-
วิธีมีความสุข
บทวิจัยหนึ่งระบุไว้ว่า เวลาเราตื่น คลื่นสมองที่มีความถี่สูงจะเป็นตัวแสดงจิตสำนึกว่าเราตื่น จิตที่ตื่นเป็นการทำงานของสมองเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้าเราอยากให้สมองทำงานได้ดีมากขึ้น เราต้องใช้ 90 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ...
90 เปอร์เซ็นต์ที่ว่านั้นจะได้จากการที่เราทำให้คลื่นสมองช้าลง
ช้าที่ว่านี้ ก็แค่ทำอะไรให้ช้าลง ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ใส่ใจในรายละเอียดรอบตัวไม่ต้องเร่งรีบหายใจช้าๆ ใช้ชีวิตเรียบง่าย อย่าที่เขาเรียกว่า slow living แค่ใช้ชีวิตเชื่องช้า ชีวิตสุขๆ ก็จะกลับคืนมา
′ความช้า′ ที่ว่านี้ กำลังเป็นกระแสอยู่ในยุโรปกับอเมริกาหารู้ไม่ว่า ซีกโลกของเราดำเนินกันมาอย่างยาวนาน
จะว่าไปแล้ว กระแส slow living ที่กำลังฮิตนั้นสอดคล้องกับคำสอนของท่าน ′ติช นัท ฮันห์′ พระมหาเถระ นิกายเซน แห่งหมู่บ้านพลัม ท่านมีวิธีการสร้างความสุขง่ายๆ ได้ด้วยการ′เริ่มจากตัวเอง′เริ่มจาก...
- สลัดนัด หยุดตารางเวลา แล้วหันไปทำกิจวัตรประจำวันอย่างช้าๆ ทำทุกอย่างด้วยการผ่อนคลาย ตื่นสายอีกนิด อาบน้ำให้นานสักหน่อย กินอาหารเช้าดีๆ เปิดประตูหน้าต่างรับอากาศสดชื่น สำรวจรอบบ้าน อ่านหนังสือ หรือลงมือทำกิจกรรมที่ตั้งใจไว้แสนนานเสียที หรือจะจัดบ้านใหม่ก็ได้ที่สำคัญ ทำด้วยความสุขและสบายใจ
- ตัดกิจกรรม หันมานั่งนิ่งๆ ดูลมหายใจว่าเข้า-ออกเป็นอย่างไร บางทีการนั่งนิ่งๆ แบบไม่คิดอะไร อาจจะเปิดทางออกบางประการให้ก็เป็นได้
- ใส่ใจธรรมชาติ ด้วยการดูพระอาทิตย์ ดูเมฆที่เปลี่ยนรูป ชื่นฉ่ำกับลมธรรมชาติ นั่งในร่มไม้ ดมกลิ่นหอมของดอกไม้ ใบหญ้า ชมดาวชมพระจันทร์ แทนการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือหน้าทีวี เป็นการเอาธรรมชาติมาช่วยบำบัดกายใจ
- อย่าขยาดความเหนื่อย จะใช้วิธีวิ่ง เดิน ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ฯลฯ อะไรก็ได้ทั้งนั้น ยิ่งออกกำลังกายมาก เสียงพูดในหัวก็จะยิ่งค่อยลง ยิ่งเหงื่อออกมากเท่าไร ความปลอดโปร่ง ก็จะเข้ามาแทนที่ สารแห่งความสุขจะหลั่งไหล แถมร่างกายจะแข็งแรงขึ้น
- ปล่อยใจเรื่อยๆ เหมือนศิลปิน หยิบดินสอมาขีดๆ เขียน ปล่อยความเป็นเด็กให้โลดแล่น อยากทำอะไรก็ทำ งานอะไรก็ได้ ไม่ต้องห่วงสวย ยิ่งใครชอบถักนิตติ้งยิ่งดี เพราะมีการพบว่ากิจกรรมนี้ทำให้ใจสงบ สร้างสมาธิ ล้างความเหนื่อย ความเครียด แรงกดดันได้
- ฟังเสียงคนอื่นบ้าง การได้ฟังคนอื่นพูด หรือแลกเปลี่ยน สารทุกข์สุกดิบของกันและกัน ไม่ว่าความเหนื่อยล้า เรื่องอกหัก ความทุกข์ใจ ความยากลำบาก จะทำให้กลับมามีสติได้อีกครั้ง ทำให้เรารู้ว่าเรายังมีคนอยู่เคียงข้างกันเสมอ รวมทั้งอย่าหลงลืมที่จะเรียนรู้คนใกล้ตัว คนที่บ้าน หากิจกรรมทำร่วมกัน ดูคุยบอกเล่าความรู้สึกภายในใจให้รู้ รู้จักกล่าวขอโทษ ขอบคุณ และหมั่นเติมความรักอยู่เสมอ
- ถ้ามีเวลาว่างจงทำประโยชน์เพื่อสังคม เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว ให้อาหารนก เก็บขยะใกล้บ้าน นำของที่ไม่ใช้แล้วมาทำความสะอาดแล้วไปบริจาค หรืออาจจะเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมอื่นๆ ก็ได้
(ดูได้ที่ http://www.volunteerspirit.org)
- ท้ายสุดอย่าลืม ยิ้มยิ้มให้ตัวเองอย่างจริงใจ กว้างๆ ใสๆ เผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างด้วย แล้วจะพบว่าความสุขใจที่ไม่ต้องใช้สตางค์แบบนี้นั้นแสนวิเศษ ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ นี่แหละวิธีการง่ายๆ ที่ไม่ต้องเสียเงินไม่ต้องไขว่คว้า ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องดิ้นรน สิทธิการครอบครองความสุขก็เป็นของเราได้อย่างสมภาคภูมิ.
อนงค์ ปะนะทัง
16ส.ค. 52
สวัสดีค่ะครูพี่นงค์
วันอาทิตย์สบายๆ ค่อยๆ ละเลียดสะสาง กาย ดูใจ ใช่ไหมคะพี่
ชอบอ่านงานเขียน ท่านติช เหมือนกันคะ แต่ปูยังไม่ค่อยรู้เรื่อง J
ตอนนี้ต้องเริ่มต้นจัดระเบียบชีวิตใหม่อีกครั้งค่ะ ก่อนปักหลักซะที
ชวนพี่ครูนงค์ ไปสโลว์ซบ อิ อิ ไปเดินเล่นช้าๆ ที่เกาะพีพีค่ะ
ขอบคุณมากมายค่ะ ที่เข้ามาทักทายให้กำลังใจ ดีใจมากๆๆเลย ที่ได้พบเพื่อนใหม่ ( หรืออาจจะเป็นพี่ใหม่ก็ได้ )แล้ววันหลังมาทักทายกันใหม่นะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
เรียน พี่นง ความสุข เริ่มที่ใจเจ้าของก่อน อะ ท่าน
สวัสดีค่ะ
แม้แต้ตัวเองบางครั้งก็ลืมไปค่ะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณเรื่องราวแห่งการเกิดสุข
เหมือนโบราณว่า
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม
เป็นความจริงที่การได้อยู่กับตัวเอง
เป็นช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์จริงๆค่ะ
ปล่อย และวางทุกสิ่ง ก่อนหลับตา ลาคืนวันนะคะ
สวัสดีค่ะคุณนิด She
ใช่ค่ะ.. บ้านทำให้เรามีความสุขมาก
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะอ. JJ
จะสุข จะทุกข์ อยู่ที่ใจ เห็นด้วยค่ะท่าน
สวัสดีค่ะพี่ ตันติราพันธ์
ด้วยความขอบคุณ
สวัสดีค่ะ คุณพี่อนงค์
อ่านแล้วรู้สึกมีความสุขมาก ๆ และได้เรียนรู้วิธีสร้างสุขให้แก่ตนเองโดยไม่ต้องใช้เงินทองเลย ......เยี่ยมเลยค่ะ
ครูตาสร้างสุขให้กับเด็ก ๆ ในห้องเรียนด้วยค่ะ
ยินดีค่ะ จะได้ ลปรร มากยิ่งขึ้น