· ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งการสะกดจิตที่จะทำให้เชื่อว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่เรา หากแต่ทุกคนสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
· ทำไมต้องเจริญสติปัฏฐาน ?
เพราะคนส่วนใหญ่มีสัญญาวิปลาส ที่เข้าใจว่ากายและใจเป็นของเรา
· เจริญสติปัฏฐานเพื่ออะไร ?
- เพื่อถอดถอนความเห็นผิด
- เพื่อจะได้เห็นความจริงของกายและใจเป็นไตรลักษณ์ (เห็นอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของเรา) ซึ่งการเห็นว่ากายนี้ใจนี้เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน
· เจริญสติปัฏฐานอย่างไร ?
มีสติรู้กาย-ใจ ถ้ารู้นอกกาย-ใจ อาจเป็นเพียงการเจริญสติ แต่ไม่ใช่สติปัฏฐาน
· เจริญสติปัฏฐานแล้วได้อะไร ?
-ได้เห็นจริงว่าตัวเรา (กาย-ใจ) ไม่มี
- กาย-ใจเป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง
- กาย-ใจเป็นทุกข์ล้วนๆ
- ขันธ์ ๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) มีอยู่ แต่ไม่เข้าไปครอบครอง
· จิต คือผู้ที่รู้อารมณ์ ในระยะแรกอาจเห็นเพียงเจตสิก เห็นโลภ โกรธ หลง ที่แนบชิดกับจิต หากมีสติมากขึ้นก็จะมองเห็นว่าโลภ โกรธ หลง นั้นเป็นคนละส่วนกับจิต
· พระใบลานเปล่า (พระตุจโฉโปฏฐิละ) เป็นตัวอย่างคำสอนที่นักดูจิตควรศึกษา…Highlight อยู่ที่คำสอนของสามเณรอรหันต์ที่แนะวิธีจับเหี้ยในจอมปลวกแก่พระโปฏฐิละ
· Tip การดูจิต
*ปล่อยให้จิตกระทบอารมณ์ไปก่อน แล้วตามรู้ความรู้สึก ขณะนั้นๆ
*อย่าปฏิเสธ อย่าตั้งท่ารอ
*ปฏิบัติไปจนกระทั่งเห็นกริยาของจิตที่ไหลไปไหลมา
บรรยากาศในงานบรรยายธรรม ครั้งที่ ๑๔ จัดโดยชมรมกัลยาณธรรม
http://www.kanlayanatam.com/index_.htm
ศึกษาเพิ่มเติม
พระใบลานเปล่า
http://www.baanjomyut.com/pratripidok/cha/11.html
เจตสิก
http://www.bkkonline.com/scripts/it/question.asp?Q=1374
สาธุครับ
รู้ต่อไปครับ
มาเยี่ยมและอนุโมทนาด้วยค่ะ
ขอบพระคุณสำหรับ
Tip การดูจิต
*ปล่อยให้จิตกระทบอารมณ์ไปก่อน แล้วตามรู้ความรู้สึก ขณะนั้นๆ
*อย่าปฏิเสธ อย่าตั้งท่ารอ
*ปฏิบัติไปจนกระทั่งเห็นกริยาของจิตที่ไหลไปไหลมา
เสมือนมีอาจารย์ มาชี้แนะ ความเรียบง่ายที่จะนำไปปฏิบัติได้จริงๆ