เด็กชายกาปั่นและครอบครัว
>>>ผมเดินทางท่องเที่ยวสปป.ลาวบ่อยครั้งมากโดยเฉพาะที่เวียงจันทน์ ไปเที่ยวบ้างในยามที่ไม่มีที่ไป ไปทำงานบ้างหรือไม่ก็ไปหาIdeaใหม่ๆในการทำงานด้านออกแบบบ้าง งานศิลปะบ้างที่นี่มีความหลากหลายมากมายโดยเฉพาะผมไม่ใช่เป็นคนในพื้นที่อีสาน เป็นคนต่างวัฒนธรรม มีความต้องการเห็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ไม่มีให้เห็นในไทยอีสานแต่เรากับเห็นที่เมืองลาวมันเป็นการย้อนอดีตที่ไม่ต้องใช้Time Machine
ผมเดินทางท่องเที่ยวสปป.ลาวบ่อยครั้งมากโดยเฉพาะที่เวียงจันทน์ ไปเที่ยวบ้างในยามที่ไม่มีที่ไป ไปทำงานบ้างหรือไม่ก็ไปหาIdeaใหม่ๆในการทำงานด้านออกแบบบ้าง งานศิลปะบ้างที่นี่มีความหลากหลายมากมายโดยเฉพาะผมไม่ใช่เป็นคนในพื้นที่อีสาน เป็นคนต่างวัฒนธรรม มีความต้องการเห็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ไม่มีให้เห็นในไทยอีสานแต่เรากับเห็นที่เมืองลาวมันเป็นการย้อนอดีตที่ไม่ต้องใช้Time Machine
>>>การเดินทางครั้งนี้ก็เช่นกันเป็นการเดินทางเพื่อมาพักผ่อนหลังจากที่โหมงานเขียนภาพประกอบต้นฉบับเพื่อส่งสำนักพิมพ์ที่กรุงเทพฯ ผมใช้เวลาในการท่องเที่ยวประมาณ3วัน2คืนเป็นการพักผ่อนที่สนุกมากเช่นเคยผมมาไม่รู้กี่ครั้งเดินไม่รู้กี่รอบก็ยังสนุกเหมือนเดิมเพราะผมใช้วิธีเดินลัดเลาะวอกซอยตามตึกตามบ้านไปในเส้นทางที่ไม่เคยไป เวียงจันทน์กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าไปในทางที่เจริญขึ้น สังเกตุจากอาคารบ้านเรือนและร้านค้าที่มีสินค้าไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่ๆในเมืองไทย แต่ที่น่าชื่นชมยังคงมีตึกเก่าอวดโฉมความสวยงามของรูปทรงและกาลเวลาที่ผ่านร้อนหนาวมานานมีการจัดการใช้โดยมีการปรับเปลี่ยนปรับปรุงให้สอดคล้องกับความต้องการ ณ ปัจจุบัน ไม่มีการรื้อถอน หรือทุบทิ้งดังเช่นในเมืองไทยบางแห่ง ไม่ใช่ไม่มีเงินในการก่อสร้าง แต่รัฐบาลหรือเจ้าของพื้นที่เห็นความสำคัญในด้านการท่องเที่ยวดังเช่นเมืองหลวงพระบาง เวียงจันทน์มีไม่มากแต่พยายามรักษาเท่าที่สามารถทำได้ โดยเฉพาะบริเวณลานนำพุ ริมโขงเราสามารถเห็นตึกเก่ามากมายที่นำมาใช้สอยปรับปรุงเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก สินค้าพื้นถิ่นมากมาย และที่เปลี่ยนไปชัดเจนจากเมื่อก่อน(ประมาณ5เดือนที่ผ่านมา)ร้านที่ค้าขายของที่ระลึกที่มีอยู่มากมายได้ปรับเปลี่ยนเป็นร้าน Internet คงมาจากความต้องการพื้นฐานการท่องเที่ยวและคนในพื้นที่เช่นเดียวกัน
>>>ท่องเที่ยวที่ผ่านมาผมได้เจอผู้คนมากมายหลากหลายความเป็นอยู่ หลากหลายวัฒนธรรมสำหรับในสปป.ลาวเองนั้นผมเจอมากมายและยังคงอยู่ในความประทับใจแล้วผมจะทยอยเล่ามาให้ฟังเป็นตอนๆไปนะครับ
>>>>>เด็กชายกาปั่นเป็นเด็กชายที่ผมเจอในบขส.ลาวในขณะที่นั่งรอรถเพื่อจะเดินทางกลับเมืองไทย เป็นเด็กน้อยที่แต่งตัวมอมแมม เดินลัดเลาะขอเงินจากผู้โดยสารที่รอรถในบขส.ผมสังเกตุอยู่นานในพฤติกรรม แต่ทำไมไม่ยอมที่จะมาเดินขอที่ผมและเพื่อนพราะในใจตอนนั้นต้องการที่จะช่วยเหลือไช่เพราะสงสารแต่เพียงอยากให้เท่านั้นเอง แล้วเราก็เป็นฝ่ายเดินไปหาเองพูดคุยทักทายตั้งนานกว่าจะรู้เรื่องเพราะภาษาถิ่นของผมใช่ว่าจะแข็งแรง กาปั่นเป็นเด็กชาวลาวเทิงที่มากับครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพี่ชาย-น้องชาย และยายที่ตาบอดอีก1คน ออกเดินทางจากบ้านมาอยู่เวียงจันทน์ไม่นานมากนัก เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้งไม่สามารถทำมาหากินอะไรได้ เลยต้องใช้วิธีนี้ในการหากิน กาปั่นไม่ใช่เป็นเด็กขอเงินมืออาชีพอย่างเช่นเด็กๆในเมืองไทยที่ผมเคยเจอ ไม่ให้ก็ไม่เอา ไม่คะยั้นคะยอ เรานั่งคุยอยู่ตั้งนานกาปั่นเล่าเรื่องราวมากมายในหมู่บ้านให้เราฟังจนทำให้ผมอยากไปเที่ยวและศึกษาชุมนที่นั้น ถ้าไม่ติดภารกิจที่สำคัญในเมืองไทยผมคงออกเดินทางไปแล้ว กาปั่นสนุกสนานอยู่กับกล้องdigitalตั้งนานอาจเป็นเพราะว่ามันสามารถออกมาป็นรูปให้เห็นในทันที ความน่ารักของเด็กๆที่ใดในโลกมันช่างน่าเอ็นดูนะครับ อยากรู้อยากเห็น และความน่ารักของครอบครัวกาปั่นนี่เองทำให้การเดินทางในครั้งนั้นมีสีสันขึ้นมามาก เราถ่ายรูปกาปั่นและครอบครัวมากมายและสัญญาว่าจะนำมาให้เมื่อมาเมืองลาว และคิดไปเองว่าผมคงมีโอกาสเจออีกเพราะที่นี่เป็นแหล่งที่ดีของการมาขอเงินจากผู้คนไปมา
>>>>>ผมเจอกับกาปั่นประมาณเมษายน ปีที่แล้ว หลังจากนั้นผมเดินทางไปลาวบ่อยมาก ผมไม่เจออีกเลย และในกระเป๋าผมยังคงมีรูปกาปั่นและครอบครัวติดตัวหวังว่าคงมีโอกาสมอบให้ ผ่านไป1ปี ผมไม่เจอเลย ท่านเคยเห็นเด็กผู้ชายหน้าตามอมแมม3คนกับยายแก่ตาบอดถือไม้เท้าเดินลัดเลาะอยู่ในเวียงจันทน์ บ้างมั้ยครับ ถ้าเจอนั่นแหละครับเด็กชายที่ผมอยากเจอ.......