เมื่อวานนี้ดิฉันได้มีโอกาสชมรายการ " ชีพจรโลก" ของคุณสุทธิชัย หยุ่น ทางไมเดิิร์นไนน์ทีวี ที่สัมภาษณ์นางฮิลลารี่ คลินตัน รมต ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ที่เข้าร่วมประชุมเวทีความมั่นคงอาเซียน
แต่ก่อนหน้าจะมีการประชุม นางฮิลลารี คลินตัน ได้พบกับนักสิทธิมนุษยชนสตรีไทย 3 ท่าน คือ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม, นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสว.เชียงราย , และนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ (ขวาสุด) รองประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ และผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมือง

ถือว่าเป็นการให้เกียรติและให้กำลังใจแก่สตรีไทยและนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศแถบภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนมาก รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีการกักบริเวณ นางอองซาน ซูจีของรัฐบาลทหารพม่าด้วย
ส่วนนี่เป็นบทสัมภาษณ์โดยคุณสุทธิชัย หยุ่นและวีณารัตน์ เลาหภคกุล


คุณพบนายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อวานนี้ สำเนียงแบบอังกฤษของเขาเป็นอย่างไรบ้าง
-
การ พูดคุยเป็นไปอย่างดีมาก เราพูดคุยกันในหลายๆ เรื่อง ฉันเริ่มจากการขอบคุณประเทศไทยที่เป็นพันธมิตรที่ดีกับเรามายาวนานถึง 176 ปี เรายังพูดถึงสิ่งที่ไทย-อเมริกันทำร่วมกัน การต่อสู้ปัญหาโรคเอดส์ การกระชับความสัมพันธ์ด้านทหาร การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ และประเด็นด้านภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประชุมอาเซียนในครั้งนี้
เวลาคุณพูดถึงประเทศไทย ภาพลักษณ์ประเทศไทยปัจจุบันเป็นอย่างไร
-
เป็น ภาพลักษณ์ที่บวกหรือลบอย่างไร ฉันคิดว่าการที่เราเป็นพันธมิตรและมีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนานทำให้เราเข้า ใจประเทศไทยในเชิงกว้าง ฉันรู้ว่า เมืองไทยเป็นเมืองแห่งรอยยิ้มและเป็นที่ที่ประชาธิปไตยกำลังเติบโต แม้บางครั้งการเมืองไทยเผ็ดร้อนยิ่งกว่าอาหารไทยเสียอีก
เมืองไทยในสายตาคุณเป็นอย่างนี้นี่เอง
-
ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนไทยต้องแก้ปัญหาเอง แต่ฉันเชื่อมั่นในประชาธิปไตยที่กำลังเติบโต และความมีเสถียรภาพของไทย
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้วันนี้คุณใส่เสื้อสีเขียวหรือเปล่า
-
แต่ฉันว่ามันเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์มากกว่า ฉันผิดหรือเปล่า ฉันรู้ว่ามีสีบางสีที่ฉันไม่ควรใส่
มีคนบอกคุณใช่หรือไม่
-
มีคนบอกฉันมา แต่ไม่เป็นไร เพราะฉันอาจจะใส่สีบางสีไม่ค่อยขึ้นอยู่แล้ว
การมาเยือนเอเชียและอาเซียนครั้งนี้คุณต้องการจะบอกอะไรกับอาเซียน
-
สิ่ง ที่อยากจะบอก ก็คือ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา และฉันเองให้ความสำคัญแก่ภูมิภาคนี้อย่างมาก เราไม่ได้มีพันธมิตรอันยาวนานอย่างประเทศไทยเท่านั้น แต่เราเชื่อว่า ทั้งภูมิภาคมีพันธสัญญาคล้ายๆ กัน และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันเลือกเดินทางมาเอเชียหลังเข้ารับตำแหน่ง และฉันก็เดินทางกลับมาอีกครั้งภายใน 6 เดือน และก็มาประชุมอาเซียนที่ภูเก็ต เพราะเราอยากให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ระดับประเทศกับประเทศ แต่ทั้งภูมิภาค มีหลายประเด็นที่ไทยกับสหรัฐไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาโดยลำพังได้ เราต้องแก้ปัญหาตั้งแต่โรคติดต่อจนถึงปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ฉันเชื่อมั่นว่า สหรัฐจำเป็นที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในภูมิภาคนี
อะไรคือสิ่งที่แตกต่างระหว่างนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลบุช และรัฐบาลโอบามา โดยเฉพาะนโยบายต่อเอเชีย
-
ฉัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลโอบามาจะแสดงให้เห็นว่า สหรัฐกลับมาสู่เอเชียแล้ว (America back in Asia) เราเห็นความคืบหน้าในหลายๆ ด้านในเอเชีย และเราคิดว่ายังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ เราต้องการให้คนเอเชีย ไม่ใช่แค่รัฐบาล รู้ว่าสหรัฐจะผูกพันกับเอเชียในระยะยาว (longhaul)
อะไรคือภัยที่ร้ายแรงที่สุดต่อสันติภาพในภูมิภาคนี้
-
ภัยที่ฉันคิด ว่าร้ายแรงอันดับแรกๆ เลยก็คือ การสะสมอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง แน่นอนว่า เรากังวลกับปัญหานิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ และรายงานล่าสุดที่ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจจะใกล้ชิดกับพม่ามากขึ้น เรากังวลเกี่ยวกับการโอนถ่ายเทคโนโลยีนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือไปยังพม่า ซึ่งเราจะพูดคุยเรื่องนี้กับรัฐมนตรีต่างประเทศทุกท่านที่ภูเก็ตแน่นอน
ใครทำให้คุณปวดหัวมากกว่ากัน คิม จอง อิล - มาห์มูด อาห์มาดิเนจาด - นายพลตัน ฉ่วย - โอซามา บิน ลาเดน และฮูโก ชาเวซ
-
พวกเขาทำให้ฉันปวดหัวตลอดเวลาเลย ก็คุณพูดถึงคนที่สหรัฐมองว่ามีบทบาทในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งฉันก็ต้องปวดหัวกับทุกๆ คนเลย
แล้วพม่าละ ถ้านางออง ซาน ซูจี ไม่ได้รับการปล่อยตัว คุณจะเห็นด้วยหรือไม่ถ้าอาเซียนจะไล่พม่าออกจากกลุ่ม
คุณจะกระตุ้นให้อาเซียนทำอย่างนั้นกับพม่าหรือไม่
-
ฉันคิดว่า นั่นก็เป็นนโยบายที่ควรจะต้องพิจารณา เพราะประเทศอื่นๆ ในอาเซียนก็มีปัญหาการเมืองเหมือนกัน แต่เราก็ยังเห็นการเติบโตอย่างมั่นคงของประชาธิปไตยจากประเทศเหล่านั้น รวมถึงด้านสิทธิมนุษยชน และการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นในพม่า
คุณจะหยุดวิธีการของซีไอเอในการมีคุกลับ เหมือนที่มีในเมืองไทยที่ใช้วิธีทรมานผู้ต้องหาหรือเปล่า
-
ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องในอดีต เราข้ามผ่านตรงนั้นมาแล้ว รัฐบาลของเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ที่เปิดเผยและเป็นที่ยอมรับในมาตรฐานสากล
คุณทราบหรือเปล่า หรือคุณพูดไม่ได้
-
ที่ฉันไม่พูดเป็นเพราะฉันทำตาม คำแนะนำที่ว่าไม่ควรพูดเกี่ยวกับข้อมูลข่าวกรอง การที่ฉันไม่พูดไม่ได้แปลว่าใช่หรือไม่ใช่ มันแปลว่าเราไม่พูดเกี่ยวกับมัน เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทย
รู้สึกอย่างไรที่ต้องทำงานให้อดีตคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันในการหาเสียง ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นประธานาธิบดี
-
เป็น หนึ่งในคำถามที่คนถามกันมาก ลองคิดดูสิเราขับเคี่ยวกันอย่างหนัก แถมยังพูดสิ่งที่อาจไม่ค่อยดีถึงกัน แต่ในประเทศของเรา เมื่อการเลือกตั้งสิ้นสุดลง เราพยายามทำงานร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และในระบบของเรา เมื่อประธานาธิบดีขอให้คุณเข้ามาทำหน้าที่ คุณรู้สึกคุณควรทำเช่นนั้นเพื่อให้ประธานาธิบดีประสบความสำเร็จ และประธานาธิบดีก็ขอให้คนจากพรรครีพับลิกันมาทำงานให้ด้วย ไม่เฉพาะจากพรรคเดโมแครต รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็เคยขับเคี่ยวกับประธานาธิบดีโอบามาช่วงหนึ่ง
-
ตอนฉันอยู่ในอินโดนีเซีย ถูกถามคำถามนี้มาก ฉันจึงตอบไปว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อเมริกาเรียนรู้ตลอดหลายปีแห่งการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย นั่นคือประเทศชาติต้องมาก่อน การเมืองมาแล้วก็ไป คนแพ้และชนะการเลือกตั้ง ทันทีที่การเลือกตั้งจบลง คุณอาจยังมีความเห็นด้านนโยบายไม่ตรงกัน แต่เราควรพยายามเดินหน้าไปด้วยกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
คุณรู้ไหมว่า นายกฯ ของไทย ถูกเรียกว่าโอบามาร์ค เพราะมีความคล้ายคลึงกับโอบามา ในแง่การเป็นคนหนุ่ม การขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว
-
ทั้งสองคนเป็นเดโมแครตทั้งคู่
คุณเห็นด้วยไหมกับการเรียกเขาว่า โอบามาร์ค
-
ฉันคิดว่า มันไม่ยุติธรรมที่จะเปรียบเทียบผู้นำคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง ต่างคนต่างไม่เหมือนกัน แต่สำหรับคุณสมบัติที่คุณพูดถึง มันเป็นยุคของผู้นำที่เป็นคนหนุ่มสาวอายุน้อยกว่าเรา พวกเขาเต็มไปด้วยพลัง ความใส่ใจ และทำงานหนัก เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์การเมืองแต่ละประเทศแตกต่างกันไป ฉันรู้สึกประทับใจกับจำนวนของผู้นำซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น ฉันหวังว่าคนรุ่นใหม่จะเรียนรู้ข้อผิดพลาดของคนรุ่นเก่า พวกเขาต้องเข้าใจว่า รัฐบาลต้องทำเพื่อประชาชน โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตย คุณต้องแสดงให้เห็นว่ามีความหวังในการเปลี่ยนแปลงที่จะช่วยเหลือผู้คน ให้มีทรัพย์สิน สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกหลานของตน หากผู้นำมีความมุ่งมั่นอย่างนั้น ก็จะมีผู้นำหลายคนที่เป็นเหมือนประธานาธิบดีโอบามา ที่เข้าสู่วงการเมืองด้วยการต่อสู้และทำงานหนัก นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะเห็น

ชอบตรงคำถามที่เธอตอบถึงการทำงานร่วมกันระหว่างอดีตคู่แข่งในการหาเสียงประธานาธิบดี นายบารัค โอบามาว่า
" ประเทศชาติต้องมาก่อน การเมืองมาแล้วก็ไป คนแพ้และชนะการเลือกตั้ง ทันทีที่การเลือกตั้งจบลง คุณอาจยังมีความเห็นด้านนโยบายไม่ตรงกัน แต่เราควรพยายามเดินหน้าไปด้วยกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ"
เพราะเหตุนี้ละมัง ประเทศของเขาถึงแตกต่างและเจริญกว่าประเทศของเรา ..
รายการสัมภาษณ์จบแล้วรู้สึกดีใจที่ได้ดู ได้ทั้งความประทับใจ และแรงบันดาลใจหลายๆอย่างเชียวค่ะ
ขอบคุณที่มา และ link เกี่ยวข้อง :
OK Nation Blog http://www.oknation.net/blog/black/2009/07/22/entry-1
http://www.oknation.net/blog/prompzy/2009/07/23/entry-1
ข่าว Mcot blog http://blog.mcot.net/entry.php?w=chavida&e_id=467
Manager http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083046
The Nation http://www.nationmultimedia.com/2009/07/23/politics/politics_30108155.php