ทางออกจากภาวะวิกฤติ


เผชิญกับวิกฤตการณ์อย่างมีสติ รู้เท่าทัน และช่วยแก้ปัญหาพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มต้นที่ตนเอง ความทุกข์จะน้อยลงและจะพบทางออกได้ในที่สุด

     ในขณะนี้ มนุษยชาติกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติมากมาย ทั้งวิกฤติทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม จริยธรรม รวมถึงภาวะวิกฤติทางสาธารณสุขจากการเกิดโรคอุบัติใหม่/อุบัติซ้ำ สถานการณ์หลาย ๆ เรื่องดูเหมือนจะยิ่งยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมองไม่เห็นทางออก ภาวะเศรษฐกิจก็ยังไม่ดีขึ้น มีสงครามและการใช้ความรุนแรงในหลายประเทศ การเมืองไทยก็ยิ่งวุ่นวาย มีปัญหาสังคมและอาชญากรรมมากมาย ภาวะโลกร้อนก็เลวร้ายขึ้น โรคระบาดใหม่ ๆ ก็มากขึ้น โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังระบาดทั่วโลกอยู่ในขณะนี้  ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้หากใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งแล้วจะพบว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด การก่อปัญหาหนึ่งก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ด้วยสรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์กัน แม้นเด็ดดอกไม้ยังสะเทือนถึงดวงดาว
     การแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระดับชาติหรือระดับองค์กรหน่วยงานก็ตาม ทางออกทางหนึ่งคือต้องมองทุกอย่างให้เชื่อมโยงบูรณาการเป็นองค์รวม  และทุกคนทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน สำคัญที่สุดต้องเริ่มที่ตนเองก่อน หลายคนมักจะกล่าวอ้างคนอื่น สิ่งอื่นว่าเป็นผู้ที่ทำให้เกิดปัญหา แต่มักจะลืมทบทวนพฤติกรรมของตนเอง ว่าตนเองได้มีส่วนทำให้เกิดปัญหา หรือทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายมากขึ้นหรือไม่ หากทุกคนเริ่มต้นที่ตนเองอย่างมีสติ ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรมจรรยาที่ดี โดยยึดประโยชน์สุขของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ปัญหาต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลงพร้อม ๆ กันอย่างมากและรวดเร็ว จนเหลือเพียงบางปัญหาที่ยากซับซ้อน ต้องใช้ความรู้ความสามารถ ต้องใช้งบประมาณหรือความร่วมมือจากหลายคนหลายหน่วยงาน ก็ค่อยใช้พลังสามัคคีมาแก้ปัญหาเหล่านั้นร่วมกันต่อไป
     การปรับทัศนคติก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้เผชิญปัญหาได้อย่างมีสติและปัญญา หลายๆ เรื่องหากเราพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เราจะพบว่าในปัญหานั้นก็มีส่วนดี บางครั้งก็อาจทำให้พบทางออก หรือหากยังไม่พบก็จะทำให้อยู่กับปัญหาอย่างรู้เท่าทัน ไม่เกิดความทุกข์จนเกินไป เช่น การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009  หลายคนเกิดความตื่นตระหนก กลัวและมีทุกข์ แต่หากทุกคนเริ่มต้นที่ตนเอง ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงก็จะไม่ป่วย  หากป่วยก็ป้องกันตนเองไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น หยุดเรียนหยุดงานอยู่ที่บ้าน มีความรับผิดชอบต่อสังคม  ก็จะเป็นการตัดวงจรโรคนี้ไปพร้อมกัน สุดท้ายก็จะหยุดการระบาดได้ และหากทบทวนให้ดี คิดบวกอย่างมีสติ โรคนี้ก็ทำให้คนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ มีสุขอนามัยมากขึ้น มีการวางแผนและระดมความรู้ รวมถึงทบทวนทรัพยากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการดีสำหรับการเตรียมการรองรับโรคอุบัติใหม่/อุบัติซ้ำ ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่าเดิม
     ขอให้ทุกท่านเผชิญกับวิกฤตการณ์อย่างมีสติ รู้เท่าทัน และช่วยแก้ปัญหาพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มต้นที่ตนเอง ผมเชื่อว่าความทุกข์จะน้อยลงและจะพบทางออกได้ในที่สุดครับ

หมายเลขบันทึก: 280002เขียนเมื่อ 25 กรกฎาคม 2009 11:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • สวัสดีค่ะ
  • การมองแบบเชื่อมโยงบูรณาการ เป็นปัญหาทั่วไปหรือเปล่าคะที่ทำกันไม่ค่อยได้ ต่างคนต่างทำต่างคิด แล้วก็แยกส่วนอ่ะค่ะ
  • รักษาสุขภาพนะคะ

ขอบคุณข้อมูลค่ะ ตอนนี้กำลังสนใจและศึกษาเรื่องนี้อยู่ค่ะ

วิกฤตการณ์การเมืองเรื่องเล็กน้อย            วิกฤติเศรษฐกิจเรื่องจ้อยค่อยแก้ไข

วิกฤติสุขภาพความป่วยใจ                        เรื่องยิ่งใหญ่ใจเราป่วยช่วยด้วยธรรม

ขอบคุณครับ

หากสนใจเกี่ยวกับจิตตปัญญาศึกษา ผมขอแนะนำ

ให้ไปที่ htpp://jittapanya.blogspot.com

"แม้นเด็ดดอกไม้ยังสะเทือนถึงดวงดาว"

คงต้องเริ่มที่ตัวเราเอง..พิจารณาตัวเองให้ถ่องแท้

ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท