อัตตา...หนอ...อัตตา


อัตตาคือ ความเชื่อ ความคิดว่ามีตัวตน เป็นคนนี้สิ่งนี้ ไม่ใช่คนนั้นสิ่งนั้น อนัตตาคือความเห็นถูก เข้าใจถูกว่าทุกสิ่งคือสภาพธรรมต่างๆ มีจิตเป็นต้น เกิดขึ้นแล้วดับไป อันที่จริงแล้วไม่มีอะไรเลยที่คงอยู่ยั่งยืน สภาพธรรมทั้งสิ้นเกิดขึ้นชั่วขณะจิตอันแสนสั้น แม้แต่ที่เห็นเป็นภูผาอันสูงใหญ่ก็เปลี่ยนแปลงเกิดดับอยู่ทุกขณะ เช่นเดียวกับมือของเราขณะนี้ กล่าวคือเซลล์ทุกเซลล์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกอณู ปรมาณู ไม่คงที่ แปรผันไปตามครรลองอันเป็นนิรันดร์

อัตตา คือ ความเชื่อและความคิดว่ามีตัวตน 

เหตุที่ทำให้เราเห็นอัตตาตัวเองและคนอื่นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นคือการประสพกับเหตุการณ์จริงในชีวิตประจำวันครับ เรื่องมีอยู่ว่า คืนวันหนึ่งผมขับรถมาปฏิบัติงานเวรดึก(ทำงานโรงพยาบาลครับ..เวลาที่ต้องบริการผู้ป่วยต้อง 24 ชั่วโมงเวลาที่ปฏิบัติงานจึงเรียกว่าเวรเช้า เวร บ่าย เวรดึก เวรละ 8 ชั่วโมงก็ผลัดเปลี่ยนกันครับ) คืนวันที่ผมขับรถมาปฏิบัติงานฝนตกหนักมาก เจ้ากรรม ผมลืมร่มไว้ที่บ้าน ลานจอดรถในร่มก็เต็มมีที่ว่างอยู่ 3 ที่ครับ คือ ที่จอดรถผู้อำนวยการ รองบริหารฝ่ายทั่วไป รองฝ่ายการพยาบาล ช่วงเวลาที่ผมตัดสินใจเข้าไปจอด.....เห็นเหตุการณ์กับชีวิตพยาบาล 2 คนแต่เธอต่างฐานะกันครับ คนหนึ่งวิ่งขึ้นรถเก่งป้ายแดงที่ตัวเองซื้อมาใหม่และถอยออกไปจากที่จอดรถตำแหน่งที่จอดรถของผู้อำนวยการแต่อีกคนกว่าเธอจะออกรถได้นานพอสมควรครับ เนื่องจากเธอต้องเอาเสื้อกันฝนที่เตรียมไว้ออกจากใต้เบาะมอเตอร์ไซด์ที่เธอขี่มา ขี่ฝ่าสายฝนออกไปผมมองตามแล้วคิดต่อบ้าน เธออยู่ไกลไหมหนอ ..... เห็นพยาบาลสาวขับรถออกจากที่จอดของผู้อำนวยการ ผมคิดมาแว๊บ ระดับเรา รถเก่า จอดตรงตำแหน่งรองฝ่ายการพยาบาลก็น่าจะได้ ก่อน 7.30 น ของวันรุ่งขึ้นค่อยมาขยับเดี่ยวเจ้าของที่จอดเขามาจะไม่ที่จอดและเห็นซากรถเก่าๆ มาจอดดูจะไม่เหมาะกับฐานะเธอ แล้วความโชคดี หรือ ความโชคไม่ดีก็เกิดขึ้นกับตัวผมจนได้ คือตอนรุ่งเช้าช่วงเวลา 6.30 -7.30 น เจ้ากรรมคนไข้มารอรับบริการตั้งแต่ตอนเช้าผมลืมไปย้ายที่จอดรถ เวลาประมาณ 8.00 น ขออนุญาตทีมงานไปย้ายรถ ขณะที่ผมกำลังเดินไปถึงรถเห็นหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล(รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการพยาบาล) กำลังวนดูป้ายทะเบียนรถที่จอดอยู่ดูท่าทางเหมือนแม่เสือหิวกำลังจะตะบปเหยื่อ ผมรู้ได้ทันที่เธอกำลังโกรธ ผมจึงวิ่งเข้าไปสวัสดีและพูดคำว่า ขอโทษครับเมื่อคืนไม่ที่ที่จอดรถ ว่าจะมาย้ายแต่มาสายไปหน่อย.. แต่เธอดูเหมือนยังละความโกรธ ... พูดแบบไม่มองว่า พี่โดนเป็นประจำ เธอหมายถึงเธอโดนแย่งที่จอดรถเป็นประจำ และเธอกำลังจะบอกว่า ป้ายที่เขียนตัวใหญ่ที่แขวนไว้ ไม่เห็นหรือไร ที่จอดรถรองผู้อำนวยการด้านการพยาบาลโรงพยาบาล

ผมเห็นท่าที่ คำพูดที่ออกมาจากผู้บริหาร ทำให้ผมต้องไปค้นคำว่าอัตตามันคืออะไร อัตตาคือ

ความเชื่อ ความคิดว่ามีตัวตน  เป็นคนนี้สิ่งนี้ ไม่ใช่คนนั้น สิ่งนั้น ทำให้เข้าใจคำว่าอัตตา เพิ่มมากขึ้น เพราะเจออัตตาหล่นทับตั้งแต่ก่อนกินข้าวเช้า ครับท่านผู้ชม

คำสำคัญ (Tags): #อัตตา
หมายเลขบันทึก: 276063เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2009 12:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 มีนาคม 2012 05:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ปรากฏการณ์ใด เหตุการณ์ ความรู้สึกใดที่เกิดขึ้นในจิตในให้มองตามความเป็นจริงโดยไม่ตั้งข้อสมมุติฐานคือไม่มีอคติหรือเอาศาสนาลัทธิเข้าไปทรอดแทรก...

แลวจะเข้าใจว่าคำว่า..อัตตา..มากขึ้นขอรับอาจาจารย์

  • เป็นเรื่องราวที่สะท้อนแง่มุม
  • ของชีวิตที่ดีเรื่องหนึ่งค่ะ
  • ขอบคุณที่นำมาขานไข
  • ให้ได้มุมมองอีกทางหนึ่ง
  • ขอบคุณค่ะ

       

 

 

กราบมนัสการท่านธรรมชิต

เป็นบุญอย่างมากที่ท่านอาจารย์เข้ามา ช่วยแสดงความคิดเห็นในแง่มุมทางธรรม ช่วยให้ความเข้าได้มากขึ้น สิ่งที่ว่านั้นมันก็ผ่านพ้นไป คงต้องมองทุกอย่างด้วยความเป็นจริง ปล่อยวางให้เกิดความว่าง ไม่ยึด ไม่ถือ จะพยายาม จะพยายาม

กราบขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับคุณครูแป๋ม

ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มันเป็นเหตุการณืที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ของใครบางคน โดยเฉพาะสังคมเมืองที่มีแต่ความเร่งรีบ มองในแง่มุมของศาสนาที่ยังไม่แข็งแรงอย่างผม บางครั้งอาจนำคำ หรือสื่อความหมายผิดๆ ก็ได้ครับ แต่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อย่างน้อย ก็เป็นการศึกษาธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันให้ดียิ่งขึ้นครับ

ยังดีที่ท่านใช้สรรพนามแทนตัวว่าพี่นะครับ อิอิ แต่ไม่ทราบว่าสรรพนามแทนตัวคุณไพทูลว่าอะไร

เปรียบเทียบพยาบาล ๒ ท่านที่ขับรถเก๋งป้ายแดง และที่ขี่จักรยานยนต์

ก็คงเห็นเท่าที่เห็น

ในเรื่องเปียกฝน สองคนคงต่างกัน

แต่ยังมีประเด็นที่เราไม่ทราบแฝงอยู่อีกมาก สมมุติเช่น คนขับรถเก๋งอาจจะกลุ้มใจมาก เพราะฝนตก อาจจะขับไม่เก่ง ขณะที่คนขี่จักรยานยนต์ขับอย่างชำนาญ คนขับเก๋งอาจจะยังมีหนี้ค่ารถอยู่อีกมาก แต่คนมอเตอร์ไซด์ไม่มีหนี้ หรืออะไรอีกมากมายที่เราไม่ทราบ

ผมเองบางครั้งฝนตกหนักก็อยากเดินตากฝน เล่นน้ำฝนอย่างสมัยเด็ก (แต่ก็เป็นไพ่ที่ทิ้งไปแล้ว) เคยมีความสุขที่เดินให้น้ำฝนตกลงมากระทบหมวกและเสื้อฝน เคยอ่านหนังสือกำลังภายในแล้วอยากไปนั่งรับประทานอะไรที่ร้านข้างถนนขณะที่มีฝนตกมีแสงไฟสลัวๆ

ผมเคยสงสารคนกรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาเดินทางไปกลับที่ทำงานประมาณวันละ ๔-๕ ชั่วโมง ขึ้นรถ เดิน นั่งเรือ เดิน นั่งรถ รู้สึกว่าลำบาก เคยปรารถให้น้องคนหนึ่งฟัง เขากล่าวออกมาคำหนึ่งว่า คนกรุงเทพก็คงชินแล้ว ไม่รู้สึกว่าลำบากหรอก ผมก็เกิดจิตสว่างถึงบางอ้อขึ้นมา ว่าอย่าไปวิตกแทนชีวิตปกติของเขาเลย คนหลายล้านคนก็ทำแบบนี้อยู่ เราเป็นคนต่างจังหวัดเพียงแต่ไปเห็นสิ่งที่เราไม่คุ้นชินเท่านั้น (เพราะชินกับการเดินทางสักสองสามนาทีก็ถึงที่ทำงาน)

อ่านทวนที่เขียนแล้วคล้ายของพระอาจารย์เลย

เชิญเพื่อนเข้ามาพูดคุยประเด็นเกี่ยวกับทำความดีเพื่อบแทนแผ่นดิน ในเครือข่ายกิจกรรม อต. ม.รุ่นแรก (ปี 23521-2526) ขณะนี้เปิดกระดานสนทนาที่ Facebook.com ในนาม "ทวีศักดิ์ พุ่มมรดก" แล้วนะ ติดต่อได้ที่ มือถือ 089-9579896

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท