ธรรมชาติคือครู (ตอนที่ 3) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์กวี วรกวิน
รายการธรรมชาติคือครู 2 ครั้งที่แล้ว ได้กล่าวถึงคุณสมบัติทางธรรมคือเรื่องความสมดุลและเรื่องของความว่างเปล่ามาพิจารณา ผู้อ่านอาจจะมีความเข้าใจว่าสิ่งที่กล่าวถึงไม่มีตัวตน ค่อนข้างจะนามธรรมไม่ใช่รูปธรรม แต่ยังมีธรรมชาติสิ่งที่เป็นนามธรรม แต่ว่ามีความเกี่ยวข้อง มีอิทธิพลมีผลต่อชีวิตมนุษย์มากมาย เวลาเราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ถ้าคิดเป็น ธรรมชาติคือครูในครั้งนี้จึงจะนำเรื่องของตำแหน่ง แหล่งที่ มาพิจารณา
ตำแหน่งแหล่งที่เป็นคุณสมบัติติดตัวของสรรพสิ่งที่ปรากฏขึ้นบนผิวโลกสิ่งที่เป็นรูปธรรม คนสนใจ คนชอบมองเห็น เวลาที่เกิดขึ้นมาแล้ว คุณสมบัติที่ติดตัวอันหนึ่งคือเรื่องของตำแหน่ง เรื่องของที่ ที่อยู่ ที่ตั้งอะไรต่างๆเหล่านี้มีหมด
ตัวอย่างเช่นมนุษย์เกิดมาก็มีที่อยู่แล้ว หรือสิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ได้ ถ้าปรากฏจะมีที่ตั้งอยู่ และสิ่งที่เคลื่อนที่ได้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็จะมีที่อยู่ คำว่าที่จึงเป็นคุณสมบัติที่สรรพสิ่งในโลกมี ทุกอันมี ทุกสิ่งมี ทุกสรรพสิ่งมี
บางคนเรียกว่าที่ ตำแหน่ง แหล่ง ที่ตั้ง ที่อยู่ ที่อาศัย สิ่ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งในธรรมชาติมีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ มนุษย์เกิดมาก็จะมีสิ่งเหล่านี้ มนุษย์สร้างสรรค์ร่วมกับธรรมชาติ สิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นวัฒนธรรม ก็จะมีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่
เนื่องจากคนเราไม่ค่อยได้พิจารณาสิ่งที่เป็นนามธรรม เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อมองไม่เห็นก็จะไม่รู้จัก เมื่อไม่รู้จักก็จะไม่เข้าใจ ไม่มีโอกาสได้คิด เมื่อไม่มีโอกาสได้คิด คุณค่าของสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น เมื่อไม่เกิดขึ้นเราก็ไม่เห็นประโยชน์ทำให้ไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์
ตำแหน่งแหล่งที่ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทางกายภาพ แผ่นดิน ภูมิประเทศ พืชพันธุ์ธรรมชาติ สิ่งต่างๆที่มีอยู่ตามธรรมชาตินี่เป็นลักษณะทางกายภาพทั้งหมด
