กรณีศึกษานักเรียน ( CAR 3 )
เรื่อง นักเรียนไม่สนใจเรียน และทำงานไม่เรียบร้อยด้วยการเสริมแรงทางบวก
ศักดิ์ชัย เจียวก๊ก
ข้าพเจ้า นายศักดิ์ชัย เจียวก๊ก ตำแหน่งครู โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒ ประสบการณ์ทำงาน
21 ปี ปัจจุบันทำการสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 สภาพโรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียน
676 คน ครู 31 คน นักการ 2 คน
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒ เป็นโรงเรียนในพระราชดำริ โรงเรียนแกนนำ และโรงเรียนผู้นำการเปลี่ยนแปลง การจัดการเรียนรู้ ใช้การสอนทางไกลผ่านดาวเทียมประมาณร้อยละ 60
ในปีการศึกษา 2551 ก่อนปิดภาคเรียน ข้าพเจ้าได้นำแบบ ปพ.ต่าง ๆ เช่น ปพ.6 , ปพ.5/1 ,ปพ.5/2
และปพ.8 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 เพื่อศึกษาภูมิหลัง และ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า ระดับคะแนน นักเรียนอยู่ในเกณฑ์ ดี ถึง ดีมาก ข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจที่นักเรียนมีผลการเรียนน่าพอใจ จะทำให้ปีการศึกษาหน้านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดียิ่งขึ้น
แต่พอเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 มาได้ระยะหนึ่ง ข้าพเจ้าได้พบปัญหามีนักเรียนจำนวน 4 คน จากนักเรียนทั้งหมด 28 คน ชอบคุยกันขณะที่ข้าพเจ้าทำการสอน บางครั้งก็นำขนมมารับประทานและเมื่อข้าพเจ้าให้การบ้านหรือจดงานลงในสมุดปรากฏว่านักเรียนเหล่านี้ทำงานไม่เรียบร้อยและทำงานไม่เสร็จ
ทุก ๆ ตอนเย็น หลังเลิกเรียน 30 นาที ข้าพเจ้าจะใช้เวลาในการตรวจการบ้าน และได้เรียกนักเรียนทั้ง 4 คน มาอบรมและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง หลังจากนั้นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก็พบว่าพฤติกรรมคุยกันและกินขนมในห้องค่อย ๆ ลดลง แต่พฤติกรรม การทำงานไม่เรียบร้อย เช่น ลายมือไม่สวย การขีดเส้นหน้า ลงวันที่
ความสะอาด และการเขียนสะกดคำ ยังต้องปรับปรุง
ข้าพเจ้าจึงตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาพฤติกรรมเหล่านั้นให้ได้ จึงเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของพฤติกรรมการทำงานของนักเรียนทั้ง 4 คน ใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยศึกษาเอกสารที่เกี่ยวกับการปรับพฤติกรรม
โดยการเสริมแรงบวก ซึ่งป็นทฤษฎีของนักจิตวิทยาสกินเนอร์ คือ การวางเงือนไขแบบการกระทำ
( Operant Condiong Theory ) ลักษณะของตัวเสริมแรง มี 2 ชนิด คือ
1. ตัวเสริมแรงปฐมภูมิ เป็นตัวเสริมแรงเน้นคุณสมบัติด้วยตัวของมันเองในการตอบสนองความต้องการทางชีวภาพหรือมีผลต่อผู้ได้รับโดยตรง เช่น อาหาร ความเย็น เป็นต้น
2. ตัวเสริมแรงทุติยภูมิ เป็นตัวเสริมแรงที่ต้องผ่านกระบวนการพัฒนาคุณสมบัติของการเป็นตัวเสริมแรง โดยการนำไปสัมพันธ์กับตัวเสริมแรงปฐมภูมิ เช่น เงิน รางวัล คำชมเชย เป็นต้น
ในที่สุดข้าพเจ้าได้เลือกการเสริมแรงทางสังคมด้วยการใช้ คำยกย่อง ชมเชย เมื่อนักเรียนทำงาน
แบบฝึกหัด ข้าพเจ้าจะให้คำยกย่อง ชมเชย ด้วยคำพูดหรือ การเขียน บางครั้งจะแตะไหล่นักเรียนเบา ๆ
พยักหน้า ยอมรับ และยิ้ม ขณะเดียวกันไม่สนใจต่อพฤติกรรมไม่สนใจเรียนของนักเรียนบางคน ได้บันทึก
พฤติกรรมของนักเรียนทุกครั้ง ที่เกิดพฤติกรรมพึงประสงค์เป็นเวลา 1 เดือน ผลปรากฏว่า พฤติกรรมไม่สนใจเรียน การทำงานไม่เรียบร้อยลดลง โดยก่อนทำการปรับพฤติกรรมมีพฤติกรรมไม่สนใจเรียน ทำงานไม่เรียบร้อยถึงร้อยละ 80 แต่หลังจากการใช้วิธีเสริมแรงทางสังคมต่อพฤติกรรม การสนใจเรียน การทำงาน
สมุดจดงาน ปรากฏว่า พฤติกรรมไม่สนใจเรียน และทำงานไม่เรียบร้อยลดลงเหลือร้อยละ 20
สรุปผล
ในการแก้ปัญหานักเรียนเป็นรายกรณี เรื่องนักเรียนไม่สนใจเรียน และทำงานไม่เรียบร้อย การเสริมแรงทางบวกของนักเรียน 4 คน ผลปรากฏว่านักเรียนได้ให้ความร่วมมือในกิจกรรม ตั้งใจทำงานให้เรียบร้อย ทำงานสะอาดมากขึ้น ลามมือปรับปรุงได้ดีขึ้น โดยจากการสังเกตคะแนนประเมินสมุดที่นักเรียน สามารถพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เป็นพัฒนาการที่สมควรได้รับการพัฒนาต่อไป
การเสริมแรงทางบวกนอกจากจะได้ผล กับเรื่องนักเรียนไม่สนใจเรียน และทำงานไม่เรียบร้อย
ยังสามารถแก้ปัญหา พฤติกรรมการสอนของครู ครูสามารถนำไปใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอน
ข้อเสนอแนะ
1. ครูควรดูแลการจดสมุดงานของนักเรียนต่อไปจนกลายเป็นความเคยชิน ไม่ใช่เกิดจากความคาดหวังของรางวัล
2. นำไปใช้กับนักเรียนที่มีปัญหาคนอื่น ๆ ต่อไป
3. ควรแนะนำให้ครูในโรงเรียนได้นำไปใช้ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักเรียน
ไม่มีความเห็น