที่เรียนมาทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท มาใช้แทบไม่ทัน
ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่อยากเล่าต่ออีกมากค่ะ ขอเชิญสมาชิกแสดงความคิดเห็นหรือให้คำแนะนำเกร็ดความรู้อื่นที่คิดว่าดิฉันจะมาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ไม่มีความเห็น