ความจริงทุกสิ่งทุกอย่างมีตำแหน่ง แหล่งที่ในตัวของมัน เมื่อพิจารณาร่วมกับสิ่งอื่นๆแล้วมันจะมีความสัมพันธ์กัน ส่วนตำแหน่งก็มีที่ใช้กับมนุษย์ก็มีคุณสมบัติตำแหน่งที่ได้ในเชิงสังคมก็คือ ตำแหน่งลูก พ่อแม่มีลูก ตำแหน่งของพ่อก็เกิดขึ้น ของแม่ก็เกิดขึ้น คือมีจุดที่ตั้งของตนเองว่าเป็นอะไร ที่อยู่ตำแหน่งโรงเรียนก็เป็นครู ครูที่เป็นหัวหน้ารงเรียนก็เป็นตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ เจ้าอาวาสที่วัดปกครองลูกวัดก็มีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส นายกรัฐมนตรีก็มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับประเทศ ซึ่งเป็นการพิจารณาในแง่บุคคล
นอกจากมีตำแหน่งที่อยู่อาศัยกับธรรมชาติ ในตำแหน่งทางสังคมนี่ทุกคนก็มีตำแหน่งของตนเอง ตำแหน่งเหล่านี้มีความสำคัญ ธรรมชาติ เช่น ทางกายภาพ ตำแหน่งที่เป็นภูเขา มีคุณสมบัติที่เป็นที่สูง
ถ้าคนเรียนรู้เรื่องที่สูง ที่ลาดเอียง หรือที่ต่ำ ตัวอย่าง 3 ตัวอย่างนี้มีคุณสมบัติของมัน ถ้าไปอยู่ที่สูงมันก็เสี่ยง เสี่ยงพร้อมที่จะตกลงมา ที่สูงมันอยู่คู่กับที่ต่ำ ถ้าใครอยู่ที่สูงมันก็จะมีโอกาสหล่นลงมา
หากมองในแง่ลบ ซึ่งมองในแง่บวก คนที่อยู่ในตำแหน่ง ณ ที่สูงนี่ คุณสมบัติที่จะมองกว้างไกล มองได้เป็น 3 มิติ มองสิ่งต่างๆได้มองเห็นได้ทั้งระบบ มองเห็นภาพองค์รวมได้ เหมือนกับคนนั่งเครื่องบิน ตำแหน่งที่สูงมีความสำคัญ ความสามารถทำให้มนุษย์มองเห็น ซึ่งมนุษย์จะมองเฉพาะว่าเราไปอยู่ที่สูง มองไปโดยรอบ ในแง่ทางธรรมชาติอย่างที่ต่ำ ที่ลุ่ม ที่ต่ำกว่า คนที่เข้าใจคุณสมบัติอันนี้เป็นที่ต่ำ อะไรทั้งหลายสิ่งสกปรกที่ถูกพัดมาก็จะลงสู่ที่ต่ำ
เพราะฉะนั้นคนที่รู้ตำแหน่งแหล่งที่ ถ้ารู้คุณสมบัติของที่ต่ำ ก็จะรู้ว่าเป็นคุณสมบัติของของที่สะสม โอกาสที่จะสกปรก มีเชื้อโรค โอกาสที่จะอุดมสมบูรณ์ด้วยทานอาหาร โอกาสที่จะผสมผสานมากมาย มันอยู่ที่ต่ำ ที่ลาดเอียงระหว่างพื้นที่บนที่สูง ระหว่างพื้นที่ต่ำนี่ บนพื้นที่ลาดเอียง
ถ้าคนรู้จักตำแหน่ง รู้จักที่ รู้คุณสมบัติของพื้นที่ลาดเอียง รู้คุณสมบัติของพื้นที่ลาดเอียง บนพื้นที่ลาดเอียงจะอยู่นิ่งไม่ได้ สิ่งที่อยู่บนพื้นที่ลาดเอียงต้องไปสู่พื้นที่ต่ำ เพราะฉะนั้นบนพื้นที่ลาดเอียงหรือไหล่เขา ตำแหน่งแหล่งที่ตรงนี้อันตราย เพราะจะเกิดการเลื่อนไหลอยู่ตลอดเวลา
ธรรมชาติส่วนนี้สอนให้คนที่รู้จักคิด คนที่มองพื้นที่ธรรมชาติเป็นก็จะไม่ไปอยู่บนพื้นที่ไหล่เขาหรือว่าพื้นที่ลาดเอียง เพราะว่ามันไม่มีความคงทนถาวร มีโอกาสที่จะเลื่อนสู่ข้างล่างมาได้เสมอ หรือคนที่ไปอยู่ที่สูงเช่นกัน ถ้าเรียนรู้จากธรรมชาตินี่อยู่ในที่สูงตกลงมายิ่งสูง ถ้าตกลงมาก็ยิ่งเจ็บ แตกสลาย หักพัง
เพราะฉะนั้นคุณสมบัติของที่สูงตามธรรมชาติแล้ว ใครที่ไปอยู่ที่สูงก็ไม่ควรเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่สูง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ต่ำ หรือไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งพื้นที่ลาดเอียง จะเห็นว่าธรรมชาติมีคุณสมบัติของแหล่งตำแหน่งที่อยู่และธรรมชาติอันนั้นสร้างกระบวนการที่ทำให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้ได้
แหล่งที่ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่ว่าเราจะอยู่ ณ ตรงไหน มีความหมาย มีความสำคัญ ซึ่งเป็นตัวอย่างเรื่องของธรรมชาติ ด้านตัวอย่างเรื่องของมนุษย์ในเชิงสังคมเรื่องของมนุษย์ ตำแหน่งแหล่งที่เป็นเรื่องสำคัญ เช่น ตำแหน่งครูใหญ่ ตำแหน่งเจ้าอาวาส ตำแหน่งผู้อำนวยการ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่ง ผู้นำ เป็นตำแหน่งผู้บริหาร ที่เราเข้าใจตำแหน่งอันนี้ รู้คุณสมบัติอันนี้ต้องรู้จักหน้าที่ของตำแหน่ง อาจารย์ใหญ่ต้องบริหารหาเงิน ต้องบริหารครูน้อย นักเรียนหรือตำแหน่งนักเรียนต้องรู้ว่านักเรียรนมีหน้าที่เรียนหนังสือ อยู่บ้านต้องช่วยคุณพ่อคุณแม่ กลับไปบ้านการบ้านที่ครูให้ไปต้องทำ จะเห็นว่าตำแหน่ง แหล่งที่ ก็เท่ากับรู้จักตนเอง
เพราะฉะนั้นคนที่รู้จักคุณสมบัติของตำแหน่งแหล่งที่ต่างๆ ก็จะสามารถเข้าใจตนเอง ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุดที่คนหรือมนุษย์ไม่ค่อยมองเห็น เป็นเพราะว่ามนุษย์มองเป็นสายตาของมนุษย์ ตำแหน่งที่ตั้งของสายตานี่ตั้งติดอยู่กับที่ตัวแล้วก็มองออก เพราะฉะนั้นมนุษย์มองเห็นคนอื่นตำแหน่งของคนอื่น แต่มนุษย์นี่จะไม่ค่อยมองเห็นตนเอง เพราะมนุษย์ไม่ค่อยมองเห็นตนเอง แต่มองเห็นคนอื่น
การมองเห็นเรื่องของคนอื่น ทำให้รู้เรื่องของคนอื่น รู้เรื่องรู้ธรรมชาติของคนอื่น แต่ว่าตนเองมองไม่เห็น ถ้ามนุษย์ที่ฉลาด สังเกตสิ่งที่มองเห็นนั้นตำแหน่งแหล่งที่ของคนอื่น เพื่อนฝูง พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ซึ่งหากเป็นคนช่างสังเกต จะทำให้เห็นว่าคนอื่นมองเห็นไม่เหมือนกับเรา ตอนแรกพวกเรามองไม่รู้จักเขา ไม่เห็นตนเอง ตนเองไม่เห็นตำแหน่งตนเอง แต่พอไปดูคนอื่น รู้ว่าคนนั้นไม่เหมือนเรา รู้ตนเองว่าทำไมเราไม่เหมือนกับคนที่เรามองคุณสมบัติของมนุษย์คือ มองไม่เห็นตนเอง ไม่เห็นตำแหน่ง แต่เมื่อไปเห็นคนอื่น เป็นตำแหน่งคนอื่น ทำให้เรารู้ว่าคนอื่นไม่เหมือนเรา ทำให้รู้จักตนเองว่าเราไม่เหมือนคนอื่น
การเอาคนอื่นเป็นกระจกส่องตนเองเหมือนกับเรามองกระจก มีกระจกสะท้อนเข้ามา เราจึงมองเห็นตนเอง ไม่มองกระจก ก็ไม่รู้ โดยธรรมชาติ คนอื่นไม่เหมือนเราก็ทำให้เราไม่เหมือนคนอื่น คนอื่นเป็นกระจกส่องให้เรารู้ เช่น เรารู้จักเพื่อนไม่เหมือนเราและเราก็รู้ว่าไม่เหมือนเพื่อน เมื่อเรารู้จักเพื่อนอีกคนหนึ่ง เราก็จะรู้ตนเองมากขึ้นว่าเราอยู่ตำแหน่งไหนของเพื่อนทั้งสองคนนั้น เช่น เพื่อนอีกคนหนึ่งกว่าเรา เก่งกว่าเรา แต่เพื่อนอีกคนหนึ่งแย่กว่าเรา ทำให้เรารู้ว่าเราอยู่ตรงกลาง ตำแหน่งตรงกลาง
เพราะฉะนั้นธรรมชาติเรื่องการรู้ตำแหน่งแหล่งที่ ถ้าเราไปรู้จักเพื่อนฝูงมากขึ้น รู้จักสิ่งอื่นมากขึ้น ทำให้เรารู้จักตนเองดียิ่งขึ้น เช่น เรารู้จักเพื่อนเพิ่มอีก4-5 คน ก็จะรู้ว่าตนเองอยู่ตรงไหน
ธรรมชาติเรื่องของตำแหน่งแหล่งที่นี้ก็อยากให้ทุกคนเอาธรรมชาติติดตั้ง มานั่งคิดและมานั่งมอง ทำให้เรารู้จักตนเอง การรู้จัก การสังเกตสิ่งแวดล้อม การมองเห็นสิ่งต่างๆอย่าง ช่างสังเกต อย่างพิจารณาทำให้เรารู้จักตนเองมากขึ้น เพราะฉะนั้นคนที่ไม่เคยไปไหน ไม่เคยได้เห็นสิ่งใดๆ และคิดว่าตนเองมีความเชี่ยวชาญ มีความลำพอง คิดว่าตนเองเก่งกาจ ภาษิตเรียกว่า กบในกะลา คนที่ไม่เคยมองในสิ่งต่างๆไม่เคยสังเกตสิ่งแวดล้อม ไม่เคยคบเพื่อน ไม่เคยออกจากบ้าน ก็จะไม่รู้ตำแหน่งของตนเอง ก็จะไม่รู้ว่าตนเองอยู่ ณ จุดตรงไหนของสังคม ระดับเพื่อนฝูงแล้ว
ดังนั้นคุณสมบัติเรื่องของตำแหน่งหลายๆคนลองหันกลับมามองว่าตำแหน่งแหล่งที่นั้นมีความสำคัญ นอกจากเราเข้าใจเรื่องของตำแหน่งแหล่งที่ของสิ่งต่างๆ ถ้าเรามองขยายกว้างออกไป เรื่องของสิ่งแวดล้อม ตำแหน่ง แหล่งที่ของสิ่งต่างๆ เราจะไปมองระบบความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งแหล่งที่ของสรรพสิ่งของตนเองสัมพันธ์กับตำแหน่งของสิ่งต่างๆที่อยู่โดยรอบเรายังไง ทำให้มีผลซึ่งกันและกัน
ยกตัวอย่างเช่นตำแหน่งแหล่งที่ของเราอยู่ใต้ลมนี่ ไปมองพิจารณากับธรรมชาติ ลมที่พัดผ่านมานี่ บ้านเรามีตำแหน่งใต้ลม เหนือลมมีคอกหมู คอกวัว คอกปศุสัตว์ ตำแหน่งแหล่งที่ของเราก็จะลำบากจะได้รับกลิ่นเหม็น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พิจารณาตำแหน่งแหล่งที่สัมพันธ์กับตำแหน่งอื่นๆ หรือหากบ้านเราอยู่ใต้น้ำ บ้านเพื่อนอยู่ต้นน้ำ เพื่อนทำความสกปรกก็จะส่งผลมาถึงเรา อย่างเช่นเรื่องของตำแหน่งแหล่งที่ หมายความว่า เราเอาที่อยู่อาศัยเราไปสัมพันธ์กับตำแหน่งแหล่งที่ของสิ่งอื่นๆ
หากทุกคนมาพิจารณาตำแหน่งแหล่งที่ของสรรพสิ่งว่ามีความหมาย ตำแหน่งแหล่งที่ของธรรมชาติเหล่านั้นมีคุณสมบัติเฉพาะ โดยธรรมชาติแล้วต้นไม้ที่มีรากยาว อยู่ในที่ดอน ต้นไม้ที่มีรากสั้นพืชล้มลุกจะอยู่ในที่ลุ่ม สิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์โดยระบบธรรมชาติ
ตำแหน่งแหล่งที่ต่างๆโดยระบบธรรมชาติถ้าใครสังเกตเรียนรู้ธรรมชาติได้ดี ธรรมชาติจะสอนเรา จะให้ความหมาย ถ้ามองในเชิงสังคมในเชิงมนุษย์ ตำแหน่งทางสังคมมีความสำคัญมากๆ บางคนมีตำแหน่งซ้อนกันหลายตำแหน่ง เป็นครูด้วย อยู่ที่บ้านก็เป็นคุณพ่อคุณแม่ พอออกนอกโรงเรียน ก็มีตำแหน่งเป็นแม่ค้า บางทีเรามีตำแหน่งซ้อนกันอยู่ ตำแหน่งเหล่านี้สำคัญ มีการบ่งบอกสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติอยู่ จึงมองได้ว่าตำแหน่งเกิดมาโดยธรรมชาติ
สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นมาก็มีตำแหน่งและมีที่อยู่ ไม่มีที่อยู่ก็เป็นที่ตั้ง สิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ได้ก็เป็นที่ตั้ง ที่ตั้งหรือที่อยู่อาศัย ในแง่สังคมมนุษย์อยู่ที่ว่าเกิดมาเป็นอะไร ตำแหน่งหน้าที่การงานที่เราสร้างขึ้น เป็นตำแหน่งทางสังคมวัฒนธรรม หากทุกคนหันมามองว่า สิ่งที่เราไม่เคยมอง ไม่เคยคิด ไม่เคยพิจารณานี่มันอยู่ มีอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมนั้นๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ต่ำ พื้นที่ลาดเอียง หรือว่าตำแหน่งแหล่งที่ใดๆ มีความสำคัญต่อสิ่งนั้นมีสมบัติต่อสิ่งนั้น
ดังนั้นอยู่ตรงไหนก็สำคัญ ท่านมีตำแหน่งงานต่อสังคมอย่างไร ให้หันมาพิจารณาว่าแหล่งที่มีความหมายหรือไม่ รู้จัก และเข้าใจหรือไม่ มองเห็นคุณค่าตำแหน่งแหล่งที่นั้น สังเกตว่ามองเฉพาะตนเองหรือสัมพันธ์เฉพาะกับสิ่งอื่นๆก็ได้ มันจะมีความหมายมีคุณค่าขึ้นมา
เพราะฉะนั้นธรรมชาติคือครูตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า หากทุกคนมองคุณสมบัติในเรื่องของตำแหน่ง หรือคุณสมบัติของสรรพสิ่ง ถ้าเราเอาตำแหน่งแหล่งที่ในธรรมชาติมามองในเชิงมนุษย์ ก็ช่วยสอนสังคมช่วยสอนมนุษย์เหมือนกัน ตำแหน่งแหล่งที่เป็นแหล่งธรรมชาติอย่างหนึ่ง จึงอยากให้สังเกตธรรมชาติว่าที่สูงนั้นอันตราย ถึงจะโดดเด่น ถ้าตกลงมาก็เจ็บ แต่ก็ไม่ควรทำตัวต่ำมาก มันจะสะสม สกปรก โสโครก
อย่างไรก็ตามควรนำธรรมชาติเหล่านี้มาพิจารณา มองคุณค่าจากธรรมชาติแล้วเปรียบเทียบกับมนุษย์ ซึ่งธรรมชาติแหล่งที่จะนำทางให้มนุษย์มองเห็นกระบวนการธรรมชาติที่เกิดขึ้น แล้วมนุษย์ที่อยู่ในสังคมก็จะเห็นการกระทำเหล่านี้ด้วย ธรรมชาติคือครูในครั้งนี้มีความหมายคืออยู่ตรงไหนก็สำคัญ
หนูต้องใช้เวลาอีกสักเท่าไรความรู้ถึงจะตกผลึกเหมือนอาจารย์ ภูมิใจจังที่ได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ค่ะ