ทำไมจึงต้องผสมผสาน? Why Blend?
ผลประโยชน์ของการผสมผสาน The Benefits of Blending
Singh. 2003 กล่าวไว้ว่า การจัดการเรียนแบบผสมผสานไม่ได้เป็นวิธีการใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ในอดีตนั้นก็มีการจัดองค์ประกอบทางกายภาพในชั้นเรียนแบบผสมผสาน ได้แก่ ผู้สอน ห้องปฏิบัติการ หนังสือ หรือ คู่มือต่างๆ สำหรับในปัจจุบันนี้นั้นมีตัวเลือกในองค์ประกอบอีกมากมายที่สามารถใช้ในการจัดการเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ จากตารางที่ 1 เป็นแนวคิดของการจัดการเรียนแบบผสมผสานในระดับรากฐานของความคิดในการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ทุกรูปแบบ การจัดการเรียนรู้จึงจัดเป็นกระบวนการที่ดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ความหลากหลายของการจัดการเรียนแบบผสมผสานจึงก่อให้เกิดผลกำไรต่อการเรียนรู้ และการขนถ่ายสื่อต่างๆ ได้ด้วย
การขยายขอบเขต Extending the Reach
ในรูปแบของการส่งข้อมูลรูปแบบเดียวนั้นมีข้อจำกัดในการเข้าถึงโปรแกรมการเรียนรู้ หรือ การถ่ายโอนความรู้ที่ต้องมีการระมัดระวังเป็นพิเศษ หากเกิดความผิดพลาดขึ้น ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอน/ฝึกอบรมในชั้นเรียนปกติมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลความรู้ต่างๆ การร่วมกิจกรรมแบบมีส่วนร่วมนั้นมีขอบเขตจำกัดทั้งด้านเวลา และสถานที่ ในขณะที่ ห้องเรียนเสมือนจริงซึ่งเป็นที่รวมในการเข้าถึงข้อผู้ฟัง และ สามารถติดตามความรู้ได้ตลอดเวลาตามที่ตนเองต้องการ ทั้งการฟังซ้ำ หรือ การติดต่อข้อมูลแบบสด หรือ แบบทันทีทันใด สิ่งเหล่านี้ช่วยขยายโอกาสให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าเรียน หรือ อบรมในชั้นเรียนปกติได้
เพื่อสร้างให้เกิดจุดที่เหมาะสมที่สุดของต้นทุน และ เวลา
การรวมเอาวิธีการขนส่งข้อมูลที่แตกต่างกันมาใช้ร่วมกันนี้ก่อให้เกิดศักยภาพซึ่งนำไปสู่ความสมดุล และจุดที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาโปรแกรมการจัดการเรียนรู้ และพัฒนาด้านต้นทุนและเวลา ซึ่งเป็นผลรวมของการเรียนรู้ออนไลน์ การเรียนรู้แบบควบคุมอัตราจังหวะการเรียนด้วยตัวเอง การใช้สื่อที่หลากหลาย บทเรียนการสอน/อบรมบนเว็บ ที่ช่วยทำให้เกิดทักษะ และแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย แต่การรวมกันของการเรียนรู้ร่วมกันในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง และ การสอนแบบชี้แนะนั้นจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ร่วมกันเพื่อช่วยในการเรียนรู้แบบควบคุมอัตราจังหวะการเรียนด้วยตนเอง ตัวอย่างเช่น รูปแบบของเว็บฝึกอบรมด้วยตนเองที่ประกอบด้วย เอกสาร กรณีตัวอย่าง การบันทึกเหตุการณ์ในอีเลิร์นนิง การบ้าน และ ไฟล์นำเสนองานด้วยPowerPoint (เพื่อให้สร้างงานนำเสนอได้ง่ายและลดทักษะเวลาในการผลิต) สิ่งเหล่านี้มีส่วนทำให้การเรียนรู้เกิดประสิทธิภาพ และ อาจมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นมาก
สิ่งที่ปรากฏให้เห็นของการทำงานแบบผสมผสาน Evidence that Blending Works
เราเห็นได้ว่าการแผ่ขยายของการจัดการเรียนแบบผสมผสานนั้นได้มีรูปแบบงานวิจัยยังมีไม่มากนัก ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของการออกแบบโปรแกรมการผสมผสานที่จะให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีงานวิจัยจากสถาบันต่างๆ เช่น Stanford University and the University of Tennessee ได้มีการนำเอาความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาใช้เพิ่มมูลค่าในรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมสานโดยได้รวมเขาวิธีการสอนแบบปกติและรูปแบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านทางเทคโนโลยีอีเลิร์นนิง งานวิจัยนี้ทำให้เรามั่นใจได้ว่า การจัดการเรียนแบบผสมผสานไม่เพียงก่อให้เกิดประสิทธิผล และประโยชน์ในการขนส่งข้อมูลเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นด้วย
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีประสบการณ์ในโปรแกรมการจัดการเรียนการสอนบนเว็บแบบผู้เรียนควบคุมอัตราการเรียนได้ด้วยตนเองสำหรับเยาวชน มากว่า 10 ปี ปัญหาที่เขาพบก็คือ เพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของนักเรียนทั้งหมดเท่านั้นที่ให้มีแรงกระตุ้นในการสนใจในการเรียน พวกเขาจึงหาสาเหตุของปัญหาและพบว่ามี มีการจับคู่ที่ผิดพลาดระหว่าง รูปแบบความต้องการเรียนรู้ของนักเรียน ด้านปฏิสัมพันธ์ สังคม การเรียนรู้ด้วยการปรึกษา กับการใช้งานผ่านเทคโนโลยี พวกเขาต้องการให้มีการเพิ่มการให้คำแนะนำแบบสดในระบบอีเลิร์นนิงเพิ่มขึ้นอีก 94% ดังนั้น ในการปรับปรุงและพัฒนาจึงเชื่อว่าจะสร้างแรงจูงใจให้เกิดต่อผู้เรียนด้วยการจัดตารางการคุยสดเพิ่มเข้าไปนอกเหนือจากการเรียนรู้ด้วยเครื่องมือในการเรียนรู้แบบควบคุมอัตราการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นการเพิ่มช่องทางในการปฏิสัมพันธ์ของผู้สอน และ เพื่อนร่วมชั้นเรียน และ ทำให้ประสบการณ์ในการติดตามผลเป็นไปในระดับคุณภาพสูง จากการวิจัยอย่างเข้มข้นของมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดมีข้อแนะนำวา การใช้เครื่องมือในการเรียนแบบควบคุมอัตราการเรียนรู้ด้วยตนเอง แล้วเสริมด้วยการติดต่อสื่อสารแบบสดในอีเลิร์นนิงควรที่จะคำนึงถึงผลที่ครอบคลุมอัตราการใช้ และ การแข่งขัน การจัดการความสามารถเหล่านี้ช่วยเพิ่มความรวดเร็ว และทำให้ได้รับผลตอบแทนในการใช้บทเรียนเรียนด้วยตนเองบนเว็บ
ส่วนงานวิจัยโดยผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยเทนนิสสี (The University of Tennessee’s Physician’s Executive MBA (PEMBA)) นั้น ได้จัดทำโปรแกรมสำหรับ เสริมอาชีพแพทย์ ซึ่งเป็นการสาธิตการปฏิบัติที่ใช้โปรแกรมการเรียนแบบผสมผสานได้อย่างสมบูรณ์โดยสามารถใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งของเวลาเดิมได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นจึงทำให้ประหยัดต้นทุนได้มาก พร้อมทั้งได้ผสมอีเลิร์นนิงแบบสดเข้าไปด้วย มีการสอนแบบผู้เรียนควบคุมอัตราการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และ การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนปกติ ส่งผลให้การเรียนรู้น่าสนใจยิ่งขึ้น เหล่านี้เป็นโปรแกรมการออกแบบที่ดี โดยใช้การสาธิตทั้งหมดประมาณ 10% ซึ่งทำให้ได้รับผลตอบแทนในประสิทธิภาพการเรียนรู้มากกว่าการเรียนรู้ในชั้นเรียนปกติ รูปแบบการเรียนครั้งแรกนั้นแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงพัฒนาเพิ่มจากการใช้อีเลิร์นนิงแบบเดิมก่อให้เกิดผลที่ความสมดุลยิ่งขึ้น ผลจากการวิจัยทำให้เชื่อมั่นยิ่งขึ้น โดยได้มีการเพิ่มการจัดประสบการณ์ผสมผสานเข้าไปด้วย รวมถึงการใช้รูปแบบทางกายภาพที่หลากหลาย และรวมการเรียนรู้แบบสดเสมือนจริงรวมเข้าไปด้วย ซึ่งทำให้นักศึกษามีความสามารถสูงขึ้น จากการทดสอบผลการเรียนรู้ในการปฏิบัติงานตามบริบทเนื้อหาที่เรียน และยังใช้การเรียนรู้ร่วมกันระหว่างเพื่อนร่วมชั้นเรียน ซึ่งถูกปรับให้เหมาะกับบริบทต่างๆของนักศึกษา
ที่มา : http://www.asianvu.com/bookstoread/framework/blended-learning.pdf
แปลโดย ปทุมารียา ธัมมราชิกา
ไม่มีความเห็น