ชีวิตกับการศึกษาในวัยเยาว์ ฉันมักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใคร...แก่เกินเรียน” แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแก่ ๆ แล้วจะต้องมาเรียนอีก อยู่กับบ้านกับลูก ๆ หลาน ๆ ไม่สบายกว่าเหรอ!!!
จนกระทั่งในตอนเช้าวันนี้ ได้เข้าไปค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อทำแผนการสอน
ได้เจอภาพ ๆ หนึ่ง เขียนไว้ว่า “ไม่มีใคร...แก่เกินเรียน”
ครั้งแรกที่เห็นภาพก็นึกขำด้วยความน่ารักของหญิงชราสองคน
แต่ครั้นเมื่อสายตาเหลือบไปมองเห็นข้อความใต้ภาพ “ชีวิต คือ กระบวนการเรียนรู้ที่ไม่จบสิ้น
ตราบที่ยังไม่สิ้นทุกข์ ก็ต้องศึกษาทำความเข้าใจชีวิต กระทั่งหลุดพ้น
สิ้นทุกข์”
ความคิดที่เคยมีเมื่อครั้งยังเยาว์วัยกลับมาสะท้อนใจเมื่อวันนี้
ว่าแท้ที่จริงเราคิดเรามองตีความอะไรแค่ผิวเผิน
หากแต่ไม่เคยมองลึกลงไปถึงเนื้อในแก่นแท้ของสิ่ง ๆ
นั้น
"ไม่มีใคร...แก่เกินเรียน"
หากแต่ในความหมายของผู้เขียนคือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้ที่ว่า...ใช่เพียงมานั่งอ่านตำรา
ท่องจำในชั้นเรียน
หากแต่เป็นการเรียนเพื่อศึกษาทำความเข้าใจกับชีวิต โดยใช้กระบวนการคิดพิจารณาเข้าใจด้วยปัญญา
เพื่อน้อมนำพาให้ชีวาได้พ้นทุกข์ แต่หากคราใดที่เรายังไม่หลุดพ้นก็เท่ากับกระบวนการเรียนรู้ในชีวิตยังไม่จบสิ้น
ต้องคิดต้องค้นต้องหาวิธีการต่าง ๆ นานาเพื่อนำมาดับทุกข์
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าตราบใดที่ชีวิตยังคงอยู่
การเรียนรู้ก็ยังคงดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
พอได้มานั่งตรึกนั่งตรองลองคิดดูได้อ่านได้รู้ได้เกิดปัญญา (ความ)
บางอย่างที่มืดมัวเมื่อครั้งครากลับสว่างกระจ่างจ้า....เมื่อพิจารณาด้วย
“ปัญญา”
“ไม่มีใคร...แก่เกินเรียน...เพียรศึกษา...มีปัญญา...จะนำพา...ให้ชีวา...เราร่มเย็น”
เห็นด้วยค่ะ - - ไม่มีใครแก่เกินเรียน เพียงวัตถุประสงค์อาจต่างกันไป จำได้ฟังดร.อิดิธ นามประกาย เล่าให้ฟังว่า เมืองนอกเขาเรียนรู้กันตลอด อย่างคนสูงอายุ ก็ไปเรียนรู้การอ่านคำพูดจากปาก เรียนโน่นเรียนนี่ตลอดค่ะ |
คุณ "-ขจิต"
ใจง่ายดีใหมค่ะ!!! ชวนปุ๊บไปปั๊บเลย... ขอบคุณสำหรับคำเชิญชวน ยินดีเป็นอย่างมากค่ะ
เหมือน "vij" เลยค่ะ...ไปเรียนภาษาอังกฤษกับเด็กตัวเล็ก ๆ ทำให้เด็กไม่มีสมาธิในการเรียนเพราะมัวแต่มานั่งดูป้าว่ามาทำอะไร ยืนมองอยู่เป็นนานสองนาน ก็เลยตั้งถาม "ดูป้าทำไมจ๊ะหนู" เด็กก็ไม่ตอบเอาแต่มองอย่างเดียว
สาวแก่...ลายมือคุ้น ๆ จังค่ะ...
คุณ "ขจิต"
บอกตรง ๆ เลยค่ะว่าชอบไอ้ตัวการ์ตูนคุณ "ขจิต" จริง ๆ ดูแล้ว
ได้อารมณ์ เห็นภาพคนเขียนเลยค่ะ