รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี : เมื่อผู้สูงอายุโดนลูกหลานทำร้ายร่างกาย


อิสรชนขออนุญาตตั้งคำถามและตั้งข้อสังเกตที่เมื่อฟังแล้วอ่านแล้วอาจจะ ด่าว่าวิจารณ์กันมาอย่างแรง ๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่อยากให้สังคมใช้วิจารณญาณในการตัดสินหรือพิกพากษาใครก่อนที่จะพิจารณาความให้ถ้วนถี่ อย่ามองเพียงผลที่แสดงในปัจจุบันอยากจะให้มองถึงที่มาที่ไปหรือเหตุของผลที่แสดงออกในปัจจุบัน ตามหลักศาสนาที่พึงจะใช้ตามความเชื่อในแต่ละศาสนา ที่แต่ละคนนับถือ

รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี : เมื่อผู้สูงอายุโดนลูกหลานทำร้ายร่างกาย

จากภาพข่าวที่ว่าลูกสาววัย 50 เศษ ทำร้ายร่างกายแม่อายุ 90 กว่า เป็นที่พูดคุยอย่างกว้างขวางในสังคมไทย แต่เป็นการคุยแบบด้านเดียว ไม่มีใครออกมาวิเคราะห์ว่า ทำไมลูกถึงทำร้ายแม่ หรือ ทำไมในกรณ๊อื่น ๆ คนที่ตกเป็นจำเลยของสังคมคือ ลูกหรือหลาน แต่ไม่มีใครตั้งคำถามว่า ก่อนหน้านี้ คนแก่ที่โดนทำร้ายเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานมาอย่างไรเมื่อมาถึงวันนี้ ลูกหลานถึงได้ลงไม้ลงมือทำร้ายคนแก่ ??

อิสรชนขออนุญาตตั้งคำถามและตั้งข้อสังเกตที่เมื่อฟังแล้วอ่านแล้วอาจจะ ด่าว่าวิจารณ์กันมาอย่างแรง ๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่อยากให้สังคมใช้วิจารณญาณในการตัดสินหรือพิกพากษาใครก่อนที่จะพิจารณาความให้ถ้วนถี่ อย่ามองเพียงผลที่แสดงในปัจจุบันอยากจะให้มองถึงที่มาที่ไปหรือเหตุของผลที่แสดงออกในปัจจุบัน ตามหลักศาสนาที่พึงจะใช้ตามความเชื่อในแต่ละศาสนา ที่แต่ละคนนับถือ

สังคมไทย หากเด็กโดนทำร้ายร่างกาย สังคมก็จะโจมตีว่พ่อใจร้ายแม่ใจยักษ์ ลงโทษพิพากษาผู้เป็นพ่อและแม่ ณ ห้วงเวลานั้น ๆ และให้ท้ายเด็กโดยไม่รู้ตัวพ่อหรือแม่หรือใครก็ตามที่ดูแลเด็กหลังจากที่สังคมประนามคนที่ทำร้ายเด็กไปแล้ว ก็ต้องระแวดระวังตัว ไม่เช่นนั้นจะโดนแฉประจานได้ง่าย ๆ

และเมื่อเวลาผ่านไป เด็กในวันนั้นก็คือผู้ใหญ่ที่เก็บกดจากการโดนทำร้ายในอดีต เมื่อครั้งที่เป็นเด็ก และผู้ใหญ่ในอดีตก็คือคนแก่หรือผู้สูงอายุในวันนี้ เรื่องมันก็จบลงแบบงูกินหาง หลายครอบครัวพบว่า คนแก่ หรือผู้สูงอายุในวันนี้ คือผู้ใหญ่ใจร้าย(น่าจะเรียกว่าใจร้อนมากกว่า)ในอดีต ที่ลงไม้ลงมือกับเด็กด้วยอารมณ์ผสมความรัก โดยที่ไม่ได้อธิบาย แถมเด็กในวันนั้น ก็โดนคนรอบข้างให้ท้าย ตำหนิผู้ใหญ่ที่ทำร้ยเด็ก ก็เลยทำให้เด็กเข้าใจไปเองว่า ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำโดนไม่มีเหตุผล ทั้งที่บางครั้งการทำร้ายเด็กของผู้ใหญ่บางคน ก็เป็นการแสดงความรักความห่วงใย ตามที่ได้รับการสั่งสอนกันมาว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ก็เลยตี หรือทำร้ายเพราะความรัก แต่ไม่มีคำอธิบาย

ครอบครัวจำนวนไม่น้อยที่แสดงความรัก ด้วยการตีวางกติกา ข้อบังคับ โดยที่ บางครอบครัวก็ให้เหตุผล บางครอบครัวก็ไม่ให้เหตุผล หรือ ให้เหตุผล แต่เด็กเองก็ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ ว่าเพื่ออะไร คืออะไร เมื่อเก็บงำ เก็บข้อสงสัยไว้นานเข้า ก็กลายเป็นการแสดงออกแบบสะท้อนกลับบนพื้นฐานความเชื่อว่า เป็นสิ่งชอบธรรม ตัวคนแก่ หรือผู้สูงอายุเองในบางคน ก็เข้าใจในสิ่งที่ลูกหลานทำ บางราย ผูกพันด้วยซ้ำไปกับคนท่ำร้ายตัวเอง เหมือนกับ เด็กที่ พยายามเข้าซุกอกแม่หรือพ่อเมื่อโดนตีหรือโดนทำร้ายร่ากาย เพื่อแสดงความรัก??

ในส่วนตัวของอิสรชนเอง ไม่อยากให้สังคม โดยเฉพาะสื่อมวลชนใช้ความรู้สึกส่วนตัว และ กติกากลางของสังคมตัดสินเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงชั่วลัดมือที่เห็นเพียงภาพข่าวและข้อมูลจากคำบอกเล่าที่ออกมาจากปากคนที่อยู่แวดล้อม ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นอาจจะเจือไปด้วยอคติ ที่มีต่อคนที่ทำร้ายร่างกายก็เป็นได้ แต่อยากให้ นำเสนอในรูปแบบของการวิเคราะห์ที่มาที่ไปอย่างมืออาชีพที่ใช้หลักวิชาการเข้ามาจับ

ในส่วนของผู้คนในสังคมเอง ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวสารข้อมูล และใช้ข้อมูลที่มีทั้งหมด ผนวกรวมกับเรื่องราวที่เห็นรวมถึงมีสติในการฟัง ก่อนที่จะตัดสินใจพิพากษาใครคนใดคนหนึ่งเพียง การบอกเล่าและความลำเอียงจากความคิดเห็นส่วนตัว เพราะเรื่องราวที่เป็นจริง อาจจะเป็นคนละเรื่องเดียวกันกับที่เราเห็นหรือฟังจากสื่อเลยก็เป็นได้

สังคมไทยต้องหนีออกจากสังคมแห่งมงคลตื่นข่าว กระต่ายตื่นตูม และใช้วิธีค้นหาข้อเท็จจริงจากสติที่มีอยู่ในตัวตนของแต่ละคนมากกว่า สังคมไทย ถึงจะรอดพ้นความแตกแยกและเชื่อคนง่ายเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

หมายเลขบันทึก: 278441เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2009 17:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 14:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ตอนนี้ป้าคนนี้ก็ถูกสังคมพิพากษาว่าเป็นคนเลวไปแล้วค่ะ จริงๆแล้วอยากจะโทษสื่อมากกว่าที่ชอบเสนอข่าวด้านเดียว ชอบตีข่าวโดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา เห็นข่าวแล้วก็น่าสงสารค่ะ ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท