เมื่อวาน (9 พ.ค.49) เป็นโอกาสดี
ที่ทางทีมวิจัยจังหวัดนครศรีธรรมราช
ได้พาคณะกรรมการเครือข่ายองค์กรการเงินชุมชน ตำบลกะหรอ
กิ่งอำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ไปศึกษาดูงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเกาะจาก ตำบลเกาะจาก
อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ซึ่งมีผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ จำนวน 33 คน
โดยเราใช้รถมินิบัสในการเดินทาง โดยรถออกจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เวลา
09.00 น. จากนั้นก็ไปรับคณะกรรมการเครือข่ายองค์กรการเงินชุมชน
ตำบลกะหรอ ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลกะหรอ ซึ่งคณะกรรมการฯ
ได้รอกันโดยพร้อมเพียง
เมื่อทุกคนขึ้นรถเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็มุ่งหน้าตรงไปที่กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเกาะจาก
เมื่อรถแล่นมาได้สักประมาณ 30 นาที
ก็มีท่านคณะกรรมการหนึ่งคนถามขึ้นว่า “วันนี้เราจะไปไหน
เราจะไปทำอะไร” เมื่อได้ยินคำถามอย่างนั้น หนูเคเอ็ม
งงมากมองหน้ากันเป็นเครื่องหมาย ?
(นึกในใจว่าทีมวิจัยไม่แจ้งให้คณะกรรมทราบก่อนหรือว่าเราไปทำอะไร)
จากนั้นคุณ ภูวนาถ ประธานหมู่ที่ 4
ก็ได้ลุกขึ้นตอบคำถามเพื่อคล้ายข้อสงสัย
ว่าวันนี้เราจะไปศึกษาดูงานกลุ่มเกาะจาก
ว่าเขามีการบริหารจัดการอย่างไรทำไหมกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่เข้มแข็งและสามารถอยู่มาได้ตั้ง
26 ปี เมื่อคลายข้อสงสัยกันแล้ว
ทุกคนก็นั่งเงียบเพื่อดูบรรยากาศสองข้างทาง
จากนั้น คุณพัชรี วารีพัฒน์ เหรัญญิกหมู่ที่ 8
ก็ได้ลุกขึ้นชี้แจงวัตถุประสงค์ของการไปศึกษาดูงานให้ทราบว่าพวกเราจะไปที่ไหน
ไปทำไม ก็ได้คำตอบที่ว่า
เราจะไปดูกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเกาะจาก
เพราะเป็นกลุ่มที่เข้มแข็ง ซึ่งคนที่มีความรู้แค่ชั้น ป.4
สามารถที่บริหารจัดการให้กลุ่มมีความเจริญเติบโต
มีเงินทุนหมุนเวียนหลายล้านบาท และสามารถอยู่มาได้จนถึงปัจจุบัน
เราไปเพื่อที่จะศึกษาเขาเพื่อที่จะเอาความรู้ที่ได้รับในวันนี้มาประยุกต์ในกับกลุ่มของเรา
แล้ว อ.ไพโรจน์ นวลนุ่ม นักวิจัย มวล. ก็ได้ลุกขึ้น
และบอกว่าตนเองที่ไปวันนี้ ก็จะไปเป็นนักสังเกตการณ์
จะดูว่าคณะกรรมการเครือข่ายตำบลกะหรอเขาจะไปเอาอะไรกลับมาได้บ้าง
(ความรู้)
เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เวลา 10.30 น.
ทุกคนก็ตกตลึงตาค้างกับที่ทำการของกลุ่มเพราะเป็นสถานที่ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหญ่โต
สวยงาม และสะดวกสบายมาก เป็นอาคาร 2 ชั้น
และชั้นล่างก็จะมีสินค้าของกลุ่มแม่บ้าน และสินค้าชุมชน
จากนั้นทางคณะกรรมการตำบลเกาะจากให้เข้ามาต้อนรับเมื่อทำการทักทายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็ได้รับการเชื้อเชิญให้นั่งและก็มีการบริการน้ำดื่มให้ถึงที่
เมื่อนักพักหายเหนื่อยกันแล้วก็เข้าเริ่มกระบวนการ
คุณสุไพ วงศ์เมฆ ประธานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเกาะจาก
ก็ได้กล่าวต้อนรับและบอกให้ทราบว่างานวันนี้ได้รับการติดต่อจากคุณประมวล
วรานุศิษฎ์ พัฒนาการกิ่งอำเภอนบพิตำ และคุณอุบลรัตน์ นวลนุ่ม
(น้องรัตน์) ผู้ช่วยผู้วิจัย ทีมนครศรีธรรมราช
เป็นคนประสานงานให้
จากนั้น คุณสุไพ ก็ได้เล่าประวัติความเป็นมาของกลุ่มบ้านเกาะจากว่า
เมื่อก่อนชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา แต่การทำนาอย่างเดียวก็ไม่พอ
ท่านผู้ว่าราชการแนะนำให้ทำไร่นาสวนผสม
แต่ในการทำไร่นาส่วนผสมจะต้องใช้ทุนในการยกร่อง
จึงคิดหาวิธีการว่าจะทำอย่างไร
แล้วก็นัดประชุมลูกบ้านจำนวน 8 หมู่บ้าน
ซึ่งในการประชุมครั้งแรกมีผู้เข้าร่วมประชุม 3 หมู่บ้าน จำนวน 80 คน
จัดประชุมที่วัด
และก็มีเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนได้เสนอให้เปิดกลุ่มออมทรัพย์ขึ้น
มีชาวบ้านเข้าใจจำนวน 32 คน
ที่เหลือไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วยก็ไม่เลยสมัครเป็นสมาชิก
และกลุ่มก็ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2523
มาถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 26 ปี ครั้งแรกเก็บเงินได้ 1,120 บาท
ปัจจุบันมีเงิน จำนวน 30 ล้านบาท
เมื่อปี 2544 ทุกคนก็อยากที่จะเปิดรับสมาชิกใหม่
คณะกรรมการคิดจะจัดตั้งกลุ่มใหม่ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม
ซึ่งสมาชิกที่เข้าร่วมในครั้งนี้มีจำนวน 8 คน ได้เงินจำนวน 2,400 บาท
มาถึงวันนี้ มีเงินจำนวน 20 กว่าล้าน ใช้ระยะเวลา 5 ปี การที่กลุ่ม 2
กลุ่มนี้ประสบผลสำเร็จได้เนื่องมาจากการที่สมาชิกให้ความเชื่อถือท่านประธานคนเก่า
และปัจจุบันกลุ่มทั้ง 2 กลุ่มก็ใช้ที่สถานตรงนี้เป็นที่ทำการ
ซึ่งกรรมการทั้ง 2 กลุ่มก็เป็นคณะกรรมการชุดเดียวกัน
และกลุ่มที่เกิดขึ้นก็มีดังนี้
1) กลุ่มแม่บ้าน ทำดอกไม้จากใยบัว ทำพวงหรีด
ทำดอกไม้จันทร์
2) กลุ่มสวัสดิการให้สมาชิก ได้แก่
เมื่อสมาชิกคลอดลูกฝากบัญชีให้ลูก 500 บาท เด็กจบประถมศึกษาชั้นปีที่
6 ให้ทุนการศึกษา 500 บาท สมาชิกเสียชีวิตให้ค่าทำศพ 3,000 บาท
ไม่สบายเข้าโรงพยาบาลสามารถเอาใบเสร็จมาเบิกได้
มอบทุนการศึกษาให้โรงเรียนทุกปี มอบของขวัญในวันสำคัญ เช่น วันเด็ก
วันสงกรานต์ วันลอยกระทง เป็นต้น
3) กลุ่มกองทุนฌาปณกิจ โดยเก็บคนละ 100 บาท/ปี
แต่กลุ่มนี้ใครจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจของสมาชิก
การที่สมาชิกจะกู้เงินของกลุ่มออมทรัพย์ได้นั้น
จะต้องเอาเงินฝากบัญชีของกลุ่มออมทรัพย์มาค้ำประกัน
ถ้าเกิดไม่พอก็สามารถยืมสมุดบัญชีท่านอื่นมาค้ำได้ เช่น นาย ก
มีเงินฝากในบัญชี จำนวน 10,000 บาท แต่ต้องการที่จะกู้เงินจากลุ่มฯ
จำนวน 20,000 บาท นาย ก. ก็จะต้องไปยืมสมุดของ นาย ข.
(ต้องมีเงินฝากในบัญชี 10,000 บาทขึ้นไป) มาค้ำประกันให้ตนเอง
แต่ถ้าไม่ยืมสมุดของคนอื่นมาค้ำก็สามารถที่จะเอาหลักทรัพย์
(โฉนดที่ดิน) มาค้ำได้
แต่ในกู้เงินจากกลุ่มไปสามารถที่จะเอาเงินกู้ไปทำอะไรได้ไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องเอาไปประกอบอาชีพเท่านั้น
อาจจะเอาไปซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ตนเองก็ได้
ทางกลุ่มไม่จำกัดในข้อนี้
ตอนนี้กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเกาะจาก
มีชื่อเสียงระดับประเทศ มีกลุ่มต่าง ๆ มาสนใจดูงานกันเยอะ
ซึ่งการที่กลุ่มนี้เข้มแข็งได้ก็เพราะกรรมการกลุ่มมีความเสียสละเพื่อส่วนรวม
ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อหมู่บ้านของเรา
ตอนนี้ทางกลุ่มของเราได้นำเงินมาจัดสวัสดิการให้แก่สมาชิก
ทำให้สมาชิกของเรากินดีอยู่ดีและสิทธิ์
ถ้าเปรียบเทียบกับสมัยก่อนเวลามีงานแต่งหรืองานศพ
ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงก็จะช่วยเหลือกัน ใครมีข้าวก็เอาข้าวมาให้
มีมะพร้าวก็เอามาให้ เป็นต้น
การกระทำเช่นนี้เขาก็เรียกว่าเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ถ้าจะพูดถึงเงิน ถามว่าสำคัญไหม ก็ตอบได้ว่า
“เงินเป็นเครื่องมือไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้เลย
เพราะเมื่อเงินหมดก็จบ”
แต่การที่จะทำให้กลุ่มนี่อยู่ได้ก็คือการเอาความรู้มาถ่ายทอดเข้าสู่องค์กร
ยกตัวอย่างเช่น ภาพยนต์จีน
การฝึกวิทยายุทธ์ของวัดเส้าหลินเขาได้ถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลังทำให้วิทยายุทธ์นี้ยังอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน
แต่ถ้าไม่มีการถ่ายทอดเอาไว้ก็คงจะสูญหายไปแล้ว
หรือไม่เราก็ต้องสอนให้คนตกเบ็ดเป็นเมื่อตกเบ็ดเป็นแล้วก็จะต้องสอนให้รู้จักหาเหยื่อให้เป็นด้วย
มันถึงจะอยู่ได้ แต่ที่สำคัญขอให้เราอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง
อยู่ให้พอประมาณ ถ้าเราปฏิบัติได้เราก็จะไม่เดือนร้อน
จากนั้นก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้าร่วมซักถามข้อสงสัย
คุณพัชรี วารีพัฒน์ ได้ลุกขึ้นซักถามเกี่ยวกับภาพกิจกรรมของกลุ่ม
และการจัดสวัสดิการต่าง ๆ ว่าเอาเงินมาจากไหน
คุณสุไพ ก็ได้ชี้แจงให้ทราบว่า
วันทำการของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเกาะจากจะทำงานทุกวันที่ 2
ของเดือน ส่วนชมรมชาวลุ่มน้ำบางไทร วันทำงานกลุ่มจะเป็นวันที่ 6
ของทุกเดือน
ส่วนการบริหารจัดการเรื่องเงินฝากของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต
ท่านประธานคนเก่าได้เสนอไว้ว่าให้คณะกรรมการทุกหย่อมบ้าน
(ทุกหมู่บ้าน) รวบรวมเงินจากสมาชิกเพื่อรับภาระเป็นคนฝากเงินให้สมาชิก
โดยที่สมาชิกไม่ต้องมาที่กลุ่ม ซึ่งในแต่ละหย่อมบ้านก็จะมีหัวหน้าสาย
1 คน เพื่อรับภาระตรงจุดนี้ ก็ได้แบ่งออกเป็น 9 สายด้วยกัน
เมื่อถึงวันทำการหัวหน้าสายก็จะไปเก็บเงินสมาชิกของทุกคนเพื่อนำมาฝากให้ที่กลุ่ม
ส่วนกลุ่มชมรมชาวลุ่มน้ำบางไทร
สมาชิกทุกคนต้องมาฝากเงินกับกลุ่มเองจะฝากหัวหน้าสายไม่ได้
แต่ถ้าฝากสมาชิกด้วยกันได้