ชัยนาท : แท้งไปเที่ยวไป : ตอนที่ 1


ชัยนาท : แท้งไปเที่ยวไป

        ผมกับจิ๋มเคยมาเที่ยวที่ชัยนาทเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งนั้นก็คือเมื่อปี พ.ศ. 2543 หลังจากสอบบอร์ดเสร็จเรียบร้อย ขับ "คุณตูดดำ" Mondeo คู่ใจไต่ขึ้นมาจากมหานคร แวะไปอยุธยา และเลี้ยวซ้ายเข้าชัยนาทเพื่อดูเขื่อนแห่งแรกของประเทศไทยที่กั้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่นี่ และนี่ก็คงจะมากพอที่จะบอกได้ว่า เคยเที่ยวชัยนาทแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะไม่เคยรู้เลยว่า จะเที่ยวที่ชัยนาททำไม เพราะตอนนั้นจุดมุ่งหมายของเราสองคนอยู่ที่ลพบุรี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และชัยภูมิต่างหาก

        แต่การได้เข้ามาเที่ยวในเมืองชัยนาทคราวนี้ทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่า ผมเข้าใจผิด

 

        และก็เช่นเคยที่ผมจำต้องระหกระเหินจากลูกแก้วเมียขวัญ (ไม่ใช่เมียหลวงนะครับ) เพื่อภารกิจที่สำคัญอันเป็น mission ของชีวิตตัวเอง นั่นก็คือการเผยแพร่ประสบการณ์ผ่านความรู้ของตนที่เกี่ยวกับการทำแท้งให้ผู้อื่นได้รับรู้ ครั้งนี้อาจจะเป็นภาคที่สองของการเดินทาง เพราะสืบเนื่องมาจากการไปที่วิทยาลัยพยาบาลของจังหวัดนครสวรรค์เมื่อครั้งเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางวิทยาลัยที่ชัยนาทจึงติดต่อคุณนงลักษณ์เพื่อให้ทีมของพวกเราได้มาเล่าเรื่องราวของการทำแท้งให้นักศึกษาพยาบาลฟังในครั้งนี้อย่างไรเล่าครับ

        ผมออกเดินทางมาจากหาดใหญ่ในสายวันนี้ 20 กรกฎาคม 2552 โดยบังเอิญที่ได้นั่งมากับเพื่อนร่วมรุ่นที่กำลังเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในโรงพยาบาล "ตั๊ก" หมอกิตติพงศ์ เรียบร้อย รังสีแพทย์ผู้ที่มีความสามารถอย่างสูงในสาขาโรคทางสมอง ได้นั่งคุยกับตั๊กตั้งแต่ขึ้นรถตู้ของคณะ จนถึงสนามบิน จนถึงบนเครื่องบิน เราทั้งคู่เป็นเด็กหางเครื่อง วันนี้เลยโงนเงนไปหน่อยเพราะท้ายเรือบินมันสะบัดเพราะเมฆฝนและหลุมอากาศ แต่นั่นก็ยังไม่ได้ทำให้อรรถรสของการคุยหมดไป ตั๊กได้สอนอะไรให้ผมตั้งหลายอย่าง เขาถามผมว่า "เคยไหมที่บางทีเรามีอารมณ์หงุดหงุดกับลูกและเมียที่บ้าน" "เคย" เขาเลยเล่าเรื่องราวจาก forward mail ให้ฟัง เรื่องที่เราคุยกับคนอื่นอย่างไพเราะเสนาะหู แต่กับลูกเมียนั้น บางทีกลับแสดงกิริยาที่เป็นตรงกันข้าม หลายๆครั้งเรากลับบ้านโดยพกหลักการอะไรตั้งหลายอย่างไปไว้ในบ้าน ทั้งๆที่ที่บ้านนั้น ควรใช้หัวใจในการอยู่ร่วมกันมากกว่าคำว่าหลักการและการบริหาร เรียกได้ว่า การคุยครั้งนี้เป็นกุศลต่อผมอย่างแรง

        สุนทรียสนทนาระหว่างผมและเพื่อนยังไม่หยุดแค่นี้ เพราะผมมีนัดจะออกเดินทาง

ไปชัยนาทกับรถของกรมอนามัย ที่มีกำหนดออกจากรามาธิบดีราว 3 โมง ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าจะไปพักผ่อนอิริยาบทในโรงแรมที่เพื่อนมานอนพักแถวๆต้นถนนราชปรารภ แต่ด้วยความคิดถึงรุ่นน้องอีกคนหนึ่ง "คุณหมอพู่" ผู้ซึ่งเพิ่งลาออกจากม.อ.มาอยู่ที่กรุงเทพเพื่อเติมความเป็นครอบครัวให้เต็มสมบูรณ์ เลยได้โทรศัพท์นัดให้มาพบปะกัน ว่าแล้วผมกับตั๊ก หลังจากล้างหน้าล้างตากันเป็นที่เรียบร้อยก็ออกเดินไปยังอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แวะกินข้าวมื้อเที่ยงริมทางเดิน แล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปยังจุดนัดพบแถวๆสยามฯ และยังได้เด้งที่สองเมื่อพู่ได้นัดให้ "แนน" น้องรหัสเมียที่สนิทชิดเชื้อให้มาได้คุยกันให้หายรำลึก

        กว่าจะได้ออกจากกรุงเทพก็ล่วงไป 4 โมงเย็น ติดอยู่ในถนนอยู่อีกพักใหญ่เราจึงหลุดออกมาอยู่ในถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ผ่านอยุธยา สิงห์บุรี และเพียงไม่นานทางเลี้ยวซ้ายเข้าชัยนาทก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว

        คืนนี้ผมได้มาพักที่ "บ้านสุวรรณา การ์เด้น" รีสอร์ทริมแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงเหนือเขื่อน รีสอร์ทเล็กๆเรียบง่ายและร่มรื่น เพียงก้าวแรกที่เข้ามาในรีสอร์ทนั้น ได้ประทับใจกับการจัดการเรื่องต้นไม้อย่างดี ปีบ บุหงาส่าหรี จิก ปาล์มหางกระรอก อินทนิน ร่วมด้วยกับต้นไม้เล็กๆอีกหลากหลายชนิด ไม้เถาที่ถูกปลูกให้เลื้อยขึ้นบนหลังคาทางเดินแล้วปล่อยให้รากย้อยลงมาระเกะระกะ แต่งดงาม ผมยืนเฝ้าดูนกอีแพรด 2 ตัวกำลังจิกตีกัน ดูไม่ออกว่ามันเป็นตัวละเพศหรือเพศเดียวกัน เดายากว่ามันกำลังจิกตีหรือเกี้ยวกัน เพลินไปเลยครับ

        ภายในห้องพักดูกว้างขวาง ซึ่งอาจจะกว้างจนเกินไปด้วยซ้ำ เครื่องเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้เสียเป็นส่วนใหญ่ โถงสูงและสูงจนทำให้ไฟค่อนข้างสลัว ทำให้คิดไปไกลว่า คืนนี้จะนอนหลับไหมเนี่ย

        มื้อเย็นนี้อาจารย์จากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชัยนาท ได้กรุณามารับไปกินที่ร้าน "เรือนอรัญญา" ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ห่างจากรีสอร์ทเพียงไม่ถึงกิโลเมตร ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามนัก เจ้าของร้านที่อุตส่าห์ออกมาต้อนรับแล้วแนะนำให้เราเข้าไปดูในห้องน้ำ ทั้งนี้เพราะว่าเขาจัดไว้อย่างสะอาดสวยงาม อ่างน้ำล้างมือเป็นไม้ที่ถูกขุดลงไปเป็นหลุม มีไม้โชว์ในสวนที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนหัวกวางมีเขาสวยงาม อันนี้ต้องบอกว่าเป็นของจริงที่ไม่ได้รับการตัดแต่งเลย เขายังคงมีรากไม้กรันเกราที่มองดูเหมือนหัวช้าง มีไม้เป็นรูปพญานาค โอย..มากมายจริงๆ เรื่องอาหารก็อร่อยเสียจนไม่อยากอิ่ม ปลาคังลวกจิ้ม ต้มยำปลาม้า ปลาม้าสามรส ปลาคังผัดขี้เมา ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ผัดผักรวม (อันนี้ของตาย) ทอดมันกุ้ง ซู้ดส์......ตบด้วยส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวา ที่อร่อยกรุบกรอบ ไม่ชุ่มน้ำเหมือนทองดียี่ห้อปากพนัง

        ดูเหมือนชัยนาทได้ใจผมไปแล้วครึ่งหนึ่งจากที่พักและของกระแทกปาก แต่นั่นยังไม่ถึงที่สุด จนกระทั่งคุณนงลักษณ์ได้โทรศัพท์ไปที่รีสอร์ท ถามเขาว่ามีหมอนวดไหม เมื่อเขาบอกว่ามี เธอจึงติดต่อหาหมอนวดเพื่อผม 1 คน ผมเน้นว่า "เอาเฉพาะนวดแผนไทยเท่านั้นนะ นวดจริงๆ นวดจังๆ ไม่ทำอย่างอื่น" เป็นหมอนวดที่จะมาบริการในห้องพัก เพราะเขาไม่มีห้องนวดเฉพาะ นั่นเหมือนกับการออกรบอีกครั้งของผม เพราะเมื่อตกปากรับว่าอยากนวด มีคนจัดหาให้ คราวนี้จึงเป็นเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจขึ้นมาตะหงิดๆ พยายามชวนอาจารย์ประทักษ์เพื่อให้มานวดด้วยกันในห้อง เพราะผมกลัวจริงๆ อาจารย์ก็ไม่กรุณา ผมตายแน่ๆคราวนี้ ตราบจนมีโทรศัพท์แจ้งเข้ามาว่า หมอนวดไม่ว่างเลย ติดแขกหมด เพียงเท่านั้นผมก็เลยได้โล่งใจ ฮา...

หมายเลขบันทึก: 278725เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2009 14:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 21:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

ประทับอาจารย์มากค่ะ

ขอบคุณที่กรุณาที่มาให้ความรู้น่ะค่ะ

ปล.

พิมพ์คำว่า "ใจ" ส่งตามมาทีหลังค่ะ

ขอบคุณครับเด็กใต้

ขอบคุณที่รับฟังอย่างตั้งใจ

ขอบใจเสียงกรี๊ดสลบ

ขยันเรียนนะครับ

มีอีกคนที่เข้ามาทาง e-mail

ขออนุญาตเอามาลงครับ

ดีใจค่ะที่อาจารย์มาบรรยายที่ วพบ ชัยนาท ขอบคุณที่มาให้ความรู้กับพวกหนูที่เป็น วพบ เล็กๆ อยากให้มาอีกจังเลยค่ะ

.............ขอให้อาจารย์เดินทางกลับสงขลาโดยสวัสดิภาพ นะค่ะ...........นศ พยาบาลปี -

วันนี้ได้ทั้งความรู้และความสนุกสนานมากเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะสำหรับความรู้ และการถ่ายทอดความรู้ ให้รับรู้ว่าคนที่ไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์เป็นอย่างไรบ้าง ขอบคุณสำหรับคำพูดที่ทำให้เข้าใจว่าบางคนถึงจะทำผิด แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น ขอบคุณสำหรับความตั้งใจจริงที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ เพื่อที่จะสอนน้องๆพยาบาล ขอบคุณค่ะ

ยินดีเสมอครับ

ที่ทำไปนั้น หลายๆครั้งก็เพื่อเป็นการขอโทษในสิ่งแย่ๆที่เคยคิดว่าเป็นสิ่งดี เลยปฏิบัติไปโดยไม่รู้ว่าได้เคยทำร้ายจิตใจใครไปบ้าง

ขอบคุณนะครับ

ขอบคุณอย่างที่สุด

สิ่งที่ได้จากการฟังเรื่องที่อาจารย์หมอพูดมันมากกว่าคำว่าความรู้ บางสิ่งมันคือชีวิตจริงของมนุษย์ที่ใครหลายคนไม่เคยประสบ เราสามารถเรียนรู้ความถูกต้องและความผิดพลาดจากพวกเขาได้ เรียนรู้ คิด วิเคราะหื และปรับใช้ให้เหมาะสม เป็นสิ่งที่ดีใช่มั้ยคะ

..............ด้วยความเคารพอย่างสูง............

สวัสดีค่ะอาจารย์

ดีใจมากๆค่ะที่อาจารย์กรุณามาที่วพบ.ชัยนาท

อยากให้อาจรย์มาให้ความรู้กับน้องรุ่นต่อๆๆๆๆๆไปอีกนะค่ะ

ได้ความรู้จากอาจารย์มากมายเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆเลยนะค่ะที่อาจารย์มาให้ความรู้พวกเรา

"ผมยืนเฝ้าดูนกอีแพรด 2 ตัวกำลังจิกตีกัน ดูไม่ออกว่ามันเป็นตัวละเพศหรือเพศเดียวกัน เดายากว่ามันกำลังจิกตีหรือเกี้ยวกัน เพลินไปเลยครับ"

สมกับเป็นหมอสูติจริงๆครับคุณหมอ

ขอ upload รูปมาดูหน่อยครับ

เสียดายจังเลยพี่ 1

ไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปติดไปด้วย

สวัสดีค่ะอาจารย์

ตอนนี้บรรยายที่ไหนค่ะ

มีความสุขมากๆน่ะค่ะ

สวัสดีค่ะ

แวะเข้ามาอ่านตอนจบค่ะ

อาจารย์เขียนเก่งมากเลยน่ะค่ะ

ว่าแล้วก็ได้รับ forward mail ในวันนี้

ฉันเดินชนคนแปลกหน้า

ฉันเอ่ยขอโทษไม่ตั้งใจ

เขากลับตอบ "ขออภัย ผมเองไม่ทันเห็นคุณ"

ราต่างสุภาพ ถ้อยทีถ้อยอาศัยแสดงน้ำใจ แม้ไม่รู้จักกัน

แต่ที่บ้านเย็นวันนั้น ฉันทำอาหารอยู่ในครัว

ลูกสาวตัวน้อยแอบมายืนข้างหลัง ไม่ทันระวังฉันหันกลับมาชนเธอล้มลง

"อย่ามายืนเกะกะ" ฉันดุใส่ ลูกสาวเดินจากไป หัวใจเธอปวดร้าว

คืนนั้นฉันได้ยินเสียงกระซิบจากเบื้องลึกของหัวใจ

กับคนแปลกหน้าเจ้าสุภาพได้กับลูกรักชิดใกล้ ทำไมทำได้ลงคอ

ดูที่พื้นครัวสิดอกไม้หลากสีที่ลูกอุตส่าห์เก็บมาหวังให้เจ้าแปลกใจตกเกลื่อนอยู่ทั่วไป

น้ำตาเธอใหล เหตุใดไม่แลเห็น"

ฉันเพิ่งรู้ตัว เลยค่อยๆ ย่องเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างเตียงลูก

"ตื่นเถิดคนดีดอกไม้นี่ลูกเก็บมาให้แม่หรือ"

ลูกตอบ " ใช่ค่ะ หนูเห็นดอกไม้บาน สวยงามเหมือนคุณแม่ รู้ว่าคุณแม่ต้องชอบโดยเฉพาะดอกสีน้ำเงิน"

ฉันตื้นตันใจนัก " ลูกรัก แม่ขอโทษจริงๆ ที่เอ็ดหนู"

"แม่จ๋า ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูรักแม่ "

"แม่ก็รักลูก แม่ชอบดอกไม้ของหนูมาก โดยเฉพาะสีน้ำเงินจ้ะ"

หากเราตายจากไปในวันพรุ่งนี้

อีกไม่กี่วันนายจ้างก็หาคนใหม่มาทำแทนได้

แต่ครอบครัวที่อยู่ข้างหลังอาจโศกเศร้าไปชั่วชีวิต

ลองคิดดูว่าคุ้มไหมหากเราจะทุ่มเทตัวเองให้กับงานมากกว่าครอบครัว

รู้ไหมคำว่า "FAMILY" ย่อมาจาก

FATHER

AND

MOTHER

I

LOVE

YOU.

ให้เวลากับพ่อ-แม่ของคุณมากขึ้นยามท่านแก่ตัวลง

รู้จักแบ่งเวลาให้กับงานและคนที่บ้านให้สมดุลกัน

หากมีใครมาบอกให้จัดความสำคัญเสียใหม่

จงย้อนถามกลับไปว่าครอบครัวสำคัญน้อยกว่าหรือไร?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท