ตาเหลิม
นาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

9. มีคนบอกผมว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ


นี่แหละเมืองพุทธ

.

.

.

ถ้าอ่อนไหวเรื่องศาสนา และเรื่องเพศ 

กรุณาอย่าอ่านเลยนะครับ ข้ามบันทึกนี้ไปเถอะ    จริงจังมากครับ 

.

.

.

 

ผมไม่เห็นว่าจะพุทธตรงไหนเลย 

คนไทยนิยมความรุนแรง ทั้งทางความคิด คำพูด และการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมเชิงอำนาจ 

เรามักจะควบคุมคนอื่น ควบคุมสังคม ควบคุมคนที่ด้อยกว่า 

เรามักสะใจเมื่อใครโดนลงโทษ เมื่อใครโดนรุมตีน หรือจะเรียกประชาทัณฑ์ก็ว่าไป 

 

เรามีบริการขายเซ็กส์ที่ถูกกฎหมาย สถานบริการทางเพศทุกหัวระแหงในเมืองใหญ่

เราให้คนเอากันได้แบบต้องซื้อขาย แบบต้องสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ

แล้วห้ามเด็กๆ เอากัน จากนั้นก็ป่าวประกาศไม่ให้เด็กมีเซ็กส์ก่อนวัยอันควร 

เราไม่เคยรู้ว่าวัยอันควรคืออะไร ?

 

แต่เราจะควบคุมมันให้ได้ โดยเฉพาะควบคุมเด็ก และเยาวชน 

พฤติกรรมเชิงอำนาจนิยม ซึ่งติดมาจากสถาบันต่างๆ ที่นิยมแบ่งชนชั้น 

คนรวย คนจน คนเป็นนายก ก็ว่าไป ... 

เราจะควบคุมคนที่ด้อยกว่าเรา ด้วยความเหนือกว่า ด้วยอำนาจในมือ 

ดังนั้น มันก็จะพุ่งเป้าไปที่เด็ก เยาวชน เพราะมันหือไม่ได้

ไม่แน่นะครับ เราอาจมีการตัดหัวเสียบประจานใครก็ได้ในอนาคต เหมือนยุคมืดในยุโรป

นี่คือเมืองพุทธ 

 

เราขายซีดีเถื่อนทั่วทุกหัวระแหง และสี่แยกไฟแดงใหญ่ ที่มีคนพลุกพล่าน 

ตำรวจรู้ว่าขายที่ไหนบ้าง แต่ไม่ไปจับ เพราะอาจจะเสียรายได้ 

เรามีการข่มขืนหญิงสาวกันเืกือบทุกวัน คนข่มขืนไม่รู้ว่าศาสนาอะไร แต่ก็บอกว่าพุทธ 

และเราก็เอาความเป็นพุทธ ไปประนามคนพวกนั้น ... 

 

และสามีข่มขืนภรรยา ก็ยังคงดำรงอยู่ในเมืองพุทธ อย่างลอยนวล 

ด้วยการถือเอาว่าชายเป็นใหญ่กว่าหญิง ... นี่เป็นเมืองพุทธ 

 

เรามีอิสระเสรีทางความคิด ที่ควรจะเหมือนๆ กัน...เป็นบลอกเดียวกัน  ไม่ควรต่างไปจากนี้

มึงๆๆๆ ควรคิดแบบนี้ รัฐจะบอกเราเองว่าควรคิดยังไง

เราควรยืนตรงเคารพธงชาติ เพราะมันแสดงถึงการเคารพชาติ แสดงความเป็น Unite 

แต่เรากลับไม่เคารพในความเป็นมนุษย์ และเคารพในความคิดเห็นของเด็ก 

 

เพลงชาติ ก็เป็นเพลงชาติสมัยปฏิวัติ สมัยท่านผู้นำ นั่นมัน ยุคฮิตเลอร์ชัดๆ

ทุกคนต้องสวมหมวก แต่งตัวดี ทั้งๆที่เป็นเมืองร้อน

เรารับวัฒนธรรมตะวันตก อย่างไม่ลืมหูลืมตา และโดยอำนาจรัฐขณะนั้น

เรามีท่านผู้นำเป็นทหาร บ้าอำนาจ บ้าพลัง ที่สั่งพวกมึงๆ ต้องยืนเคารพธงชาติ

ผมไม่เห็นว่า การต้องยืนตรง แสดงจุดยืนว่าเคารพชาติที่ตรงไหน?

ผมไม่อยากเคารพเพลงชาติสมัยปฎิวัติ เราเกลียดการรัฐประหาร เราบอกว่าเราเป็นประชาธิปไตย 

แต่เราเอาคำว่าประชาธิปไตยมากำหนดให้ทุกคนต้องทำเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ 

นี่เหรอวะความเป็นชาติ อิโธ่ 

 

เราถูกปลูกฝังเรื่องสร้างค่านิยม ให้คนเชื่อว่าต้องผลิตลูกเพื่อชาติ(ในกาลครั้งหนึ่ง)

เราเคารพเพลงชาติ ที่ต้องทำเมื่อผู้นำเผด็จการสั่งให้ทำ

เรายึดถือปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

แต่เรายอมรับไม่ได้ ที่จะเห็นคนสัก ไม่ว่าจะในร่มหรือนอกร่มผ้า ทั้งๆที่มันก็เรื่องของเค้า

เราชอบการตีตรา... ว่าคนทำผิดคืออาชญากร มันแก้ไขไม่ได้หรอก ....

นั่นอาจไม่ใช่ทุกคน แต่ก็มีอยู่มากทีเดียว ที่ิคิดแบบนี้ 

 

เรามักจะห้าม แต่ไม่ให้ทางออก เราวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง 

แต่เราไม่เสนอทางแก้ไข ดีแต่ด่าไปวันๆ กระนั้นหรือ

 

เราบอกว่าการเอากัน อย่างสนุกสนานของเด็กและเยาวชน เป็นเรื่องไม่พึงกระทำ

มีเด็กทำแท้งตั้ง แสนกว่าคน จากการสำรวจของผู้ใหญ่ ที่อยากควบคุม เพราะมีอำนาจเหนือกว่า

เราสอนเด็กๆ เรื่องการไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ เด็กๆ ก็เลยต้องหลบซ่อนๆ เหมือนเป็นอาชญากรรม

และพอเค้าท้อง ก็รุมประนาม อิโธ่ เมืองพุทธ

 

ถ้าเด็กมันยอมจะเอากัน ด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ล่ะ ...

ก็เค้าไม่รู้จะไปหาความรู้เรื่องการป้องกันตนเองจากไหน

อารมณ์ก็มีในมนุษย์ เกิดอารมณ์ จัดการไม่เป็น ก็เอากัน ... แล้วไง

ก็คนเป็นผู้ใหญ่ไม่สร้างทางเลือกให้เด็กนิ อย่าทำ อย่าๆๆๆๆๆๆ เยอะแยะไปหมด

สุดท้ายก็ไม่ได้ให้ทางออก

 

เราเป็นเมืองพุทธ เราคลั่งศาสนา เราโจมตีลัทธิ นิกายอื่น อย่างขาดพรหมวิหารธรรม

เราห่างไกลจากความรู้เท่าทันในโลก

และอ้างศาสนา มาเป็นเกราะกำบังในการทำร้ายคนอื่น เหอะ เมืองพุทธ   

 

เราต้องระบุศาสนาลงในรัฐธรรมนูญ เหมือนประกาศว่า กูนี่แหละเมืองพุทธ 

แต่เราไม่เข้าใจศีลห้าข้ออย่างถ่องแท้ 

และเพื่อการมีในรัฐธรรมนุญ เราจะได้กำหนดให้ลูกหลานของเรามีศาสนาเหมือนๆ เรา 

ผมเลือกขอไม่มีศาสนาดีกว่า และเลือกที่จะเคารพในทุกคำสอน ที่ดี และเปิดกว้าง 

 

เราอย่าอ้างความเป็นพุทธ หรือความเป็นชาติมาควบคุมใครเลยครับ 

มันไม่ดีหรอก เคารพในความแตกต่าง ความในสิทธิของคนอื่นบ้าง 

เราไม่ได้มีหน้าที่ต้องประนามใคร แต่เราต้องเคารพ ในคนอื่น 

ดังนั้น การถกเถียงกัน แม้อาจจะไม่มีข้อสรุป ก็ไม่ได้หมายความว่า มึงผิด... ใช่ป่ะ 

 

ปัญหาสามจังหวัด เราฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน ทหารฆ่าคน คนฆ่าทหาร 

เราฆ่าโจรไม่ผิดศีลเหรอ นี่แหละพุทธ 

ตำรวจทรมาณโจร ก็ไม่ต่างอะไรจากเป็นโจรเอง นี่แหละพุทธ สะใจดี 

เรากำลังทำสงครามศาสนากันเองในสังคม เป็นครูเสดในไทย ฮ่าๆๆๆ 

 

เราตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี ว่าสำส่อน ทั้งๆที่เขาอาจจะติดจากคู่รัก หรือคนที่เค้าไว้วางใจ 

เราสงสาร ดูแคลน และรังเกียจผู้ป่วยโรคเอดส์ แล้วเราก็เจียดเศษเดนความสงสารของเราไปช่วยเหลือ 

เป็นเศษเงิน เราทำเพื่อให้เราดูดีขึ้น มีความสุข ฉันใจบุญ

ทั้งๆ ที่เรื่องง่ายๆ เช่น การเปิดกว้างให้ถุงยางอนามัยถูกใช้ในการเอากัน ยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับได้ ... 

เราไม่ส่งเสริมให้คนเอากัน แต่เราก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน

ทำไมเราไม่ตระหนักว่ามันแสดงความรับผิดชอบง่ายๆ ได้โดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง หรือ ตรวจเลือด

ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เรารัก

ทำไมเราไม่บอกสังคมให้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง รอบด้าน ครอบคลุม แล้วให้คนตัดสินใจกันเอง 

นี่มันเมืองพุทธแบบไหน 

 

เราสามารถเห็นความรุนแรงได้จากการแสดงความคิดเห็นในเว็บบอร์ดที่กักขฬะ 

หยาบคาย ใช้ถ้อยคำรุนแรง ไร้เหตุผล ในหลายเว็บบอร์ด 

โดยใช้ความเชื่อทำร้ายคนอื่น ไม่เน้นการแลกเปลี่ยน แต่เน้นการด่าว่า 

อันนี้พบได้ในหลายที่ แต่อาจไม่พบมากใน G2K 

และเราก็ปล่อยให้ความรุนแรงเหล่านี้อยู่ในสังคม 

 

เราชอบอ่านเรื่องนินทาคนอื่น เพราะมันเป็นความอยากลึกๆ ที่แอบซ่อนอยู่

และเราก็บอกคนอื่นๆว่านินทาคนอื่นมันไม่ดีหรอก นี่ไงความเป็นพุทธ 

 

เรากดขี่คนอื่นๆด้วยความเป็นชาติ และศาสนา 

เรานิยมควบคุม และความรุนแรง 

เราด่าดาราที่แสดงหนังโป๊ บอกว่าไม่เหมาะสมกับเมืองพุทธ เพราะมันจะทำให้เด็กเอากัน 

ทั้งๆที่มันอาจจะทำให้ผู้ใหญ่เอากันก็ได้ 

 

เราไม่ได้ยอมรับความเป็นเพศที่แตกต่างและหลากหลาย 

จะเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด มึงจงไปไกลๆ อย่ามาใกล้กู (ว่าไปนั่น) 

การเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด เป็นทอม เป็นดี้ ในบ้านนี้เมืองนี้ จึงต้องเป็นคนเก่ง 

ถ้าริอยากจะเป็น แล้วเป็นคนไม่เก่ง จะไม่ได้รับการยอมรับ 

จะมีคนรอสมน้ำหน้าอย่างมาก ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิด 

อย่างน้องๆ วันเดอร์เกย์ ที่โดนสังคมรุมด่า ... นี่แหละเมืองพุทธ 

 

ผู้ใหญ่บ้านนี้เมืองนี้ 

นี่แหละเมืองพุทธ 

 

 

ถ้าแรงไปก็ยินดีแลกเปลี่ยน 

บันทึกนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจาก Bruno และ Genderism by โตมร สุขปรีชา

หมายเลขบันทึก: 286169เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2009 14:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 15:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

อืม แรงดีครับ เรื่องจริงที่ไม่พูดกัน 

เพราะถ้าพูดมาก เดี๋ยวเค้าจะไม่ยอมรับเอา 

นี่หรือเมืองพุทธ?!?

เขียนได้ตรงดีค่ะ

ใช้คำตรงๆ สื่อสารกันตรงๆ

เรื่องจริงที่คนไม่ยอมรับ

แรงจริงๆๆ แต่ก็เห็นด้วยเป็นช่วงๆๆ

คุณลืมไปอีกเรื่อง เรื่อง ห่วย

คนพุทธ อะไร หายใจ เข้า ออก เป็น ห่วย เป็น การพนัน เราว่า การพนันมันอยู่ในสายเลือดแล้วล่ะ ปุ๋ ย่า ตา ยาย คนไหนบ้างที่ไม่เล่นห่วย อย่างน้อย บ้านเราหลังหนึ่ง แล้วล่ะ ที่ ยายเราเล่นห่วย

ขอบอกจากประสบการณ์ละกัน คนไทยคบยาก ชอบด่า ชอบทำให้ตัวเองดูดี ดูสูง ดูฉลาด แบบประมาณว่า ถ้าคุณเห็นต่าง คุณก็คือ คนน่าโง่ เคยเข้าไปโพสต์ เว๊ปหนึ่ง ซึ่งเราบอกว่า ใครจะทำอะไร ก็แล้วแต่เขา ไม่ใช่เรื่อง ของเราจะมาด่า มาว่า เขาทำไม? โดนโพสต์กลับมาว่า เราเป็นคนโง่ ซะงั้น หาว่า เรามองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า ก็อาจเป็นไปได้ แต่อย่างว่า ถ้าคุยกะฝรั่งมันก็จะว่าอีกอย่าง ไม่เห็นมันมาว่า เรา ว่าโง่ หรือ ฉลาดกว่ามันเลย เราแค่ได้รับ ข้อมูล ความรู้ คนละชุดเท่านั้นเอง

และการแสดงความคิดเห็นแปลก แตกต่าง ออกไป มันไม่ได้หมายความเรา ว่าจะฉลาด หรือ โง่ กว่า คนอีกหลายๆๆคนที่ไม่ยอมแสดงความคิดเห็น หรือ คนที่แสดงความคิดเห็นแล้ว มีคนเห็นด้วยมากกว่า

โทษที เราไม่ค่อยชอบ คนสังคมไทยเท่าไร คิดว่า ส่วนมากเป็นคนปากว่า ตาขยิบ ไม่จริงใจ เอาแต่ ด่าๆๆๆๆๆ ไม่สร้างสรรค์ พวกวัตถุนิยม ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง เพราะ มัวแต่กลัวว่า คนอื่นจะมองตัวเองยังไงบ้าง น่าสงสารจริงๆๆ

เรายอมเป็นตัวของเราเอง แล้วคนอื่นเกลียด ดีกว่า ที่จะต้องสูญเสียความเป็นัวของตัวเอง เพราะ อยากให้คนอื่นชอบ

กูเคยเข้ามาอ่านที่นี่แล้ว

ที่มึงเขียนถึงงานเปิดตัวหนังสืออะ !!!

งานชิ้นนี้ส่งพลังงานออกมาแปลกกว่าหลายงานที่เคยเขียนนะท่าน

อยากรู้แรงจูงใจในการเขียนแฮะ

พออ่านแล้วรู้สึกว่ามันส่งพลังได้ดี เป็นแง่มุมแบบง่ายตรงไปตรงมา เพราะว่าเป็นฐานคิดส่วนตัว ทุกๆคนจะมีฐานคิดและพื้นที่ทางความคิดที่เป็นส่วนตัวทุกคน นอกเหนือไปจากฐานคิดส่วนรวม "หลังจากที่รู้จักคุณมานานหลายปี สิ่งที่คุณเขียน กับลักษณะนิสัยของคุณที่ผมสัมผัสมานาน มันไม่ใช้นิสัย อะ ไม่รู้จะใช้คำไหนนะ เอาเป็นว่า คำพูด ความคิด กับนิสัยของคุณ มันตรงข้ามกัน ฉะนั้นบทความนี้ ผมไม่อาจที่จะรู้สึกได้ ได้แต่คิดไปว่าคุณทำอะไรเหรอ"

เป็นเรื่องที่มีจริงในสังคม..

"เราด่าดาราที่แสดงหนังโป๊

บอกว่าไม่เหมาะสมกับเมืองพุทธ

เพราะมันจะทำให้เด็กเอากัน

ทั้งๆที่มันอาจจะทำให้ผู้ใหญ่เอากันก็ได้"

สื่อคำพูดได้เข้าใจง่ายน่ะ..ต้าร์

คืออ่านแล้วไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรให้มากมาย..

กิดว่าบทความแบบนี้

อ่านแล้วสนุกน่ะ

ดูเหมือนว่าจะ สื่อความคิดออกมาแรง...

แต่ในความแรง นั่น มันคือความจริง

  • บันทึกนี้แล้วแต่คนจะคิดครับ อาจต้องใช้ปัญญาส่วนตน หรืออาจจะไม่ได้รู้อะไรกันเลย ก็ว่ากันไปครับ
  • แสดงความคิดเห็นกันตามความชอบและประสบการณ์ของแต่ละคน และคนเราก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาได้ โดยเราเองก็ไม่ควรเชื่อว่าคนเราจะไม่เปลี่ยนแปลง 
  • พลวัตทางสังคมจะเกิดขึ้นได้ก็แค่คนปรับทัศนคติ ซึ่งมันอาจจะยากสำหรับบางคน เพราะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงตนเอง 
  • เสาบางต้น ที่คนเรายึดถือไว้เป็นหลัก ไม่เหมือนกัน ดังนั้น เสาใครก็เสามัน อิอิ 
  • ขอให้มีความสุข และความรัก สดชื่น   

ข้อเขียน-บทวิจารณ์นี้ แรงโดนใจดีครับ เหมือนผู้เขียนมีปมอะไรสักอย่างครับ แต่ก็ได้แง่คิดครับแต่ยังไม่มีทางออกอยู่ดีครับ...สู้ต่อไป

ทางออกก็ต้องมาช่วยกันหาครับ

ปมนี้กำลังถูกผูกเข้ากับสังคมไทย 

ปมที่แบ่งเขาแบ่งเรา ปมที่เอาไว้รัดคอคนด้อยกว่า ... 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท