เพลงของอริสมันต์ ตอนหนึ่งว่า "ฉันมีพรุ่งนี้ กับเพียงวันนี้ ไม่มีวันวานให้กับใคร...." และทำให้นึกถึงแนวคิดในพุทธศาสนาตอนหนึ่งว่า อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ โกชญฺญา มรณํ สุเว..." เรื่องนี้น่าคิด
อดีตที่ผ่านมา ก็ขอให้ผ่านไป โดยไม่ต้องไปคิดอะไรมากนอกจากบทเรียนประสบการณ์ชีวิต เรายังมีชีวิตที่เดินก้าวไปในวันนี้และวันพรุ่งนี้ แม้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีหรือไม่ก็ตาม หรือถ้าไม่มีภาษาว่าพรุ่งนี้ เราก็จะไม่มีพรุ่งนี้ แต่ไมได้หมายถึงการปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไปตามยถากรรม ในข้อนี้สอนให้คนไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่อาจที่จะลืมอดีตได้ วันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ผม เบียร์ และประกาศิต จึงไปย้อนอดีต เราไปปฏิบัติธรรมที่สระบุรี น่าปลื้มใจยิ่งเมื่อเห็นคนนุ่งขาวห่มขาวมาร่วมปฏิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมาก แต่ก็น่าเวทนาเมื่อเห็นคนจำนวนมากที่เป็นวัยผู้สูงอายุ แต่ก็คิดอีกว่า ก็ยังดีที่ตัดสินใจได้ทัน ผมพูดกับ ประกาศิตว่า ถ้าผมมีลูกผมยอมให้ลูกมาโง่เรื่องสังคมภายนอกอยู่ภายในวัดดีกว่า ดีกว่าให้ฉลาดตามคลับตามบาร์ ประกาศิตเห็นด้วยในข้อนี้ "ผมก็เช่นกัน ให้มันโง่เรื่องคลับเรื่องบาร์จะดีกว่า"
เราได้ปฏิบัติธรรมกันเพียงครึ่งวัน ผมพบว่า ครึ่งวันไม่เพียงพอสำหรับผม ผมต้องการสิ่งนั้นคืนมา และยากหน่อยที่จะนำมันกลับคืนมาได้ มันผ่านไปแล้วหลายปี การปฏิบัติธรรมครึ่งวันเป็นข้อจำกัดสำหรับเราที่จะต้องรีบมาสะสางงานบางอย่าง แต่ก็ยังดีสำหรับเราที่ยังมีโอกาสได้ไปในที่เช่นนั้น แม้ภายในจะร้อนรนโดยหาสาเหตุไม่ได้ก็ตาม ร้อนคล้ายกับฝนจะตก แต่ไม่เห็นฝนตก จะนั่งสมาธิหรือเดินจงกรม ดูเหมือนกระสับกระส่ายอย่างไร้สาเหตุ (ต้องมีสาเหตุ เพียงแต่หาไม่พบ) แต่เราก็ทำสำเร็จ หลังจากทำบุญที่ปฏิบัติธรรมแล้วเราก็เดินทางกลับ อยากต่อแต่ภาระบางอย่างให้เราต่อไม่ได้ แน่ละ หากโอกาสให้ ผมก็จะหยิบโอกาสนั้นอีก "เราควรทำกิจที่ควรทำเสียตั้งแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจะมีในวันพรุ่งนี้...."