ผมจำได้ว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2551 ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารสถานศึกษาและกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา สพท.กทม.เขต 2 ที่โรงแรมอเลกซานเดอร์ ถนนรามคำแหง กทม. ถือเป็นการประชุมครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียนแบบพร้อมเพรียงกันทั้งเขตพื้นที่ นับจากที่ผมเข้าทำหน้าที่ประธานกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา กรุงเทพมหานคร เขต 2 ในวันนั้นผมได้เสนอแนวคิดหลายเรื่อง “เพื่อการยกระดับคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่ เพื่อก้าวสู่การเป็นเขตพื้นที่การศึกษาชั้นนำของประเทศ” เรื่องหนึ่งที่ผมเกริ่นในวันนั้น คือ อยากให้โรงเรียนใน สพท.กทม.2 ซึ่งเป็นโรงเรียนคุณภาพสูงเกือบทุกโรง ขอให้สร้างเอกลักษณ์หรือความโดดเด่นเฉพาะทาง เช่น ความโดดเด่นด้านภาษา เพื่อสะท้อนว่า เราเป็นเขตพื้นที่การศึกษาที่มีมาตรฐานระดับสากล ความโดดเด่นในเรื่อง การสร้างยุวชนสตรีเพื่อการพัฒนาประเทศ(สร้างผู้หญิงเก่งและดี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ) ความโดดเด่นด้านกีฬา ด้านดนตรีไทย เป็นต้น จากการสังเกตและติดตามมาเป็นระยะเวลา 1 ปี ผมคาดว่า การพูดในวันนั้น ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าสถานศึกษาได้นำแนวคิดที่เสนอต่อที่ประชุมไปคิดต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรม จะอย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 ส.ค.51 ผมได้มีโอกาสไปบรรยายในหลักสูตร “พัฒนาสมรรถนะผู้บริหารและครู เพื่อก้าวสู่วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ/เชี่ยวชาญ” ของสพท.กทม. 2 อีกครั้งหนึ่ง แน่นอน ผมได้เสนอแนวคิดที่ยังคงพาดพิงไปยังแนวคิดเดิมของตนเอง คือ “อยากให้โรงเรียนสร้างเอกลักษณ์-ความโดดเด่นของตนเอง โดย ได้ยกตัวอย่าง 1 ในหลาย ๆ เรื่อง คือกล่าวถึง ปัญหาประเทศ ที่ผู้หญิงเข้ามามีบทบาททางการเมืองยังไม่มากนัก ยังมีบทบาทในฐานะนักบริหารระดับสูงของประเทศไม่มากนัก ทั้ง ๆ ที่ “ประเทศต่าง ๆ และโลกต้องการให้ผู้หญิงเข้าไปมีบทบาทในฐานะผู้นำมากขึ้น” ในการนี้ ผมเห็นว่า หากสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา กทม. เขต 2 ของเรา ได้มีการส่งเสริมหรือสานปณิธานของประเทศในเรื่องนี้อย่างจริงจัง มีการคิดหลักสูตรเสริมประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรม สร้างเงื่อนไขโอกาสให้เยาวชนสตรีหรือนักเรียนในโรงเรียนที่มีความสามารถสูง ๆ เห็นความสำคัญของการเข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาประเทศ อีกทั้งโรงเรียนมีการจัดกิจกรรมเพื่อฝึกเสริมสมรรถนะของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง ผมเชื่อว่า ในอีก 15 ปี ข้างหน้า เราจะมีนักบริหาร นักการเมืองที่เป็นผู้หญิง ที่จะช่วยประเทศได้เป็นจำนวนมาก(ที่เป็นนักบริหารหรือนักการเมืองมืออาชีพที่มีวิสัยทัศน์ และศักยภาพสูงยิ่ง) หลังจากการบรรยาย-พุดคุยในภาคเช้า ขณะพักกลางวัน ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารสถานศึกษา 3-4 โรง ในการนี้ เป็นที่น่ายินดียิ่งว่า ผู้อำนวยการพรพิมล พรชนะรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ สนใจที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมในรูปแบบของ “โครงการศูนย์ยุวชนสตรีเพื่อการพัฒนาประเทศ” โดยจะเสนอโครงการในเร็ว ๆ นี้ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีและน่าสนใจยิ่ง ทั้งนี้ ผมเชื่อว่า หากได้มีการสังเคราะห์หลักสูตร มีการกำหนดสมรรถนะที่จะเป็นสำหรับยุวชนชนสตรีเพื่อการพัฒนาประเทศ แล้วมีการจัดเสริมประสบการณ์ที่เป็นระบบตลอดระยะเวลา 6 ปี(ตั้งแต่ ม.1-ม.6) ส่งเสริมให้นักเรียนผู้หญิงที่เก่ง(บุคลิกไทย มาตรฐานสากล) ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้และฝึกประสบการณ์การเป็นผู้นำร่วมกัน อย่างต่อเนื่อง ผมวาดความหวังว่า ในเขตพื้นที่การศึกษาแห่งนี้ มีนักเรียน ประมาณ50,000 คน เป็นนักเรียนหญิง หากเราสามารถสร้างเยาวชนสตรีแกนนำได้สัก 5 % คือ ประมาณ 2,500 คน แค่นี้ก็คุ้มค่ากับการทุ่มเทแล้วครับ อย่าลืมนะครับ เราไม่ควรคิดสร้างผู้หญิงเก่งด้วยฝีมือโรงเรียนเพียงลำพัง อยากให้โรงเรียนลองสำรวจว่า ณ วันนี้ ผู้หญิงเก่งและดี ที่เป็นผู้นำ หรือนักบริหารระดับสูงของประเทศ มีใครบ้าง น่าจะเชิญบุคลคลเหล่านี้มาร่วมเป็นที่ปรึกษา เป็นวิทยากร เป็นแบบอย่าง ในการพัฒนายุวชนสตรีของเรา....พูดมาถึงตอนนี้แล้ว รู้สึกยินดี ที่ความคิดเรื่องนี้จะเป็นรูปธรรมเสียที่ ..ตั้งใจจะคอยติดตาม และสนับสนุนอย่างเต็มที่ครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
ขอบคุณมากค่ะ
คิดถึงบล๊อก(และอาจารย์)มากครับ
- ช่วงหลายเดือนที่ผ่านได้กลับไปอ่านซ้ำบล๊อกของอาจารย์ได้รับความรู้มากเลยครับ
- ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะโรงเรียนหรือท้องถิ่นนั้น ๆ ครับ ครั้งหนึ่งเคยพูดกับผู้บริหารว่า ทำไมกลุ่มโรงเรียนของพวกเราต้องทำตามประเพณีของจังหวัดอื่น เช่น พอถึงเข้าพรรษาไปจ้างช่างที่นครราชสีมา 3-4หมื่นให้หล่อเทียนพรรษามาแห่โชว์(ให้เหมือนจังหวัดอุบลราชธานี) ทำไม่ไม่สร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง พอถึงลอยกรระทงไปจ้างช่างอีก 2-3 หมื่นมาทำไหลเรือไฟ(ให้เหมือนนครพนม)ทำไมไม่สร้างรูปแบบงานลอยกระทงแบบเราเอง
- ในความคิดผม เรายังขาดวัฒนธรรมในการสร้างนวัตกรรมหรือความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ คนที่คิดไม่เหมือนคนอื่น แถมยังอายุน้อย มักจะถูกตำหนิตั้งแต่อ้าปาก
- โอกาสสำหรับผู้หญิงในสังคมเรา ผมคิดว่ายังมีไม่มาก ความเชื่อบางอย่างยังอยู่ในความคิดผู้ชาย เช่น เจอคนขับรถเก้ ๆ กัง ๆเรามักจะสันนิษฐานว่า ต้องเป็นผู้หญิงแน่ ๆเลย ความคิดอย่างนี้แหละครับที่ทำให้บทบาทของผู้หญิงในสังคมเราไม่เด่นชัดเหมือนที่อื่น
- รักษาสุขภาพนะครับ ผมรออ่านบล๊อกของอาจารย์อยู่ครับ
คิดถึงบล๊อก(และอาจารย์)มากครับ
- ช่วงหลายเดือนที่ผ่านได้กลับไปอ่านซ้ำบล๊อกของอาจารย์ได้รับความรู้มากเลยครับ
- ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะโรงเรียนหรือท้องถิ่นนั้น ๆ ครับ ครั้งหนึ่งเคยพูดกับผู้บริหารว่า ทำไมกลุ่มโรงเรียนของพวกเราต้องทำตามประเพณีของจังหวัดอื่น เช่น พอถึงเข้าพรรษาไปจ้างช่างที่นครราชสีมา 3-4หมื่นให้หล่อเทียนพรรษามาแห่โชว์(ให้เหมือนจังหวัดอุบลราชธานี) ทำไม่ไม่สร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง พอถึงลอยกรระทงไปจ้างช่างอีก 2-3 หมื่นมาทำไหลเรือไฟ(ให้เหมือนนครพนม)ทำไมไม่สร้างรูปแบบงานลอยกระทงแบบเราเอง
- ในความคิดผม เรายังขาดวัฒนธรรมในการสร้างนวัตกรรมหรือความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ คนที่คิดไม่เหมือนคนอื่น แถมยังอายุน้อย มักจะถูกตำหนิตั้งแต่อ้าปาก
- โอกาสสำหรับผู้หญิงในสังคมเรา ผมคิดว่ายังมีไม่มาก ความเชื่อบางอย่างยังอยู่ในความคิดผู้ชาย เช่น เจอคนขับรถเก้ ๆ กัง ๆเรามักจะสันนิษฐานว่า ต้องเป็นผู้หญิงแน่ ๆเลย ความคิดอย่างนี้แหละครับที่ทำให้บทบาทของผู้หญิงในสังคมเราไม่เด่นชัดเหมือนที่อื่น
- รักษาสุขภาพนะครับ ผมรออ่านบล๊อกของอาจารย์อยู่ครับ
เรียน ดร. สุพักตร์
ยิ่งได้อ่านแนวคิดของท่านในหลายๆเรื่อง ยิ่งท้าทายความสามารถผม
ยิ่งอยากจะไปเป็น ผอ รร กทม 2 ในเร็ววัน ฝากท่านอาจารย์ช่วยกรุณาอนุเคราะห์ด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความเห็นและมาเยี่ยม ต้องขออภัยที่ช่วงนี้ ไม่ค่อยได้ตอบคำถาม