ดูจากข่าวในทีวีแล้วเห็นว่าเดี๋ยวนี้คนไทยหันมาให้ความสนใจเรื่องการบ้านการเมืองกันมากกว่าแต่ก่อนเยอะ...เลย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ถ้าหากเป็นไปด้วยการเคารพในกติกาของกฏหมายบ้านเมืองและ เคารพในสิทธิของผู้ก็จะดีไม่น้อย...
การออกมาแสดงความคิดเห็นของกลุ่มคนแต่ละกลุ่ม รวมไปถึงรัฐบาลก็ย่อมทำได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยกล่าวเอาไว้ว่านี่เป็นวิถีทางแห่งประชาธิปไตย และขอให้กระทำทุกสิ่งให้อยู่ในกรอบแห่งกฏหมาย
มาวันนี้ผมเห็นว่าคนไทยเราใช้อิสระและเสรีภาพกันอย่างฟุ่มเฟือยจนไม่สร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นตอบโต้กันไปตอบโต้กันมา ผมฟังดูจนไม่รู้แล้วว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก ผลแห่งการตอบโต้กัน ตามมาด้วยคดีความและฟ้องร้องกันวุ่นวาย รัฐบาลควรอย่างมากที่จะหันมาแสวงหาความร่วมมือในประเทศบ้าง คงไม่มีประโยชน์ถ้าบ้านเมืองรุ่งเรืองแต่คนในบ้านจะฆ่ากันเพราะมองต่างกัน พูดต่างกัน เห็นต่างกัน ขณะที่รัฐบาลก็กระหายหาอำนาจ แย่งพื้นที่ข่าวกับฝ่ายตรงข้ามของตนอยู่อย่างนั้น
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการปฏิวัติและรัฐประหารครั้งที่ผ่านมา ก็เป็นเหตุผลของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อ้างว่ารักประเทศไทย ...แต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นการทำลายประชาธิปไตยของคนอีกกลุ่มหนึ่ง เหมือนว่าเขาถูกรังแกเพราะมีแต่กำลังแต่ไม่มีปืน ก็เหมือนถูกข่มเหงและข่มขู่จากผู้ที่พร้อมจะทำร้ายชีวิตเขาได้
กฏหมายรัฐธรรมนูญที่ร่างภายหลังรัฐประหาร ถูกเขียนขึ้นมาในขณะคนอีกกลุ่มไม่เห็นด้วยเพราะว่าไม่ยอมรับ สร้างความไม่พอใจ นำไปถึงขาดความศรัทธา เพราะถูกเขียนขึ้นมาขณะที่สถานการณ์ไม่ปกติย่อมมีข้อตำหนิ อคติ ปนอยู่ก็เป็นไปได้ ประชาธิปไตยมิใช่การบีบบังคับที่กันยอมรับกันได้ง่ายๆ ยิ่งคนไทยมีการศึกษาที่สูงขึ้น มันไม่ง่ายๆ หรอกนะครับ ผลร้ายที่ตามมาเพราะคนไม่ยอมรับในกฏหมายความวุ่นวายย่อมเกิดขึ้น กลุ่มคนบางกลุ่มมองว่ารัฐบาลอยู่เหนืออำนาจเหล่านั้น ย่อมเอาเปรียบฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ใครเป็นรัฐบาลก็เหนื่อย ใครเป็นทหารก็ถูกด่าแถมสาปแช่งอีกเพราะเป็นรั้วปกป้องของชาติอยู่ดีๆ ดันมาฉีกประชาธิปไตย ฉีกให้แบ่งให้แตกให้แยกกันนี่นา
ถ้าเราทุกคนเป็นผู้ใหญ่เห็นเด็กทะเลาะกัน เราก็คงจะแนะนำให้เด็กคืนดี ให้อภัยและกลับมารักกันเหมือนเดิม
และถ้าท่านเป็นผู้ใหญ่ของบ้านนี้เมืองนี้ล่ะ.....ท่านจะทำอย่างไร ?
เราทุกคนต่างรักคนในครอบครัวและปรารถนาที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ประเทศไทยเป็นเหมือนครอบครัวใหญ่นะครับ...ผมเป็นเสียงหนึ่ง...ที่อยากเห็นประเทศไทยสงบสุขโดยถ้อยคำของพระเจ้าที่แนะนำเอาไว้ว่า
"จงรักเพื่อนบ้าน เหมือนรักตนเอง" น่าเก็บไปคิดนะครับ
ดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดดีดีดีดีดีดมากมายเลยถ้าประเทศไทยเป้นแบบนี้บ้าง
เป้นประเทศที่สงบ เรีบยร้อย ไม่มีการโต้ตอบกัน
ไม่มีการแบ่งฝ่าย มีแต่คนรักชาติ เห้นแก่ผู้อื่น รักคนที่อยู่ร่วมโลก
ประเทศไทยจะมีบ้างไหม????
กรูอยากอยู่ต่างประเทศแล้วเว้ย
อยู่ที่สำนึกของเราทุกคนแล้วล่ะครับ..ถ้าทุกคนร่วมมือกัน เป็นไปได้แน่นอนครับ
ใจเย็นๆๆๆ...