สวัสดีครับคุณครูแป๋ม
- อย่าโหมงานหนักมากนะครับ ดูแลสุขภาพด้วย
บทปลงจิต เมื่อยามใกล้จะล่ะสังขาร
บทปลงจิต เพื่อนำทางจิตเมื่อยามใกล้ล่ะสังขาร เพื่อนำทางไปสู่สุคติ
บทปลงจิตนี้ ท่านผู้มีบารมีท่านหนึ่งได้มอบมาให้ และคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์ให้กับท่านผู้สนใจ
เมื่อข้าพเจ้าจะดับจิตลง |
อย่าให้ไหลหลง |
ขอให้จิตจำนงค์ |
มุ่งตรงพระศรีอารย์ |
ขอให้พบดวงแก้ว |
ขอให้แคล้วหมู่มาร |
ขอให้ถึงพระนิพพาน |
ในอนาคตกาล |
เบื้องหน้าโน้นเทอญ |
การศึกษากรรมทีปนี (กรรม 12 อย่าง) จะพบว่ากรรมใกล้ตาย (อาสันนกรรม) มีพลังอำนาจเป็นที่ 2 รองจาก กรรมหนัก (ครุกรรม) ซึ่งมีทั้งฝ่ายดี และฝ่ายชั่ว
บางคนเป็นคนดี ใฝ่กุศลอยู่เสมอ แต่เคยได้กระทำความไม่ดีไว้ในอดีตแล้วก็ลืมไปสิ้น ครั้งก่อนใกล้ตาย จิตพลันไปนึกถึงความไม่ดีนั้นจนจิตใจเศร้าสร้อย จนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ก็เป็น กรรมก่อนตายฝ่ายชั่วเหมือนกัน มีพลังอำนาจพาไปสู่ทุคติ ทันที
บุคคลที่กระทำความดีอย่างสม่ำเสมอ และก่อนตายจิตก็ระลึกถึงความดีที่กระทำมาได้ กรรมก่อนตาย อย่างดี เป็นกรรมก่อนตายฝ่ายดี มีสุคติเป็นที่ไป
แม้กระทั่งผู้ที่ไม่ค่อยได้ทำบุญสัก เท่าไร แต่ก็เคยได้ทำบุญไว้บ้างนานแล้ว ลืมไปแล้ว แต่ว่าตอนใกล้ตายกลับระลึกถึงคุณงามความดีนั้นได้ ทำให้จิตใจชุ่มชื่น
เหล่านี้ เป็นกรรมก่อนตายฝ่ายดี สามารถไปสู่สุคติได้ สุคติ ก็คือ ภพ มนุษย์ สวรรค์ พรหม นิพพาน
บทปลงจิตนี้คิดว่าจะมีความเกี่ยวโยงกับกรรมใกล้ตาย จึงได้นำมาเสนอไว้ และเผื่อเป็นประโยชน์ให้กับท่านผู้สนใจ
ความรู้เพิ่มเติมในขณะที่กายจะดับและการเดินทางของดวงวิญญาณสู่การเกิดภพใหม่และการเจริญสติปัฏฐาน ๔
หากล่ะสังขารลงไปด้วยจิตที่เป็นโลภะ คือมีความอยากได้ ก็จะไปเกิดเป็นเปรตหรืออสุรกาย
หากล่ะสังขารลงด้วยโทสะ คือมีความโกรธ ก็จะไปเกิดเป็นสัตว์นรก
หากล่ะสังขารลงไปด้วยจิตที่เป็นโมหะ คือ มีความหลง แบบไม่มีสติ ก็จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
อีกแนววิธีหนึ่งในการต้อนรับเมื่อจิตล่ะสังขาร คือการมีสติรู้, การเจริญสติปัฏฐาน ๔ หลวงพ่อจรัญได้กล่าวไว้ว่า "การเจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญกาย เวทนา จิต ธรรม ตั้งพิจารณาโดยปัญญา ตลอดกระทั่ง ยืน เดิน นั่ง นอน จะคู้เหยียด ๆ ขาทุกประการ ก็มีสติครบ รับรองได้เลยว่า ถ้าโยมทำถึง ปิดประตูอบายได้เลย นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน โยมจะไม่ไปภูมินั้นอย่างแน่นอน" รายละเอียดเพิ่มเติมหาอ่านได้ที่ www.jarun.org หรือ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=302923
หมายเลขบันทึก: 277844เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2009 17:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 18:21 น. () สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (15)
สวัสดีค่ะ ขอบคุณสิ่งดีมีให้อ่านค่ะ
สวัสดีครับ ขอบคุณครับที่แวะมาหาอ่านความรู้
สวัสดีค่ะ แวะมาอีกรอบค่ะ
ขอบคุณครับ คุณ KRUPOM ที่แวะมาจำนวนหลายครั้ง
เตรียมตัวตายไม่ประมาทหัดไว้ก่อน เมื่อถึงตอนใกล้ตายไม่สับสน
มีชีวิตต่อไปไม่ร้อนรน ด้วยฝึกตนฝึกใจให้คิดดี
สวัสดีค่ะ
- ขอบพระคุณที่ไปเยือน
- อ่านเรื่องน้องชายคุณ สงสารจังเลยค่ะ โชคร้ายที่ป่วย แถมยังเจอหมอห่วยๆอีก แย่จริงๆ
-
ในราวปี 2550 ได้พบเจอฆราวาสธรรมหญิงท่านหนึ่ง โดยบังเอิญที่วัดแห่งหนึ่งแถว อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ท่านมีอายุ ราว 55 ปี เป็นข้าราชการเกษียณ เป็นที่น่าสังเกตุว่า กัลยาณมิตรธรรมท่านนี้มักจะมีโชคลาภอยู่บ่อยๆ เกือบทุกงวดเลยก็ว่าได้ ได้ลองสอบถามถึงเคล็ดลับต่างๆ จึงได้บังอ้อ และเคล็ดลับนี้น่าสนใจมาก
-
มีเคล็บลับอะไรบอกได้ไหมคะ
- อ้อ ลืมบอกไป บทสวดนี้ใช้สวดทุกวันพระ หลังจากทำบุญเสร็จแล้ว จะนั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิต่อ จนประมาณห้าโมงเช้าก็กลับบ้านค่ะ
- ขอบพระคุณที่นำมาบอกค่ะ
สวัสดีค่ะ
- มาทักทายยามดึกนิดนึงนะคะ
- ตอนนี้แป๋มเริ่มไอและจามบ้าง
- รักษาสุขภาพด้วยอากาศเริ่มเย็นแล้ว
สวัสดีครับ ท่านนายวิโรจน์ พูลสุข
คติคำกลอนของคุณน่าสนใจครับ กับการ รู้จักหัดเตรียมตัวตาย ตอนใกล้ตายจะได้ไม่สับสน ไม่ร้อนรน ด้วยการฝึกตน
สวัสดีครับคุณลีลาวดี
เรื่องเจอหมอดีหรือหมอห่วยๆ เรื่องเหล่านี้ผมเคยคิดจะสร้างบล็อกตีแผ่บางเรื่องเกี่ยวกับหมอห่วยอยู่ (คิดอยู่ แต่จะทำหรือไม่ก็ยังไม่แน่ครับ)
ส่วนเรื่องเคล็ดลับฆราวาสธรรมหญิง ที่มีโชคลาภอยู่บ่อยๆ นั้น ก็ไม่มีอะไรมากครับ อยู่ที่การทำบุญบ่อยๆ ครับ (รายละเอียด ถ้าสนใจจริงๆ ค่อยอีเมล์มาถามนะครับ)
ดูประวัติคุณลีลาวดี รู้สึกยังไ่ม่ค่อยเปิดตัวนะครับ ไม่ค่อยรู้ประวัติการศึกษาและการทำงาน
ขอบคุณที่แวะมานะครับ เรื่องสวดมนต์ถ้าให้ดี ก็สมาทานศีลก่อนก็ดีครับ (รายละเอียดเรื่องการสมาทานศีล มีประโยชน์เพียงใด และสมาทานตอนไหนจึงจะสะดวกและดีกว่า เอาไว้ถ้ามีโอกาส อาจได้นำมาสร้างเป็นบล็อกในอนาคตครับ)
สวัสดีค่ะ ขอศึกษาและค่อยๆ นำไปปฏิบัติค่ะ เตรียมตัวตายอย่างไม่ประมาท ค่ะ
สวัสดีครับคุณ♥paula ♥ที่ปรึกษาตัวน้อย✿
- ยินดีครับ สำหรับการศึกษา
- หลวงปู่บางรูปท่านกล่าวว่า การปฎิับัติธรรมนั้น ก็เพื่อ ในเวลาจะตายจะได้ไม่ต้องกลัว สามารถต้อนรับได้ในทุกขณะ หมายถึงการปฎิบัิติให้ผ่าน ในระดับที่เรียกว่า "ตายก่อนตาย"
ผู้ใฝ่รู้
อ่านแล้วคิดได้นะ แต่บังคับจิตใจให้ทำตามได้ยาก
- สวัสดีครับคุณผู้ใฝ่รู้
- อืมต้องอาศัยการฝึกปฏิบัีติครับ