เมื่อเพื่อนเด็ก “โรงเรียนประจำ” ทำให้รู้จักกับหนังสือ “The Last Lecture”

ทุกอย่างย่อมมีด้านดีด้านร้าย เพียงแค่ว่าคนเราจะมองที่ด้านใดมากกว่ากัน

พระพุทธเจ้า ได้สอนไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่คงทนถาวรในโลกนี้ สิ่งต่าง ๆ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ชีวิตคนเราก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัฎจักรต่าง ๆ เหล่านั้น และคงจะปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่ยอมรับกับสิ่งนั้น ๆ แต่จะว่าไปในทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีสิ่งที่ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายสักเพียงไรก็ตาม ดั่งเช่น ที่ปรากฏว่าแล้วในอดีตมากมาย เช่น การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่ 5 (The fifth extinction) ที่แม้ว่าไดโนเสาร์จะสูญพันธุ์ แต่ก็ทำให้เกิดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกิดขึ้นมา จนมาเป็นคนเราในทุกวันนี้

ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาบนโลกนี้ และก็อีกนั่นแหละที่จะปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เข้ามาสู่ชีวิตไม่ได้ ในชีิวิตผมก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายครั้งเลยทีเดียว แต่มีอยู่สองครั้งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นการเปลี่ยนผมจากอีกคนไปเป็นอีกคน ได้เลยทีเดียว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีี่เดียวกัน แต่เกิดขึ้นคนละเวลา

ครั้งแรกคงเป็นครั้งที่ผมจากที่เคยเป็น “ลูกคนเดียว” ติดพ่อติดแม่มาตลอด ต้องมาเป็นเด็ก “โรงเรียนประจำ” ที่ชื่อว่า "จุฬาภรณราชวิทยาลัย บุรีรัมย์" ที่ต้องรู้จักดูแลตัวเอง ควบคุมตนเองโดยที่มีแค่พ่อครู คอยดูอยู่ห่าง ๆ มันก็ทำให้ผมเปลี่ยนจากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็น มาทำเกือบทุกสิ่งเกือบทุกอย่างด้วยตนเอง ฝึกวินัยในตนเอง จากต้องมีคนกวดขันให้อ่านหนังสือ กลับต้องตั้งใจเอง เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ด้วยความเคารพในกติกาที่ถูกต้ังไว้

จนเมื่อเวลาผ่านเปลี่ยน คนเราก็เปลี่ยนไป จากเด็กที่ควบคุมตัวเอง ให้อ่านหนังสือ ก็เริ่มตามเพื่อนไม่อ่านหนังสือ เกเร แหกกฏบ้างเป็นบ้างครั้ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ทำให้เสียการเรียน จนถึงวันหนึ่งในวันที่รู้สึกตัวว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเริ่มใกล้เข้ามา จึงทำให้ตัวผมเริ่มรู้สึกกังวลใจกับการสอบนี้ และเสียดายเวลาที่ผ่านไป มันคงจะเหมือนนิยายปรัมปรา ถ้าจะบอกว่าแล้วมีอัศวินขี่ม้าขาว (แต่ตัวดำ) เข้ามาช่วย แต่มันก็เหมือนว่ามันได้เกิิดขึ้นแล้ว เมื่อเพื่อนได้ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้อ่าน ชื่อว่า “The Last Lecture”

The Last Lecture เขียนโดย Dr.Randy Pausch ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ Carnegie Mellon University เป็นเรื่องที่เค้าเขียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเค้าเอง สืบเนื่องจาก การที่เค้าจะต้องทำการบรรยายในหัวข้อ The Last Lecture ที่เป็นเสมือนหนึ่งธรรมเนียมของอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่จะต้องบรรยาย ว่า ถ้าคุณกำลังจะตายคุณต้องการจะมองสิ่งใดให้กับโลก แต่มันกลับเป็นการบรรยายครั้งสุดท้ายในชีวิตเค้าจริง ๆ เนื่องจาก เค้ากำลังเผชิญกับโรคมะเร็งที่รักษาไม่หาย และเหลือชีวิตอีกไม่เกินหนึ่งปี เค้าจะทำทุกวินาที ให้มีค่ามากที่สุด เพื่อความสุขของคนอื่นที่จะยังคงอยู่บนโลกใบนี้หลังจากที่เค้าได้จากไป

ซึ่งด้วยเนื้อหาของหนังสือ จึงทำให้ผมครุ่นคิดว่า ถ้าเหตุนั้นเกิดขึ้นกับเราจริง ๆ จะเป็นอย่างไร ผมคงไม่มานั่งท้อกับชีวิต คงจะตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ที่รออยู่ให้ดีที่สุด ด้วยสิ่งนี้มันจึงเป็นเสมือนหนึ่งว่า เป็นแรงผลักดันให้ผมตั้งใจอ่านหนังสือ และทำให้เวลามีค่ามากที่สุด เพื่อจะได้ไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต และผมก็เชื่อว่า การตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ของผมบังเกิดผล ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมสามารถเข้ามาเป็นนักศีกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้อย่างภาคภูมิใจ กับสิ่งที่ได่้ตั้งใจทำไป

ชีวิตคนเราย่อมพบเจอกับเรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอ ทั้งเรื่องร้ายเรื่องดี แต่ผมเชื่อว่า แต่ละสิ่งมันย่อมมีสิ่งที่เป็นส่วนที่ดีของมัน หวังว่าทุกคนจะนำสิ่งนั้นของมัันออกมาใช้นะคร้บ

เอกสารอ้างอิง : แรนดี เพาซ์. The Last Lecture เดอะลาสเลกเชอร์. อมรินทร์ How To : กรุงเทพฯ, 2551.

ชมการบรรยาย The Last Lecture โดย Dr.Randy Pausch

เกี่ยวกับ หนังสือ The Last Lecture

- http://www.thelastlecture.com/

เกี่ยวกับการบรรยายในหัวข้อ The Last Lecture

- http://www.cmu.edu/randyslecture/

ประวัติ Dr.Randy Pausch

- http://en.wikipedia.org/wiki/Randy_Pausch

เขียนใน GotoKnow โดย อภิสิทธิ์ ไชยดี
ใน ประสบการณ์และการอ่านที่เปลี่ยนชีวิตของข้าพเจ้า

คำสำคัญ (Tags): #the last lecture#learning process#การพัฒนาตนเอง#จุฬาภรณราชวิทยาลัย#โรงเรียนประจำ#randy pausch#เดอะ ลาส เลกเชอร์#แรนดี เพาซ์

หมายเลขบันทึก: 285507เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2009 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่าน

ความเห็น (30)

นาย วชิระ ขินหนองจอก

เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2009 21:42 น. ()

คนเคยอ่าน

เห็นด้วยนะครับ

เป็นหนังสือที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้จริงๆครับ

Fon MUPY#41

เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2009 21:44 น. ()

อืม...เราคิดว่าน่าจะตรงกับสำนวน..ทำวันนี้ให้ดีที่สุดกระมั้ง

คิดสักนิดว่าที่เราทำได้ดีพอรึยัง เรายังสามารถทำได้ดีกว่านี้ได้อีกรึเปล่า

ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆๆ

ตั้งใจเรียนนะจ้ะ MED KKU

เพียงดอกไม้ริมทาง

เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2009 21:45 น. ()

เป็นหนังสือที่มีความน่าสนใจมาก The last lecture ให้ข้อคิดดีๆหลายอย่าง

แล้วคุณล่ะ ถ้าคุณกำลังจะตาย คุณจะมอบสิ่งใดให้กับโลกนี้ ^^

พีรพล เกียรติกิตติกุล

เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2009 21:50 น. ()

อยากให้นักเรียนที่กำลังเรียนม.6 มาอ่านจังเลยครับ จะได้ให้พวกเค้าเห็นว่าแม้เวลาจะเหลืออีกไม่นานที่จะสอบ แต่เราก็ไม่ควรที่จะท้อถอยกับมัน ต้องสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด