ปกิณกะ สุขภาพ
ลูกศิษย์ครู แปล และ เรียบเรียง
โยคะสารัตถะ ฉบับ; ก.ค.'๕๒
บางอย่าง ที่ดีกว่ายาคลายเครียด
ยอดขายของยาคลายเครียดกำลังประสบปัญหาในหมู่เด็กและวัยรุ่น เพราะความกังวัลในการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย อันเป็นผลข้างเคียงจากยา แต่อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ก็ได้ค้นพบทางออกที่ใช้ทดแทน ซึ่งได้ผลดีเช่นเดียวกับการใช้ยา
การบำบัดด้วยการพูดคุย ของ การรักษาที่ใส่ใจกับการรับรู้ทางพฤติกรรม (cognitive behavioural therapy หรือ CBT) สามารถช่วยป้องกันความเครียดในหมู่เด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการพัฒนาความเครียด จากการทดสอบในหมู่วัยรุ่น 316 คน ช่วงอายุ 13-17 ปี ในรายที่มีประวัติความเครียด หรือ มีลักษณะของความเครียดให้เห็น แสดงว่า "การบำบัดโดยใช้การพูดคุย ที่ใส่ใจกับการรับรู้ทางพฤติกรรม" ให้ผลที่ดีกว่าการรักษาแบบมาตรฐานปกติในการป้องกันความเครียด และในการลดอาการทางความเครียดได้ แต่มีกลุ่มหนึ่งที่ใช้การรักษาแบบ CBT ไม่ได้ผลก็คือในกลุ่มเด็กที่มีพ่อแม่เป็นโรคเครียดอยู่แล้ว
คำเตือน การซื้อยาตามร้านฯ อาจเป็นภัยถึงชีวิต
จากข้อมูลล่าสุด ยาแก้ปวดที่มีขายกันทั่วไปตามร้านขายยาเช่น แอสไพริน, อะเซตามิโนเฟน (หรือ พาราเซตามอล), และ เมทาโดน อาจเป็นอันตรายอย่างรุ่นแรง และ ถึงแก่ชีวิตได้
อะเซตามิโนเฟน ที่พบในยาเช่น ไทเลนอล เป็นภัยคุกคามตับ ในขณะที่แอสไพริน เป็นสาเหตุหลักของเลือดออกในกระเพาะอาหาร
องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ได้บอกให้ผู้ผลิตเน้นถึงอันตรายของยาบนบรรจุภัณฑ์และฉลากให้ชัดเน ทั้งได้เตือนคนไข้ให้ระวังการใช้ยาเกินขนาด เนื่องจากยาตามร้านฯ เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งยี่ห้อและปริมาณของตัวยา ซึ่งเป็นเหตุให้ประชาชนรับยาเกินปริมาณความปลอดภัย โดยไม่รู้ว่า อาจกำลังใช้ยาเกินขนาด
ไทชิ (ไทเก๊ก)
การออกกำลังกายดีที่สุดสำหรับผู้มีโรคข้ออักเสบ
ไทชิ หรือ การออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหว จากตะวันออกไกล สามารถลดความปวดของโรคข้ออักเสบ และทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
ไทชิเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับผู้มีโรคข้ออักเสบ และ มีอาการปวดตามกล้ามเนื้อที่ติดกับกระดูก และเป็นทางเลือกที่ดีกว่า โปรแกรมการเสริมสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่นจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิค
ในการอภิวิเคราะห์ (meta analysis) งานวิจัย 7 ชิ้นของสถาบันจอร์จ ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พบว่า ไทชิช่วยเยียวยาอาการเจ็บปวด และ ทุพพลภาพ ได้ดีกว่าการออกกำลังกายชนิดอื่น
อันตรายจากซีทีแสกน CT Scan
แพทย์ทั้งหลายทำการส่งต่อคนไข้ของตนไปทำซีทีสแกน หรือ "การถ่ายภาพส่วนตัดของร่างกายด้วยรังสีโดยอาศัยคอมพิวเตอร์" กันเป็นประจำ โดยที่ตนเองไม่รู้ว่า กัมมันตรังสีในเครื่องนั้นสูงมาก และเป็นสาเหตุของมะเร็ง
นักรังสีวิทยา โจเซฟ ไพรซ์ ต้องการให้แพทย์มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระดับความเข้มข้นของกัมมันตรังสีในเครื่องซีทีสแกน ซึ่งไพรซ์กล่าวว่า การสแกน 1 ครั้ง มีปริมาณรังสีเท่ากับการฉายเอ็กซเรย์ปอด 600 ครั้ง ซึ่งเค้าได้เขียนไว้ว่า นานๆ ครั้งที่แพทย์จะสั่งสแกนในระดับมาตรฐานปกติ แพทย์เหล่านั้นไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเลย ว่าระดับปริมาณรังสีที่คนไข้ได้รับนั้น แท้จริงเป็นเท่าไร
เพราะเป็นเรื่องที่แพทย์ยังมีความรู้และเข้าใจกันน้อยอยู่ ไพรซ์เป็นห่วงว่า การทำสแกนจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
มูลนิธิหมอชาวบ้าน
2220/101 ซอยรามคำแหง 36/1 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
โทรศัพท์ 02-732-2016 - 17, โทรสาร 02-732-2811 มือถือ 081-401-7744 ;
E-mail: [email protected] ; www.thaiyogainstitute.com